'ภรรยาตายไปเกิดเป็นเปรต' มาขอส่วนบุญขณะสามีเจริญพระกรรมฐาน : หลวงพ่อฤาษีลิงดำมีอุบาสกคนหนึ่งนั่งเจริญพระกรรมฐานในที่สงัด ปรากฏว่าภรรยาที่ตายไปแล้วมาแสดงตัว #มีแต่ซี่โครงขึ้นเป็นแถว ผ้าผ่อนท่อนสไบไม่มีนุ่ง
ท่านผู้นี้จึงถามว่า "เธอเป็นใคร"
ตอบว่า "ฉันเป็นภรรยาของท่านเมื่อตายไปแล้ว อาศัยที่จิตเป็นอกุศล ขณะมีชีวิตอยู่เป็นคนไม่ทำบุญทำทานและก็เป็นคนใจร้าย จึงเป็นเหตุให้ไปเกิด #เป็นเปรต เวลานี้มีความหิวโหยมาก หนาวก็หนาว ร้อนก็ร้อน มีทั้งหนาวและร้อนเพราะไม่มีผ้าปิดกาย และหิวอาหารมาก เพราะไม่มีอะไรจะกิน"
ท่านสามีก็บอกว่า "ไปบ้านสิมีของกินมากมาย เลือกกินเอาตามชอบใจเหมือนกับสมัยที่เธอยังมีชีวิตอยู่"
ผีเปรตจึงบอกว่า "สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าท่านจะเอามาวางไว้ในมือของเรา มันก็ไม่เกิดประโยชน์เพราะว่าเราไม่มีสิทธิ์ที่จะกินที่จะใช้ในวัตถุ"
@@@@@@
ท่านสามีจึงถามว่า "ถ้าฉันต้องการจะสงเคราะห์เธอ ทำอย่างไรเธอจึงจะได้ล่ะ"
เธอก็บอกว่า "ขอให้ท่านนำเอาของไปถวายแก่สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านใดท่านหนึ่ง คือต้องการให้มีผ้าก็ขอให้นำผ้าไปถวาย ต้องการให้มีร่างกายสมบูรณ์ ร่างกายเป็นทิพย์ก็นำอาหารไปถวาย และก็อุทิศส่วนกุศลไปให้ฉัน ฉันจึงจะได้"
ท่านสามีจึงนำของไปถวายแด่พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา และก็อุทิศส่วนกุศลไปให้เธอ พอรุ่งขึ้นอีกคืนหนึ่งเธอก็มาแสดงตนใหม่ตอนที่ท่านสามีนั่งเจริญพระกรรทฐาน มาคราวนี้เป็นนางฟ้าสวยแจ๋ว ใสสว่าง มีวิมานทองคำมาปรากฎชัด
ท่านสามีจำไม่ได้จึงถามว่า "เธอเป็นนางฟ้าเพราะบำเพ็ญบารมีอะไร ร่างกายจึงประดับประดาไปด้วยเครื่องอาภรณ์อันเป็นทิพย์ สวยสดงดงามมีแสงสว่างไปทั่วทิศ และก็มีวิมานทองคำ"
นางฟ้าองค์นั้นก็ตอบว่า "ท่านจำไม่ได้หรือ เมื่อคืนที่แล้วที่ผ่านมาน่ะ"
ก็เป็นอันว่าผลที่ผู้ตายจะพึงได้รับ ต้องได้รับจากการโมทนาในบุญกุศลที่อุทิศไปให้ ไม่ใช่ได้รับจากการไปเคาะโลงหรือได้จากการเอาของไปให้เฉยๆ...
อ้างอิง : พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี จากหนังสือ "ตายไม่สูญ...แล้วไปไหน" หน้า ๓๒๖ - ๓๒๗
ขอบคุณ :
https://www.naewna.com/likesara/500898วันจันทร์ ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2563, 19.53 น.