ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สลด..แม่กอดลูกวัย 3 วัน โดดตึก รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ ดับคู่  (อ่าน 19702 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

prayong

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 72
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
สลด..แม่กอดลูกวัย 3 วัน โดดตึก รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ ดับคู่ คาดเครียดค่ารักษา-ลูกตัวเหลือง

วาน นี้ (21 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 04.45 น. วันที่ 21 ม.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วัดพระยาไกร รับแจ้งเกิดเหตุสลดใจ สองแม่ลูกที่เพิ่งคลอดลูกน้อยได้เพียง 3 วัน โดดจากตึกชั้น 13 ภายในโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ แขวงบางคอแหลม กทม. ตกลงมาเสียชีวิตทั้งแม่ และลูก โดยทางพยาบาลชี้แจงเบื้องต้นว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เป็นแม่ได้ขออนุญาติอุ้มลูกพาเข้าห้องน้ำ หลังจากนั้น ได้หายไป เมื่อทราบอีกทีปรากฏว่า ตกลงมาเสียชีวิตดังกล่าว

นายประภาส รัชตะสัมฤทธิ์ ผอ.รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ ชี้แจงว่า การโดดตึกจนเสียชีวิตของสองแม่ลูก นับว่าเป็นเรื่องที่สลดใจเป็นอย่างมาก โดยในวันนี้ หากตรวจร่างกายของสองแม่ลูกแล้วไม่พบอาการผิดปกติ ก็จะอนุญาติให้กลับบ้านได้แล้ว ซึ่งเบื้องต้น อาการของลูกนั้น มีอาการตัวเหลืองอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่เรื่องหน้าหวั่นวิตก เพราะเป็นเรื่องปกติของเด็กที่เกิดใหม่ แล้วอาจมีอาการเช่นนี้บ้าง

เมื่อถามว่า ฝ่ายแม่กังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลหรือไม่ ผอ.โรงพยาบาล กล่าวว่า ผู้เป็นแม่ไม่น่ากังวลเรื่องนี้ เนื่องจากมีบัตรที่สามารถคลอดลูกโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน ทางสามี ซึ่งมีอาชีพขับจักรยานยนต์รับจ้าง ก็มาเยี่ยมดูแลเป็นปกติ รวมถึงญาคติคนอื่น ๆ และก่อนที่จะคลอด ก็มาตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลถึง 9 ครั้ง และในระหว่างที่คลอด ทางพยาบาลก็ดูแลทุกชั่วโมง ซึ่งตนตอบไม่ได้ว่าสาเหตุที่แม่ต้องกอดลูกโดดลงมาจากตึกของโรงพยาบาลนั้น เกิดจากสาเหตุใดแน่ ขอตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม สำหรับศพของสองแม่ลูก ได้ถูกส่งไปตรวจพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวช รพ.จุฬาฯ แล้ว และทางโรงพยาบาลก็จะตรวจสอบหาสาเหตุที่สองแม่ลูกต้องตัดใจโดดตึกฆ่าตัวตาย พร้อมกันในครั้งนี้ มาชี้แจงให้สื่อมวลชนได้ทราบอีกครั้ง.

ที่มาข่าว
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=561&contentID=116684
บันทึกการเข้า

aom-jai

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 134
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
แม่เพิ่งคลอดซึมเศร้า-อุ้มลูกโดดตึกรพ.

สลด2ศพ หมอชี้ปม คิดไปเอง ว่า"ทารก" ผิดปกติ!


สลด - นาย สมัย จันทร์เติบ (ที่ 2 จากซ้าย) ไหว้ศพน.ส.จงกล จำปาขาว และน้องสตางค์ หลังจากภรรยาอุ้มลูกน้อยอายุ 3 วันโดดชั้น 13 ร.พ.เจริญกรุงประชารักษ์ ฆ่าตัวตาย เมื่อวันที่ 21 ม.ค.

