ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เหตุแห่งความเสื่อม  (อ่าน 948 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
เหตุแห่งความเสื่อม
« เมื่อ: กรกฎาคม 22, 2020, 06:08:29 am »
0


ขอบคุณภาพจาก https://uttayarndham.org/dhamma-daily/5457


เหตุแห่งความเสื่อม

ผู้อ่านที่เคารพ ขึ้นชื่ออะไรคือมงคล ชาวพุทธก็คงทราบดีถึง มงคล 38 ประการที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ใน “มงคลสูตร” ซึ่งเป็นการตอบความสงสัยของเทวดาซึ่งถกเถียงกันว่าอะไรคือ “มงคล” อย่างไรก็ตาม หากจะถามว่า แล้วพระพุทธเจ้าตรัสเรื่องเหตุแห่งความเสื่อมไว้บ้างไหม ก็ตอบว่ามี ในพระสูตรชื่อ “ปราภวสูตร” ซึ่งเป็นพระสูตรที่เทวดาทูลถามอีกเช่นเดียวกัน

ความมีว่า ในวันที่ 2 จากวันที่ตรัสมงคลสูตร เทวดาทั้งหลายในหมื่นจักรวาล ประสงค์จะฟังพระสูตรว่าด้วยความเสื่อม ได้ขอให้พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงว่า “อะไรเป็นทาง คือ เป็นประตู เป็นกำเนิด เป็นเหตุของคนเสื่อม ซึ่งพวกข้าพระองค์พึงรู้คนเสื่อม ... เพราะเมื่อรู้เหตุแห่งความเสื่อมแล้วก็อาจรู้คนเสื่อมบางคนได้ ด้วยเหตุสามัญนั้น.”

พระพุทธเจ้าตรัสแสดง...

@@@@@@@

ข้อที่ 1. ว่า ก็คนนี้ใคร่ธรรม เป็นผู้เจริญ คือ ย่อมใคร่ กระหยิ่ม ปรารถนาฟัง ปฏิบัติซึ่งธรรม คือ กุศลกรรมบถสิบ คนนั้นชื่อว่าเป็นผู้รู้ได้ง่าย เพราะเห็นและฟัง ปฏิบัตินั้นแล้วพึงรู้ได้ ผู้เกลียดธรรมแม้นอกนี้ เป็นผู้เสื่อม ย่อมเกลียด คือ ย่อมไม่กระหยิ่ม ไม่ปรารถนา ไม่ฟัง ไม่ปฏิบัติธรรมนั้นนั่นเทียว ผู้เกลียดธรรมนั้น ชื่อว่า เป็นผู้รู้ได้ง่าย เพราะเห็นและฟังการปฏิบัติผิดนั่นแล้ว พึงรู้ได้.

นอกจากนั้น พระพุทธองค์ตรัสบอก “ทางของคนเสื่อม” ไว้ทั้งหมดถึง 12 ข้อ โดยย่อ (ในวงเล็บเป็นคำอธิบายเพิ่มเติมจากอรรถกถา) ดังนี้

ข้อ 2. - คนมีอสัตบุรุษ (ศาสดาทั้ง 6 (ผู้มีมิจฉาทิฏฐิ)หรือผู้ประกอบพร้อมด้วย กายกรรม วจีกรรม และ มโนกรรม อันไม่สงบ) เป็นที่รัก ไม่กระทำสัตบุรุษ (พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระสาวก หรือ ผู้ประกอบพร้อมด้วย กายกรรม วจีกรรม และ มโนกรรม อันสงบ) ให้เป็นที่รัก ชอบใจธรรมของอสัตบุรุษ (ทิฏฐิ 62 หรือ อกุศลกรรมบถ 10) ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม

ข้อ 3. - คนใดชอบนอน ชอบคุย ไม่หมั่น เกียจคร้าน โกรธง่าย (ผู้โกรธง่าย โทสจริต มีจิตเหมือนบาดแผล ผู้ถึงพร้อมด้วยฐานะ 5 อย่างนี้จะไม่เจริญทั้งทางโลกและทางธรรม ไม่ว่าจะเป็นคฤหัสถ์ หรือบรรพชิต) ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม

ข้อ 4. - คนใดสามารถ แต่ไม่เลี้ยงมารดาหรือบิดาผู้แก่เฒ่า ผ่านวัยหนุ่มสาวไปแล้ว (มีวัย 80 ปี หรือ 90 ปี ผู้ไม่สามารถกระทำการงานด้วยตนเอง) ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม(ผู้บำรุงมารดาบิดาในโลกนี้ เขาละโลกไปแล้ว ย่อมบันเทิงในสวรรค์ ส่วนผู้ไม่บำรุงมารดาบิดา ย่อมถึงความนินทาและติเตียนและถึงทุคติเมื่อตาย)

