ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ที่สุดของกาย และ ความกลัวตาย  (อ่าน 922 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ที่สุดของกาย และ ความกลัวตาย
« เมื่อ: ตุลาคม 13, 2020, 06:09:18 am »
0



ที่สุดของกาย และ ความกลัวตาย

ในโลกไม่มีใครไม่กลัวตาย ทุกคนต่างกลัวตาย และพยายามที่จะหนีให้ห่างจากความตาย แต่ยิ่งหนีก็ดูเหมือนยิ่งเข้าใกล้ความตายไปทุกที ทุกคนเกิดเพียงครั้งเดียว และเมื่อตายก็ตายเพียงครั้งเดียว หากเผชิญกับความตายเมื่อใด เป็นตายทันที ไม่มีใครบังอาจต่อรองกับความตายได้เลย เพียงได้ยินคำว่า "ตาย" ก็รู้สึกกลัวกันแล้ว แท้จริง เรากลัวคำพูดว่า "ตาย" หรือ กลัว "ความแตกสลาย" ของกายกันแน่

คำพูดว่า "ตาย" ก็เป็นเพียงแค่เสียงลมที่ออกจากปาก ไม่อาจทำใครให้ตายได้ ส่วน "ความแตกสลาย" ของกายนั้นเล่า ก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครหนีพ้น แม้จะตั้งหน้าตั้งตาหนีอยู่ก็ตาม เพราะร่างกายของคนเรา เกิดจากการรวมตัวกันของธาตุสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่งเป็นไปในหลักธรรมชาติ ที่ทุกสิ่งเมื่อรวมตัวกันได้ ก็ต้องแยกออกจากกันได้เป็นธรรมดา ไม่มีสิ่งใดในโลกที่เกิดการรวมตัวกันแล้ว จะไม่แยกออกจากกัน

ดังนั้น เมื่อพิจารณาความตายให้เข้าถึงความจริงของมัน ก็เป็นเพียงปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอันหนึ่ง ที่มีความเป็นไปเองในตัวมัน มีความแปรเปลี่ยนจากจุดเกิดไปสู่จุดดับ โดยไม่มีใครจะหยุดมันได้ ทุกคนหนีไม่พ้นความตาย และต้องยอมจำนนต่อมันอย่างหมดหนทางต่อสู้ การพิจารณาความตายให้เข้าใจถึงสัจธรรมความจริงของมัน จึงเป็นสิ่งท้าทาย และจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ต้องการเข้าถึงความดับทุกข์


@@@@@@@

คำพูดว่า "ตาย" บวกกับ "ความแตกสลายของกาย" เมื่อผสานรวมกัน จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนสะดุ้งกลัว แท้จริง ความตายไม่ใช่สิ่งน่ากลัว แต่เพราะเราไม่ได้พิจารณาความตายให้เห็นชัดอย่างประจักษ์ใจ จึงมักถูกกิเลสหลอกให้กลัวตายอยู่เสมอ ทั้งๆที่ความตายเกิดขึ้นกับเราเพียงครั้งเดียว แต่เรากลับปล่อยให้ความกลัวตายเกิดขึ้นได้เป็นร้อยเป็นพันครั้ง น่าที่เราจะควรกลัวตายเพียงครั้งเดียวจึงจะสมเหตุสมผล

แต่การจะเอาชนะความกลัวตายให้ได้นั้น ก็เป็นสิ่งที่ยากลำบากเหลือเกิน ลำพังการพิจารณากายเพียงอย่างเดียว ไม่เพียงพอที่จะเอาชนะความกลัวตายได้ ต้องฝึกบังคับจิตให้ต่อสู้กับความทุกข์ทรมานทุกประเภท จนแม้ที่สุด ความทุกข์แบบใกล้ตายอันเผ็ดร้อนที่เกิดขึ้นภายในกายทั่วทุกองคาพยพ จนจิตเกิดความกล้าหาญต่อความตาย  จนสามารถทำจิตให้ตั้งมั่นเป็นอุเบกขา วางเฉยอยู่ได้ในท่ามกลางแห่งความทุกข์ทรมานที่ใกล้ตายนั้น จนบังเกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติเป็นเอง ที่จิตกับกายแยกตัวออกจากกันให้เห็นอย่างประจักษ์ใจหายสงสัย

กายปรากฏเป็นเพียงสักแต่ว่าสภาวะธาตุอันหนึ่งปรากฏ เวทนาก็ปรากฏเป็นเพียงสักแต่ว่าความรู้สึกอันหนึ่งปรากฏ ความคิดก็ปรากฏเป็นเพียงสักแต่ว่าคิดอย่างไร้ความหมาย ส่วนจิตก็ปรากฏเป็นเพียงสักแต่ว่ารู้ ที่เรียกว่ารู้ตามความเป็นจริง รู้แบบปล่อยวาง แม้เวทนาไม่ดับ แต่จิตก็ตั้งมั่นอยู่ได้เป็นอุเบกขาวางเฉยไม่สะทกสะท้านหวั่นไหวต่อเวทนาที่ใกล้ตายนั้น  หรือ หากเป็นไปยิ่งกว่านั้น เวทนาดับหมด ลมหายใจก็ดับ กายดับในความรู้สึก ความคิดปรุงแต่งภายในจิตก็ดับ จิตรวมลงเป็นสักแต่ว่ารู้หนึ่งเดียว รู้อยู่จำเพาะจิต เป็นเอกเทสไม่มีรู้ที่สอง อย่างนี้ถึงจะเรียกว่า จิตรู้เท่าความตาย ผ่านความตาย และเอาชนะความตายได้อย่างแน่นอน

นี่แหละ ที่ครูบาอาจารย์มักพูดว่า พระนิพพานมันเลยฟากตายไปแล้วจริงๆ




ขอบคุณ : www.doisaengdham.org/สายธารธรรม-โดยเจ้าอาวาส/ที่สุดของกาย-และ-ความกลัวตาย.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