สลด ซ้ำอีกแม่หลังคลอด ซึมเศร้าอุ้มลูก อายุ 3 วันโดดตึกร.พ.เจริญกรุงประชารักษ์ เสียชีวิตทั้งคู่ เผยคลอดลูกได้เพียง 3 วันโดยเด็กตัวเล็กกว่าปกติ แพทย์ต้องนำเข้าตู้อบ ก่อนเกิดเหตุอุ้มลูกเดินไปมาทั้งคืน จนเช้ามืดตัดสินใจอุ้มลูกโดดจากชั้น 13 เสียชีวิตคาที่แม่-ลูก รมช.สธ.พร้อมผอ.โรงพยาบาล แถลงยืนยันเด็กแม้จะตัวเล็กแต่ไม่ผิดปกติมาก ขณะที่แม่เด็กไม่มีอาการผิดปกติ หรือมีปัญหาการเงินแต่อย่างใด ส่วนสาเหตุเชื่อว่ามาจากปัญหาโรคซึมเศร้าหลังคลอด สามีให้การตร.ชี้ภรรยาไม่มีอาการมาก่อนแต่ชอบบ่นว่าลูกตัวเล็ก และเป็นห่วงกังวลว่าจะไม่โตเหมือนเด็กอื่นๆ ทั้งที่แพทย์ก็ยืนยันว่าปลอดภัยและไม่มีปัญหาอะไร เผยก่อนหน้านี้เพิ่งเกิดเหตุสะเทือนใจผจก.โรงแรมสาวป่วยซึมเศร้าหลังคลอดลูก เพียง 5 วัน ยิงสามีและฆ่าตัวตายตาม

โรคซึมเศร้าคร่าชีวิตคุณแม่มือ ใหม่พร้อมลูกน้อย เมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 21 ม.ค. พ.ต.ท. สฤษดิ์ สิทธิ์นะศรี สารวัตรเวร สน.วัดพระยา ไกร รับแจ้งมีหญิงอุ้มลูกกระโดดจากที่สูงลงมาเสียชีวิต ที่อาคาร ร.พ.เจริญกรุงประชารักษ์ แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชานำกำลังเดินทางไปที่เกิดเหตุอยู่ด้านข้างอาคาร 72 พรรษามหาราชินี พบศพ น.ส.จงกล จำปาขาว อายุ 33 ปี สภาพ ศพนอนหงายสวมชุดคนไข้สีชมพู มีบาดแผลกะโหลกศีรษะแตก ห่างไป 5 เมตรพบศพ ด.ช. สาธุ จันทร์เติม หรือน้องสตางค์ อายุ 3 วัน ลูก ชายน.ส.จงกล นอนคว่ำหน้าสวมชุดเด็กอ่อน ของร.พ. กระดูกหักทั่วร่างกาย

สอบสวนทราบ ว่าน.ส.จงกล มาคลอดลูกที่ ร.พ. เมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่าทารกมีปัญหาร่างกายผิดปกติ ตัวเล็กกว่าเด็กทั่วไปมีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ แพทย์จึงให้ทั้งคู่นอนพักฟื้นอยู่ที่หอทารกแรกเกิด บนชั้น 13 ของอาคารดังกล่าว เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมาผู้ป่วยรายอื่นเห็นว่าน.ส.จงกล เกิดความเครียดอุ้มลูกชายไว้แนบอกเดินไปมาตลอดทั้งคืน แต่ไม่มีใครเอะใจ กระทั่งเวลาประมาณตีสี่ครึ่งคาดว่า น.ส.จงกล ปีนอ่างล้างจานด้านหลังระเบียงห้องพัก กระโดดลงมาฆ่าตัวตายพร้อมลูก เบื้องต้นสันนิษฐานว่าสาเหตุเกิดจากความเครียดที่ลูกเกิดมามีอาการผิดปกติ หรือปัญหาโรคซึมเศร้าหลัง คลอด

