''วัดเทพหิรัณย์'' แสงสว่างที่กลางใจ
ปัจจุบัน''วัดเทพหิรัณย์''ได้จัดสร้างโรงเรียน ทั้งเปิดให้อบรมวิปัสสนากรรมฐาน ให้ผู้สนใจปฏิบัติธรรมภายในวัดประกอบไปด้วย เรือนเทวดา ให้คนที่มาที่นี่ได้อธิษฐานกราบไหว้
สัปดาห์นี้ เดิมเรามีนัดกันว่าจะไปวัดปากคลองมะขามเฒ่า ที่ชัยนาทวัดที่เป็นตำนานอันลือลั่นของ หลวงปู่ศุข กับเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตต์อุดมศักดิ์วัดที่หลวงปู่ผู้เฒ่าสำแดงวิชาเสกหัวปลีกล้วย กลายเป็นกระต่ายน้อยต่อหน้าต่อตาเสด็จในกรมฯ ที่นำเรือมาจอดพักที่ท่าน้ำหน้าวัดปากคลองมะขามเฒ่า
แผนเดินทางไปตามรอยประวัติศาสตร์ของวัดนี้ ต้องพับเก็บไปก่อนเพราะวัดยังไม่เปิด จากวัดปากคลองมะขามเฒ่า จึงต้องเปลี่ยนไปวัด เทพหิรัณย์ที่อยู่จังหวัดเดียวกัน แต่ทว่าวัดเทพหิรัณย์ หรือ ชื่อเดิมว่า หนองทาระภู นั้นตั้งอยู่ใกล้กับจังหวัดสุพรรณบุรี
การเดินทางมาวัดนี้ตั้งหลักที่จังหวัดสุพรรณบุรี ใช้เส้นทางมาบึงฉวากจะสะดวก และ เดินทางได้ใกล้กว่าใช้เส้นทางสายเอเซียมุ่งตรงชัยนาทนครสวรรค์
ความโดดเด่นของ''วัดเทพหิรัณย์''อยู่ที่ ท่านเจ้าคุณพระมงคลกิจโกศล หรือที่คนทั่วไปเรียกกันว่า หลวงปู่ฤาษีตาไฟ ทำไมเรียกกันอย่างนี้ !!
หลวงปู่ก่อนบวชเป็นพระภิกษุจัดเป็นคนในกลุ่มพิเศษ รู้เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า
“ ก่อนหน้าบวชเป็นพระ เห็นคนเดินมาเรารู้หมด เรื่องของคนคนนี้ โดยที่เขาไม่ต้องเล่า ..” เสียงเนิบช้า แฝงไว้ด้วยความเมตตา เล่าถึงที่มาของคำเรียกขาน หลวงปู่ฤาษีตาไฟ ที่เรียกกันสั้นๆว่า หลวงปู่ “แต่เราเบื่อ เลยมาบวช”
แม้จะมาบวชแล้ว ใช่ว่าจะหลีกพ้นจากคนที่ยังว่ายเวียนในทะเลทุกข์ได้พ้นทุกวันพฤหัสบดีจนถึงวันอาทิตย์ จึงมีผู้คนทั้งสูงส่งตำแหน่งใหญ่ไปจนถึงชาวบ้านหน้าดำกรำแดด มารอส่งคำถามให้หลวงปู่ช่วยคลายทุกข์ไม่เว้น
ลานธรรมถามตอบระหว่างภิกษุสูงวัยกับผู้คนที่เดินทางมาพบ ไม่แบ่งแยกฐานันดรไม่มีบัตรคิว คนที่มานั่งตรงหน้าหลวงปู่จะอยู่อย่างสงบต่างจดจ่อรอหลวงปู่เรียกถามว่า มาทำไมมีเรื่องอะไรใครมาก่อนหลัง หลวงปู่รู้ได้โดยไม่ถามมีเพียงสายตาที่กวาดมองไปยังใบหน้าของแต่ละคน พลางเคี้ยวหมากเนิบๆ ''วัดเทพหิรัณย์''ในวันนี้ มีพื้นที่กว้างใหญ่มาก เมื่อเทียบกับก่อนหน้าที่หลวงปู่จะมารับตำแหน่งเจ้าอาวาสที่นี่ในปี พ.ศ. 2533
ปัจจุบัน''วัดเทพหิรัณย์''ได้จัดสร้างโรงเรียน ทั้งเปิดให้อบรมวิปัสสนากรรมฐาน ให้ผู้สนใจปฏิบัติธรรมภายในวัดประกอบไปด้วย เรือนเทวดา ให้คนที่มาที่นี่ได้อธิษฐานกราบไหว้
ด้านหน้ามีศาลาที่มีรูปเคารพหลวงปู่ฤาษีตาไฟ ซึ่งทุกวันจะมีคนนำของมาแก้บน ส่วนใหญ่จะบนด้วยกล้วยน้ำว้าดิบยกทั้งเครือ ด้านหลังจะมีพระบรมรูปของบูรพกษัตริย์ไทยวัดนี้ตั้งเด่นเป็นสง่า ท่ามกลางไร่นา ดูเสมือนหนึ่งว่า ขับรถมาตามถนนที่ขนาบสองข้างทางด้วยนาข้าว แล้วจู่ๆก็มีวิมานอยู่ตรงหน้ามาเที่ยววัดนี้ไม่มีอาหารและเครื่องดื่มขายแต่อย่างใดทั้งสิ้น ดังนั้นควรจะเติมอาหารให้เต็มที่ก่อน
“ มาวัดขอพรจะให้ได้ผล ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเธอเอง ขอพรให้ศักดิ์สิทธิ์จริง เธอต้องทำด้วยจึงจะเกิดประสิทธิผล .... แต่ก่อนคนเราขอพรแล้วศักดิ์สิทธิ์จริงตามขอ คนก็เลยเอาแต่ขอไม่ทำคนเราเกิดเป็นวิญญูชนต้องอดทนให้ถึงที่สุด ต้องมีวิริยะอุตสาหะให้ถึงที่สุด มีความเพียรพยายามให้ถึงที่สุดในที่สุดแล้วสิ่งที่ปรารถนา ก็จะสำเร็จ” โอวาทธรรมของหลวงปู่ ที่ไม่เคยทำให้คนพกความหวังมากราบต้องผิดหวังกลับบ้าน...คอลัมน์ : ชำเลืองเมือง โดย “แรมทาง"
ขอบคุณ :
https://www.dailynews.co.th/article/779983อังคารที่ 16 มิถุนายน 2563 เวลา 14.00 น.