ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: “เศียรใหญ่”จากวัดพระศรีสรรเพชญคือ “เศียรพระพุทธรูปปางปาลิไลยก์” พระเจ้าปราสาททอง  (อ่าน 916 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
"เศียรใหญ่" จากวัดพระศรีสรรเพชญ

“เศียรใหญ่” จากวัดพระศรีสรรเพชญคือ “เศียรพระพุทธรูปปางปาลิไลยก์” สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง

เมื่อวันเสาร์ที่ 18 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา มูลนิธิพิริยะ ไกรฤกษ์ ได้จัดบรรยายวิชาการเรื่อง “รัฐประหาร ความชอบธรรม พิธีกรรม ศิลปะ” ณ ห้อง 107 คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ วิทยากรโดย ผศ.พิชญา สุ่มจินดา อาจารย์ประจำภาควิชาศิลปะไทย คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ช่วงหนึ่งในการบรรยาย ผศ.พิชญาได้เสนอข้อมูลใหม่ว่า “เศียรใหญ่” ของพระพุทธรูปสำริด ที่เชื่อกันว่ามาจากวัดพระศรีสรรเพชญ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ปัจจุบันจัดแสดงภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร หากเศียรใหญ่นี้พบที่วัดพระศรีสรเพชญจริง น่าจะเป็นเศียรของพระพุทธรูปปางปาลิไลยก์ที่สมเด็จพระเจ้าปราสาททองทรงสร้างขึ้น


“เศียรใหญ่” ของพระพุทธรูปสำริด เชื่อกันว่ามาจากวัดพระศรีสรรเพชญ จ.พระนครศรีอยุธยา พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร

หนังสือ “สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง รัฐประหาร ความชอบธรรม พิธีกรรม ศิลปะ” งานเขียนเล่มใหม่ของ ผศ.พิชญา สุ่มจินดา ที่พิมพ์เสร็จออกจากโรงพิมพ์มาเพื่อการบรรยายครั้งนี้ ให้ข้อมูลถึงข้อเสนอใหม่ของ “เศียรใหญ่” จากวัดพระศรีสรรเพชญ ว่า

…“เศียรใหญ่”ของพระพุทธรูปสำริด ที่เอกสารของทางการระบุว่าได้มาจากวัดพระศรีสรรเพชญ และปัจจุบันประดิษฐานในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เศียรดังกล่าวเคยได้รับการวิเคราะห์จาก ผศ.ดร. รุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล ว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเป็นเศียรของพระศรีสรรเพชญซึ่งสร้างในรัชกาลสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ราวพุทธศักราช 2043 แต่ได้รับการปฏิเสธจากผู้เขียนว่าแบบพระพักตร์มีความแตกต่างจากพระพุทธรูปร่วมสมัยที่มีจารึกหรือเอกสารระบุปีที่สร้างค่อนข้างแน่นอนจึงอาจไม่ใช่เศียรพระศรีสรรเพชญนั้น

ในที่นี้เสนอเพิ่มเติมว่าหาก “เศียรใหญ่” ดังกล่าวพบที่วัดพระศรีสรรเพชญจริง น่าจะเป็นเศียรของพระพุทธรูปปางปาลิไลยก์ที่สมเด็จพระเจ้าปราสาททองทรงสร้างขึ้นประดิษฐานในพระมณฑปที่ซ่อมแปลงเป็นพระวิหารของวัดพระศรีสรรเพชญมากกว่า เพราะมีรายละเอียดของพระพักตร์ไปในทางเดียวกับพระพักตร์ของพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 22 และบรรดาพระพุทธรูปปางปาลิไลยก์หลายองค์ที่สร้างขึ้นในช่วงระยะเวลาใกล้เคียงกันดังได้กล่าวมาแล้ว หรือในทางกลับกันบรรดาพระพุทธรูปปางปาลิไลยก์เหล่านี้น่าจะจำลองแบบมาจาก “เศียรใหญ่” อันเป็นเศียรของพระพุทธรูปปางปาลิไลยก์สำริดที่สมเด็จพระเจ้าปราสาททองทรงสร้างประดิษฐานไว้ในพระมณฑปที่วัดพระศรีสรรเพชญนั่นเอง


พระพักตร์ของพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 22 เปรียบเทียบกับพระพักตร์ของ “เศียรใหญ่” จากวัดพระศรีสรรเพชญ

อนึ่ง เมื่อคำนวณเทียบสัดส่วนของ “เศียรใหญ่” กับขนาดเศียรของพระพุทธรูปปางปาลิไลยก์สำริดจากวัดช่องลม ที่มีลักษณะพระพักตร์คล้ายคลึงกัน และอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อม “เศียรใหญ่” ดังกล่าวเมื่อรวมกับพระวรกายจนถึงพระบาทจะมีความสูงราว 10-11 เมตร ขนาดพอจะประดิษฐานในพระมณฑปหรือพระวิหารพระปาลิไลยก์ที่เสาร่วมในของพระวิหารมีความสูงใกล้เคียงกับเสาพะไลของพระวิหารหลวงพระศรีสรรเพชญที่ประดิษฐานพระศรีสรรเพชญซึ่งมีความสูงราว 13-14 เมตรจากการคำนวณของ ผศ.ดร. รุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล…


หนังสือ “สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง รัฐประหาร ความชอบธรรม พิธีกรรม ศิลปะ” สนใจสอบถามได้ที่ มูลนิธิพิริยะ ไกรฤกษ์

 


ขอบคุณ : https://www.silpa-mag.com/history/article_44705
เผยแพร่ : วันเสาร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ.2563
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 26, 2020, 06:30:05 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