เวลา 12.30 น. วันเดียวกันนางพรรณสิริ กุลนาถศิริ รมช.สาธารณสุข พร้อมด้วยน.พ. เกียรติภูมิ วงศ์รจิต รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต น.พ.ประพาศน์ รัชตะสัมฤทธิ์ ผอ.ร.พ.เจริญกรุง ประชารักษ์ ร่วมกันแถลงข่าวถึงเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้น ที่ห้องประชุม ชั้น 9 ร.พ.เจริญกรุงประ ชารักษ์

น.พ.ประพาศน์ กล่าวว่า ตรวจสอบประวัติ การฝากครรภ์แล้วพบว่าคนไข้รายนี้เข้าตรวจครบตามที่แพทย์นัดและไม่พบสิ่งผิด ปกติทั้งแม่และลูก จนกระทั่งคลอดก็เป็นไปตามกำหนด เด็ก คลอดออกมามีน้ำหนัก 2,040 กรัม ถือว่าตัวเล็กกว่าเด็กโดยเกณฑ์เฉลี่ยทั่วไปเพียงเล็กน้อย แพทย์จึงนำเข้าตู้อบเป็นเวลา 3 วันเพื่อให้ร่าง กายแข็งแรง ทั้งนี้ สามารถนำเด็กออกจากร.พ. ได้ในวันที่ 22 ม.ค.นี้ ส่วนแม่นั้นแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วเพียงแต่ยังต้องอยู่ที่ร.พ.เพื่อ ให้นมลูก ที่ผ่านมาหลังจากเด็กดื่มนมของมารดาและดูแลอย่างใกล้ชิดก็มีน้ำหนักเพิ่มและ แข็งแรงขึ้นตามลำดับ

น.พ.ประพาศน์ กล่าวอีกว่า ส่วนเวลาที่เกิดเหตุประมาณ 05.00 น. นั้น แม่พักอยู่บริเวณห้องที่ดูแลเด็กเพื่อคอยให้นมลูก ซึ่งมีพยาบาลและแม่เด็กคนอื่นอยู่ในห้องด้วยที่ชั้น 13 ซึ่งมีคนพลุกพล่าน น.ส.จงกล จะอุ้มลูกไปกระโดดตึกเวลาใดหรือจุดใดจึงไม่มีใครทราบ ต้องให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ

ผอ.ร.พ.เจริญกรุง ประชารักษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนปัญหาสุขภาพจิตสำหรับแม่ที่ตั้งครรภ์ ทางร.พ.มีจิตแพทย์คอยดูแลอยู่หากพบว่ามีลักษณะทางจิตปรากฏก็จะส่งให้ จิตแพทย์ดูแล แต่คนไข้รายนี้ไม่มีอาการบ่งชี้มาก่อน หรือแม้กระทั่งแพทย์อนุญาตให้ออกจากร.พ.ก็ไม่มีอาการ ส่วนปัญหาด้านการเงินเมื่อตรวจสอบพบว่าคนไข้รายนี้ไม่มีปัญหา และจ่ายด้วยเงินสดตลอด

"สาเหตุการฆ่าตัวตายจะมาจากอะไรนั้น คงต้องรอผลการสอบสวนของตำรวจ อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุทางโรงพยาบาลให้ความช่วยเหลืออำนวยความสะดวกในการ ตรวจสอบ เคลื่อนย้ายศพ รวมทั้งเยียวยาด้านจิตใจของญาติอย่างเต็มที่" ผอ.ร.พ.เจริญกรุงประชารักษ์ กล่าว

ด้านนางพรรณสิริ รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงตั้งใจมาเยี่ยมญาติผู้ตาย และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ของร.พ. ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขพบว่าปัญหาเรื่องการฆ่าตัวตายเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง โดยเฉพาะหญิงหลัง คลอดบุตรที่มีภาวะแปรปรวนทั้งร่างกายและจิต ใจ จนอาจกลายเป็นโรคซึมเศร้า จึงอยากฝากให้พ่อของเด็ก และญาติช่วยกันดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันปัญหาการฆ่าตัวตาย ซึ่งในอนาคตทางกระทรวงก็มีนโยบายที่จะให้ความรู้กับครอบ ครัว เพื่อสร้างความเข้าใจในการดูแลไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้นอีก