ข้อ 5. - คนใดลวงสมณพราหมณ์ หรือแม้แต่วณิพกอื่นด้วยมุสาวาท (ด้วยการปวารณา ว่าจะถวายจะให้แล้ว ไม่ให้ตามที่ปวารณา ย่อมค้าขายขาดทุนในโลก ถูกนินทา และเข้าถึงทุคติ) ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม

@@@@@@@

ข้อ 6. - คนมีทรัพย์มาก มีเงินทองของกิน กินของอร่อยแต่ผู้เดียว (ไม่ให้ของกินอันอร่อยแม้แก่บุตรของตน เพราะความตระหนี่ ย่อมถูกติเตียน เข้าถึงทุคติ) ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม

ข้อ 7. - คนใดหยิ่ง (มีมานะ ลำพอง) เพราะชาติ หยิ่งเพราะทรัพย์ (ดูหมิ่นว่าเขายากจน) และหยิ่งเพราะโคตร ย่อมดูหมิ่นญาติของตน (ไม่ทำสามีจิกรรม ญาติทั้งหลาย ย่อมปรารถนาความเสื่อมเท่านั้นแก่คนนั้น) ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม

ข้อ 8. - คนใดเป็นนักเลงหญิง (ผู้กำหนัดในหญิงทั้งหลาย ให้ทรัพย์ที่มีอยู่แม้ทั้งหมด สงเคราะห์หญิงอื่นๆ) เป็นนักเลงสุรา (ทิ้งของแม้ทั้งหมดที่มีอยู่ ประกอบการดื่มสุรา) และเป็นนักเลงการพนันผลาญทรัพย์ที่ตนหามาได้ (ทิ้งแม้ผ้าที่ตนนุ่งแล้ว ประกอบการเล่นการพนัน) ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม

ข้อ 9. - คนไม่สันโดษด้วยภริยาของตน ประทุษร้ายในภริยาของคนอื่นเหมือนประทุษร้ายในหญิงแพศยา ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม (เพราะการเพิ่มให้ทรัพย์แก่หญิงแพศยา เพราะเสพภรรยาคนอื่น และกรรมกรณ์มีราชทัณฑ์ เป็นต้น)

ข้อ 10. - ชายแก่ (ล่วงวัยหนุ่มอายุ 80 หรือ 90 ปี) ได้หญิงรุ่นสาวมาเป็นภริยา (นำมาบำเรอ ความยินดีและการสังวาสกับชายแก่ทั้งหลาย ย่อมไม่เป็นที่ชอบใจของหญิงสาวรุ่นกำดัด ชายแก่นอนไม่หลับเพราะหึงหวงแผดเผาว่าอย่าพึงปรารถนาชายหนุ่มเลย) ย่อมนอนไม่หลับ เพราะความหึงหวงหญิงรุ่นสาวนั้น ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม

ข้อ 11. - คนใดตั้งหญิงนักเลงสุรุ่ยสุร่าย (ใช้จ่ายทรัพย์เหมือนฝุ่น ให้ฉิบหาย เป็นผู้เหลวไหล คือ ติดในปลา เนื้อ และน้ำเมา เป็นต้น) หรือแม้ชายเช่นนั้นไว้ในความเป็นใหญ่ (ให้วัตถุมีเครื่องประทับตรา เป็นต้น ให้กระทำการขวนขวายในการงาน) ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม

ข้อ 12. - บุคคลผู้เกิดในสกุลกษัตริย์ มีโภคทรัพย์น้อย มีความมักใหญ่ (ไม่สันโดษด้วยโภคทรัพย์ตามที่ตนหามาได้) ปรารถนาราชสมบัติ (อันตนเป็นทายาท ซึ่งไม่ควรได้ หรือของคนอื่น ให้โภคทรัพย์น้อยแม้นั้นแก่คนทั้งหลายมีทหาร เป็นต้น ย่อมไม่ลุถึงราชสมบัติ ย่อมเสื่อมถ่ายเดียว) ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม


@@@@@@@

บัณฑิตผู้ถึงพร้อมด้วยความเห็นอันประเสริฐ พิจารณาเห็นคนเหล่านี้ เป็นผู้เสื่อมในโลก ท่านย่อมคบโลกที่เกษม (คนเจริญ) ในพระสูตรนี้ความเสื่อม หมายถึง ย่อมไม่ถึงความเจริญในโลกนี้หรือในโลกหน้า และพระสูตรนี้เป็นพระสูตรที่มีความสำคัญยิ่งด้วยว่าเมื่อเทวดาทั้งหลายฟังแล้วก็เกิดความสังเวชได้บรรลุธรรมเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับ มหาสมัยสูตร มงคลสูตร ธรรมจักรสูตร เป็นต้น




ขอบคุณ : https://www.posttoday.com/dhamma/289063
โพสต์ทูเดย์ ธรรมะ ,วันที่ 13 เม.ย. 2557 ,เวลา 11:14 น.
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