รู้ไปโม้ด : มหานทีสีทันดร อโณทัย ถาม : อยากได้ข้อมูลนทีสีทันดร.?
ตอบ อโณทัย : นาม "นทีสี ทันดร" ประกอบด้วยคำว่า นที กับคำว่า สีทันดร คำว่า นที แปลว่า แม่น้ำ ส่วน สีทันดร คือ สายน้ำทั้ง 7 สาย ที่อยู่รอบเขาพระสุเมรุ และคั่นระหว่างภูเขา 7 เทือกที่ล้อมเป็นวงกลมรอบเขาพระสุเมรุ
สายน้ำ 7 สายนั้นคั่นอยู่ระหว่างเทือกเขาเทือกหนึ่งกับอีกเทือกหนึ่งซึ่งเรียงซ้อนเป็นชั้นๆ สูงลดหลั่นกันลงมาตามลำดับจากชั้นในที่สุดคือ จากเขาพระสุเมรุ มีชื่อว่า
ยุคนธร อิสินธร กรวิก สุทัสนะ เนมินธร วินตกะ และ อัสกัณ รวมเรียกว่า เขาสัตบริภัณฑ์ หรือ เขาสัตภัณฑ์ (สัด-ตะ คือ เจ็ด, บริภัณฑ์ แปลว่า วง, สิ่งแวดล้อม) บนยอดเขาพระสุเมรุ คือ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ด้วยเป็นห้วงน้ำกว้างใหญ่ไพศาล จึงเรียก "มหานทีสีทันดร" มหานที แปลว่า ห้วงน้ำใหญ่, สีทะ แปลว่า ทำให้ทุกๆ สิ่งจมลง และ อันตระ แปลว่า ระหว่าง
รวมความ มหานทีสีทันดร แปลว่า ห้วงน้ำใหญ่ที่มีน้ำละเอียด ไม่มีสิ่งใดลอยอยู่ได้ ล้อมรอบภูเขาสิเนรุ (ชื่อหนึ่งของเขาพระสุเมรุ) ไปจรดภูเขาจักรวาล หรือหิมวา หรือหิมาลัย
น้ำในมหานทีสีทันดรที่ว่า ไม่มีสิ่งใดลอยอยู่ได้นั้น เพราะเป็น น้ำทิพย์ สุขุมละเอียดยิ่งนัก สงบ ไม่มีคลื่น ฝุ่นและตะกอนจมลงหมด เรือหรือแพก็ลอยไม่ได้ แม้แต่แววหางนกยูงที่แสนจะเบาบางเมื่อตกลงไปยังไม่อาจจะลอยอยู่ได้ เป็นสายน้ำที่มีน้ำใสสะอาด กว้างและลึก บริเวณรอบเขาสิเนรุจะลึกที่สุด จากนั้นจะลดความกว้างและลึกน้อยลงเรื่อยมาจนถึงสายที่อยู่นอกสุด
โบราณว่าแผ่นดินไหวเพราะปลาอานนท์พลิกตัว ปลาอานนท์ หรือ ปลาอานันทะ เป็นปลาใหญ่อยู่ในมหานทีสีทันดร ซึ่งยังมีปลาใหญ่อื่นๆ อีกรวมเป็น 8 ชนิด ได้แก่
ปลาติมิ ใหญ่ 200 โยชน์,
ปลาติมิงคละ ใหญ่ 300 โยชน์,
ปลาติมิติมิงคละ ใหญ่ 400 โยชน์,
ปลาติมิรมิงคละ ใหญ่ 500 โยชน์,
ปลาติมินทะ ใหญ่ 1,000 โยชน์,
ปลาอัชฌาโรหะ ใหญ่ 1,000 โยชน์,
ปลามหาติมิ ใหญ่ 1,000 โยชน์ และ
ปลาอานันทะ หรือปลาอานนท์ ใหญ่ 1,000 โยชน์