ขณะที่ น.พ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ตามปกติครอบครัวมักให้ความสำคัญช่วงระยะก่อนคลอด กังวลว่าจะเกิดปัญหาขณะคลอด แต่ในความเป็นจริงแล้วต้องดูแลอย่างใกล้ชิดจนถึงระยะหลัง คลอด โดยเฉพาะด้านจิตใจ ขอให้ตัวคุณแม่เอง สามี และครอบครัว สังเกตอาการที่บ่งบอกว่าอาจมีภาวะซึมเศร้า เช่น ตื่นตระหนก หวาดกลัว วิตกกังวลตลอดเวลาทั้งเรื่องสุขภาพแม่และลูก ร้องไห้บ่อยๆ โดยไม่มีสาเหตุ หลับยาก ไม่รับ รู้เรื่องเวลา คุณแม่เกิดความรู้สึกหมดหวัง ชีวิตไม่มีค่า ไม่รู้สึกผูกพัน หรือรู้สึกใดๆ กับลูก รู้สึกว่าตัวเองไม่สบาย เช่นเจ็บหน้าอก หายใจติดขัด ปวดหัว รู้สึกว่านอนไม่พอ อยากนอนตลอดเวลา เป็นต้น หากพบอาการเหล่านี้ ขอให้รีบปรึกษาแพทย์ หรือสายด่วนสุขภาพจิต 1223 และ 1667 ตลอด 24 ช.ม. เพราะหากแม่เกิดภาวะซึมเศร้าหลังคลอด อาจจะตัดสินใจผิดไปจากปกติธรรมดา การตัดสินใจแก้ปัญหาไม่ดี อาจถึงขั้นคิดสั้นฆ่าตัวตายได้

ด้านพ.ญ.วินิทรา นวลละออง อาจารย์ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า การฆ่าตัวตายเกิดจากสาเหตุสำคัญ 2 อย่าง คือ 1.ปัจจัยภายในร่างกาย เช่น โรคภัยไข้เจ็บ และโรคซึมเศร้า ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้คนฆ่าตัวตายสำเร็จ และ 2.ปัจจัยแวดล้อมภายนอกที่ทำให้เกิดความเครียด ทั้งนี้ วิธีสังเกตว่าบุคคลใกล้ชิดมีความเสี่ยงฆ่าตัวตายหรือไม่นั้น จะดูได้จากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป หากพบว่าคุณภาพการเรียนหรือทำงานแย่ลง หรือมีพฤติกรรมกล่าวโทษตนเองอย่างไม่มีเหตุ ผล สันนิษฐานเบื้องต้นได้เลยว่าบุคคลนั้นมีแนวโน้มสูงที่จะเกิดภาวะเครียดและ ซึมเศร้า

พ.ญ.วินิทรา กล่าวอีกว่า สำหรับหญิงหลัง คลอดบุตร พบว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะฆ่าตัวตาย เนื่องจากโดยปกติแล้วภายใน 1 เดือนหลัง คลอด ฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายจะลดระดับลง รวมทั้งจะเกิดภาวะซึมเศร้าหลังคลอด (Postpartum blue) ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ ทั้งนี้ โรคซึมเศร้าดังกล่าวจะมีอาการดีขึ้น หากมีคนเข้ามาแบ่งเบาความทุกข์ในใจและรับฟังปัญหา แต่หากในช่วง 1 เดือนนี้ไม่มีใครรับฟังปัญหาและต้องอยู่ลำพังคนเดียว จะทำให้อาการซึมเศร้ามีความรุนแรงขึ้นและนำไปสู่การฆ่าตัวตายในที่สุด

