ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เมื่อราว 160 กว่าปีก่อน, สาวไทยนิยมเป็น “เมียน้อยชาวจีน(มีฐานะ)”  (อ่าน 833 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
© Matichon ภาพประกอบข่าว

เมื่อราว 160 กว่าปีก่อน, สาวไทยนิยมเป็น “เมียน้อยชาวจีน(มีฐานะ)” ถือว่าอวดชาวบ้านได้

ยุคหนึ่งสมัยหนึ่งความคิดเรื่องผัวเดียวเมียเดียวถือเป็นสิ่งแปลกปลอมของสังคมไทย (หรือสยามในขณะนั้น) การเป็นเมียน้อยจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหรือเป็นสิ่งที่ต้องประณามเหมือนยุคปัจจุบัน (ที่คลิปเมียหลวงรุมตบเมียน้อยเป็นที่นิยมสร้างความสะใจให้กับบรรดาผู้บูชาคุณธรรมทั้งหลาย)

ในสมัยรัชกาลที่ 4 พระองค์เคยมีพระราชปรารภ “ความผัวเมีย” ว่าด้วยเรื่องกฎหมาย “ผัวเดียวเมียเดียว” ของชาวตะวันตกว่า “ไม่เป็นเขตรพื้นภูมิของกุสลสามัญ…จะนับว่าเป็นกุสลกรรมบทสามัญมาเป็นกฎหมายสำหรับบ้านเมืองนั้นไม่ได้” เพราะ “เป็นเหตุให้โทษต่างๆ แก่ชนเป็นอันมากแลบ้านเมือง” ซึ่งควร “จะต้องห้ามเสีย”

การเป็นเมียน้อยตั้งแต่อดีตจนถึงต้นกรุงรัตนโกสินทร์จึงไม่ขัดต่อกฎหมาย และมาตรฐานทางสังคมในขณะนั้น ถ้าสาวไทยบางคนจะอยากไปเป็น “เมียน้อยของชาวจีน” ที่ก้าวขึ้นมามีฐานะหน้าตาทางสังคมด้วยการแสวงประโยชน์จากสิ่งที่ชาวสยามไม่นำพาจึงไม่ใช่เรื่องแปลก

ชาวจีนที่ว่านี้ คือพวกที่ยื่นเรื่องไปยังทางการขอเป็นผู้รับเก็บภาษีจากสินค้าต่างๆ เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายช่วยราชการแผ่นดิน หรือที่เรียกว่า “เจ้าภาษีนายอากร” ซึ่งผู้ที่ประมูลได้สิทธิในการเก็บภาษีก็จะได้รับพระราชทานสัญญาบัตรพร้อมกับบรรดาศักดิ์ และราชทินนามที่สอดคล้องกับชนิดภาษีนั้นๆ เช่น เจ้าภาษีน้ำตาล เป็นหมื่นมธุรสวานิช เจ้าภาษีถั่ว 5 ชนิด เป็นขุนปัญจพีชากร เป็นต้น


© Matichon ภาพประกอบข่าว

หลวงวิจิตรวาทการกล่าวว่า นายอากรชาวจีนเหล่านี้มีอำนาจเท่ากับ “เจ้าบ้านผ่านเมือง” มีเอกสิทธิและอิทธิพลมากมาย ไม่ต่างไปจากเจ้านครในยุโรปสมัยกลาง หรือเจ้าที่ดินในรัสเซียสมัยซาร์

หลวงวิจิตรฯ ยังกล่าวว่า “หญิงสาวชาวไทยในเวลานั้น ชอบเป็นเมียน้อยของเจ้าภาษีนายอากร ใครได้เป็นเมียน้อยของเจ้าภาษีนายอากรในเวลานั้น ก็มีหน้ามีตาอวดเพื่อนได้ทีเดียว ดังข้อความในพระราชนิพนธ์เรื่องอิเหนา มีว่า ‘เมียน้อยเจ้าภาษีมิใช่ชั่ว หน้าเป็นเล่นตัวจนผัวหึง’…”

บทกลอนอีกชิ้นแต่งโดยหลวงจักรปาณี (มหาฤกษ์) สมัยรัชกาลที่ 4 ซึ่งหลวงวิจิตรฯ ยกอ้างไว้ในคราวเดียวกันนี้ ก็บ่งบอกได้ดีว่าคนไทยมองชาวจีนว่าน่าอิจฉาเพียงใด

   “ถึงโรงเจ้าภาษีตีฆ้องดัง   ตั้วโผนั่งแจ่มแจ้งด้วยแสงเหียน
    ไว้หางเปียเมียสาวขาวสล้าง   เป็นจีนต่างเมืองมาแต่พาเพียร
    อันความรู้สิ่งใดไม่ได้เรียน   ยังพากเพียรมาได้ถึงใหญ่โต
    เห็นว่าดีแต่วิชาขาหมูใหญ่   เราเป็นไทยนึกขึ้นมาน่าโมโห
    มิได้ทำอากรและบ่อนโป   มาอดโซสู้กรรมทำกระไร”

ที่ผู้เขียนเล่าเรื่องนี้ขึ้นมาไม่ได้ตั้งใจจะปลุกปั่นสร้างความวุ่นวายให้กับสังคมด้วยหวังจะให้ค่านิยมเดิมได้รับการยอมรับขึ้นมาอีกครั้ง แต่ข้อเท็จจริงในอดีตล้วนมีเกร็ดเรื่องราวที่น่าสนใจเช่นเดียวกันกับกรณีนี้ที่แสดงถึงพัฒนาการทางสังคมอันเกิดจากการเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ทำให้มาตรฐานเดิมๆ ที่สังคมเคยยอมรับกลับกลายเป็นสิ่งต้องห้าม แต่เรื่องในอดีตเหล่านี้ก็ควรค่าแก่การศึกษามากกว่าที่มาปกปิด ด้วยข้ออ้างต่างๆ นานา

 

อ้างอิง :-
1. “กว่าจะเป็น ‘ผัวเดียวเมียเดียว’; สังเขปประวัติความเป็นมาของกฎหมายครอบครัวสมัยใหม่ในสยาม พ.ศ. 2410-2478”. สุรเชษ์ฐ สุลาภกิจ.
2. คำสอนเรื่อง ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจของไทย. หลวงวิจิตรวาทการ. วิจิตรวาทการอนุสรณ์
เผยแพร่ออนไลน์ครั้งแรก : เมื่อ 4 กันยายน 2559
ขอบคุณที่มา : https://www.msn.com/th-th/news/history/เมื่อราว-160-กว่าปีก่อน-สาวไทยนิยมเป็น-“เมียน้อยชาวจีน-มีฐานะ-”-ถือว่าอวดชาวบ้านได้/ar-BB14UuNd
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