ด้วยความที่เป็นปลาตัวใหญ่มากนี่เอง เมื่อปลาติมิรมิงคละกระดิกหูเพียงข้างเดียว ทำให้น้ำกระเพื่อมไกลถึง 500 โยชน์ หรือเมื่อกระดิกหัวหรือกระดิกหาง น้ำก็จะกระเพื่อมไปไกล 500 โยชน์เหมือนกัน ยิ่งถ้าถึงขั้นกระดิกหูพร้อมกันสองข้าง เอาหางฟาดน้ำ หรือส่ายหัวเล่นน้ำ น้ำก็จะเป็นฟองเดือดพล่านไปไกลถึง 700-800 โยชน์เลยทีเดียว
ทั้งนี้ในคัมภีร์พระไตรปิฎกฝ่ายมหายานมีเรื่องราวของมหานทีสีทันดรละเอียดและแปลกออกไป คือ บอกว่าน้ำในนทีสีทันดรที่อยู่ระหว่างเขาสัตบริภัณฑ์ เป็นน้ำต่างชนิดกัน 1 อย่าง คือ
1. น้ำนม
2. น้ำนมส้ม
3. น้ำเนย
4. น้ำอ้อย
5. น้ำเหล้า
6. น้ำจืด และ
7. น้ำเค็ม
นับจากชั้นในไปชั้นนอกโดยลำดับ
ข้างใต้มหานทีสีทันดรยังเป็นที่อยู่ของเทวดาจำพวกนาค เรียกว่า นาคเทวดา รวมทั้งนาคที่ไม่ใช่เทวดา ในคัมภีร์อรรถกถาพระไตรปิฎกไม่ได้พูดถึงเรื่องนาคกับครุฑรบกันเหมือนคัมภีร์ทางศาสนาพราหมณ์ เพียงพูดถึงว่าครุฑสามารถจับนาคได้ถ้าเป็นนาคต่ำศักดิ์ โดยเฉพาะนาคบนระลอกคลื่นอาจถูกพวกครุฑจับตัวได้ง่ายๆ
@@@@@@
มนุษย์ถือว่าพ้นจากมหานทีสีทันดรไปคือสรวงสวรรค์ การที่มนุษย์จะข้ามมหานทีสีทันดรจึงเป็นเรื่องเกินจินตนาการอย่างยิ่ง เพราะต้องอาศัยการบินข้าม เหาะข้าม ไม่สามารถข้ามได้ด้วยเรือ เพราะไม่มีอะไรลอยอยู่บนน้ำมหานทีสีทันดรได้ บทละครเรื่องกากี ได้พรรณนาถึงมหานทีสีทันดรว่า
"...ในสาครลึกกว้างทางวิถี แม้จะขว้างแววหางมยุรี ก็จมลงถึงที่แผ่นดินดาล อันน้ำนั้นสุขุมละเอียดอ่อน จึงชื่อสีทันดรอันใสสาร (บางฉบับว่า ไพศาล) ประกอบด้วยหมู่มัจฉากุมภาพาล คชสารเงือกปลา และนา คินทร์ ผู้ใดข้ามนทีสีทันดร ก็ม้วยมรณ์เป็นเหยื่อแก่สัตว์สิ้น แสนมหาพระยาครุฑยังเต็มบิน กว่าจะไปถึงถิ่นวิมานทอง..."
ด้วยเหตุนี้ ผู้ไม่มีอิทธิฤทธิ์หรือบุญบารมีจึงไม่อาจข้ามมหานทีสีทันดรไปได้ เพราะต้องผ่านสัตว์ร้ายทั้งหลาย ผู้ที่สามารถข้ามนทีสีทันดรได้มีแต่พญาครุฑเท่านั้น เพราะมีกำลังมหาศาลจะบินผ่านแม่น้ำไปได้โดยไม่หมดกำลังเสียก่อนขอบคุณ :
https://www.khaosod.co.th/lifestyle/news_1287434คอลัมน์ รู้ไปโม้ด โดยน้าชาติ ประชาชื่น ,nachart@yahoo.com ,2 ก.ค. 2561 - 08:25 น.