ด้าน นายสมัย จันทร์เติบ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29/1 ม.2 ต.แดงหมอ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี สามีของผู้ตายซึ่งเดินทางมาให้การกับตำรวจระบุว่าพักอยู่ย่านวัดไผ่เงินฯ โดยมีอาชีพเป็นช่างทำสีรถอยู่อู่รถแห่งหนึ่ง ส่วนภรรยาทำงานโรงพิมพ์ย่านสาทร อยู่กินกันมาประมาณ 1 ปี จนกระทั่งภรรยาตั้งท้อง และคลอดน้องสตางค์ เมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยแพทย์ใช้วิธีผ่าทำคลอด ตนและแม่ภรรยาไปเยี่ยมและอยู่เฝ้าอาการทุกวันจนกว่าจะหมดเวลาเยี่ยม

นาย สมัย กล่าวอีกว่า น้องสตางค์หลังจากคลอดออกมาแพทย์บอกว่ามีอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ ทำให้ตัวเหลือง และตัวเล็กกว่าปกติทั่วไป แต่ไม่มีอันตรายถึงชีวิต แต่ต้องเข้าตู้อบและอยู่รอดูอาการประมาณ 2-3 วัน จึงจะสามารถกลับบ้านได้ ครั้งสุดท้ายที่อยู่กับภรรยา ช่วงเวลาประมาณ 1 ทุ่ม ก่อนเกิดเหตุระหว่างที่อยู่ด้วยกันภรรยาก็ไม่ได้มีสีหน้าเคร่งเครียดหรือพูด จาว่าอยากจะฆ่าตัวตายแต่อย่างใด ยังอุ้มน้องสตางค์ไว้ในอ้อมกอดและให้กินนมตามปกติ เพียงแต่บ่นว่าลูกไม่กินนม และพูดว่ากลัวว่าลูกจะไม่รอด เนื่องจากตัวเล็ก ก็ได้ให้กำลังใจภรรยา และบอกว่าในวันรุ่งขึ้นจะมารับกลับบ้าน ไม่คิดว่าภรรยาจะตัดสินใจคิดสั้นแบบนี้

ด้านนางประการ จำปาขาว มารดาน.ส.จงกล กล่าวว่า ระหว่างที่บุตรสาวมาคลอดลูก ก็มาเยี่ยมทุกวัน แต่สังเกตว่าเวลาลูกสาวให้ลูกกินนมจะชอบพูดกับลูกเบาๆ ว่า ทำไมหนูตัวเล็กจัง ลูกจะโตมั้ย ซึ่งก็ให้กำลังใจว่าน้องสตางค์ปลอดภัยแล้ว หมอก็บอกว่ากลับบ้านได้ ซึ่งยังบอกอีกด้วยว่าจะช่วยเลี้ยงน้องสตางค์เอง ส่วนเรื่องค่ารักษาพยาบาลก็ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนสาเหตุที่ทำให้บุตรสาวคิดสั้นฆ่าตัวตายนั้น น่าจะมาจากความวิตกกังวลเรื่องน้องสตางค์ มีสุขภาพไม่แข็งแรง

ต่อมา เมื่อเวลา 16.00 น. ที่สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลจุฬาฯ นายสมัย พร้อมด้วยนางประการ เดินทางมาเพื่อติดต่อรับศพ น.ส.จงกล และน้องสตางค์ โดยนายสมัย ขอให้เจ้าหน้าที่นำศพ 2 แม่ลูกใส่ไว้ในโลงเดียวกัน ก่อนนำไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดไผ่เงินฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม ว่าสำหรับแม่หลัง คลอดแล้วป่วยเป็นโรคซึมเศร้าจนก่อเหตุสะเทือนใจ ก่อนหน้านี้เคยเกิดกรณีน.ส.ทวิภา รอดขวัญ อายุ 32 ปี ผู้จัดการโรงแรมที่เพิ่งคลอดลูกได้เพียง 5 วัน เกิดอาการซึมเศร้าจนก่อเหตุยิงนายสมบูรณ์ ชมดาว อายุ 36 ปี สามีเสียชีวิตคาที่นอนในบ้านพักย่านบางใหญ่ จ.นนทบุรี ก่อนยิงตัวเองตายตาม เมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา สอบถามญาติเชื่อว่ามาจากอาการซึมเศร้าหลัง คลอดลูก

