อธิษฐาน ที่เป็นจริงได้โดยไม่พึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์โดย ท่านปิยโสภณ สมมติว่าเราไป อธิษฐาน ต่อหน้าพระแก้วมรกต มันเป็นสัจจะปฏิญาณนะ สัจจะปฏิญาณ เราไปถือคำสัตย์ ต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ส่วนใหญ่แล้ว เพื่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น เป็นประจักษ์พยาน อาจจะเป็นรูปเคารพก็ได้ อาจจะเป็นบุคคล เป็นพระเจ้าแผ่นดิน เป็นพ่อแม่ของเรา หรือเป็นบุคคลที่เราเคารพนับถือ
เวลาที่เราจะคืนดีกัน เราไปอธิษฐาน เหมือนกับว่าท่านนั่งดู ท่านเป็นประจักษ์พยานเรา รูปคุณพ่อคุณแม่นั่งอยู่ตรงนี้ ลูกทะเลาะกัน จะคืนดีกันก็ไปอธิษฐานต่อหน้ารูปของคุณพ่อคุณแม่ ว่าลูกจะคืนกันแล้ว จะไม่ทะเลาะกัน พ่อแม่ตายไปนานแล้ว แต่ว่ามีรูปเหลืออยู่เป็นประจักษ์พยาน เราไปอธิษฐานต่อหน้าพระพุทธรูปสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็เช่นเดียวกัน สิ่งที่เราได้คืออะไร ได้ความรู้สึกว่าเราผิดพลาดไม่ได้ เราผิดไม่ได้ เพราะอะไร เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์จริง
เพราะฉะนั้นคำอธิษฐานจะต้องเต็มไปด้วยสติ ด้วยวิริยะ ด้วยอุตสาหะ ด้วยความพากเพียร ด้วยความรอบคอบ นั่นแหละ คือเกราะป้องกัน แต่ถ้าบนบานศาลกล่าว เต็มไปด้วยความเหลิง ระเริงใจ เพราะคิดว่า โอ้โห สบายแล้ว การมีอำนาจดลบันดาลมาช่วยกับการไม่มีอำนาตดลบันดาลมาช่วย ความเป็นมนุษย์จึงต่างกันเลย ทักษะสมรรถนะ หรือจิตใจของมนุษย์ มันจึงแตกต่างกันระหว่างคนทั้งสองนี้ถอดความ : สุขทุกวัน 7 วัน 7 กูรู ตอน พระราชญาณกวี (ท่านปิยโสภณ) วันที่ 10 มีนาคม 2559 (1/2
ภาพ :
www.pexels.comขอบคุณ :
https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/206918.htmlnintara1991 ,15 June 2020