ที่มา
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdOakl5TURFMU5BPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1TMHdNUzB5TWc9PQ==
บันทึกการเข้า

chutina

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 99
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อันนี้เหมือนเป็นคดี ปริศนา เลยนะคะ เพราะยังไม่มีใครหาเหตุผลได้ เพราะอะไร ที่คุณแม่ตัดสินใจอย่างนี้

ทำไม ในยุคนี้คนไม่เห็นคุณค่าชีวิต ที่มีอยู่ ถึงแม้จะประสพชะตากรรมอย่างไร ก็หาโอกาสเพื่อบรรลุธรรมดี

หรือไม่คะ หรือเมื่อทุกขเวทนา รุกเร้าที่สุดแล้ว เราควรจะมาตัดสินใจลาโลกด้วยวิธีฆ่าตัวตายกันหรือนี่

ขออุทิศส่วนกุศล ความดี ที่ทำมาให้ เธอผู้จากไป ได้พบสุคติ ด้วยเทอญ
 :25:
บันทึกการเข้า

doremon

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 171
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ลองวิเคราะห์ดูครับ ว่าเธอ อาจจะถูกคุณไสย บังคับใจให้ทำก็ได้นะครับ เพราะเริ่มแม้กระทั่งเจ้านายเธอ ก็ฆ่า
ตัวตายก่อนเธอคลอดไม่นาน และยังลามมาถึงเธออีก ลองอ่านข่าวให้ละเอียดแล้วดูเรื่องที่เกี่ยวกันอาจจะมีเงื่อนงำโยงใย ไปถึงเรื่อง คุณไสย ครับ ผมเคยเห็นกรณีเรื่อง น้ำมันพรายมาแล้วครับ รู้สึกในเว็บนี้ก็มีการโพสต์เรื่องนี้นะคร้บ เพราะพวกฝ่ายดำ ก็มีนะครับ อย่าคิดว่าแต่พวกฝ่ายขาว ที่สามารถเดินพลังจิตได้นะครับ พวกฝ่ายดำก็มี บางคนสะกดจิตอย่างกับ

เณรแอ ที่สระบุรี ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนเข้าไปหาก็เสร็จแกหมด แกมีสัมพันธ์แถบจะทุกคนแถมถ่ายวีดีโอไว้ แบล๊กเมล เขาด้วยเห็นไม่ว่าครับ เรื่องสะกดจิตก็มีผลนะครับ

อันนี้ผมลองวิเคราะห์เล่น ๆ นะครับ หรือเพื่อนสมาชิก มีความเห็นว่าอย่างไร ครับ

 :s_hi:
บันทึกการเข้า

นาตยา

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +9/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 136
  • ขอเป็นกัลยาณมิตร กับทุกท่านที่เป็นกัลยาณมิตร
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
พูดถึงเรื่องการบูชานาราย์ด้วยการฆ่าลูกตัวเอง เจ้าตัวก็บอกบูชา พระนารายณ์ ก็คล้าย ๆ การสะกดจิตให้ทำ
ลองเสริช เรื่องนี้ดูสิคะ เห็นว่าลักษณะการตาย คล้าย ๆ กัน

 คนสติ ไม่ดี คนบ้า อะไรเป็นมูลเหตุ ให้เป็นอย่างนั้น คะลองช่วยกันวิเคราะห์ได้หรือป่าวคะ

 อย่่างคุณหมอ พวกที่ไปเข้าพิธีแล้วมีอาการของขึ้นพวกนี้ เรียกว่าโรคอุปาทานหมู่เช่นกันคะ

 :smiley_confused1:
บันทึกการเข้า