ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไมทำบุญ(หรือกลับตัว) แล้วยังโดนน้ำท่วม  (อ่าน 907 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0




ทำไมทำบุญ(หรือกลับตัว) แล้วยังโดนน้ำท่วม

ในช่วงที่ผ่านมาประมาณ 2 เดือน คงมีหลายคนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม และรวมถึงในอนาคตอันใกล้ คงจะมีหลายคนที่กำลังจะได้รับผลกระทบซึ่งผู้คนจำนวนมากในกลุ่มที่ได้รับ(หรือกำลังจะได้รับ)ผลกระทบ เป็นชาวพุทธที่ทำบุญละบาป หรือเป็นชาวพุทธที่เป็นคนเคยทำบาปแล้วกลับตัวมาทำบุญละบาป(แบบที่ผมเป็น)

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บางคนอาจจะเข้าใจเป็นอย่างดีว่า เกิดจากอะไรแต่บางคนอาจจะยังมีข้อสงสัยว่า ตัวเราเองก็ทำบุญ เหตุใดจึงยังได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมและพาลเกิดความสงสัยว่ากฎแห่งกรรมมีจริงหรือเปล่า ทำไมทำดีถึงไม่ได้ดี ผมขอใช้โอกาสนี้แบ่งแยกคนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมออกเป็น 4 กลุ่ม ลองพิจารณาดูนะครับว่า ตัวเราเป็นคนกลุ่มไหน

@@@@@@@

กลุ่มที่ 1. หนักไปทางศรัทธา
หมายถึง กลุ่มคนที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับพุทธศาสนา จนเริ่มมีความเชื่อมีความศรัทธาแต่ความศรัทธานั้นไม่ได้พัฒนาจนเปลี่ยนตัวเองให้มีการกระทำที่เหมาะสมคนกลุ่มนี้จึงยังคงทำบาปไม่ต่างจากเดิม  และยังทำบุญไม่มากขึ้นสักเท่าไหร่(ชีวิตเป็นไปตามกฎแห่งการกระทำ ไม่ช่กฎแห่งความศรัทธา) สรุปว่า ที่ผ่านมาแทบจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงตัวเองสักเท่าไหร่ จึงมีบาปที่ตั้งรับผลมากมาย และแทบไม่มีบุญเข้ามาค่อยเกื้อหนุน จึงต้องรับผลบาปอย่างเต็มที่

กลุ่มที่ 2. เปลี่ยนไม่มากพอ
หมายถึง กลุ่มที่เริ่มเปลี่ยนแปลงการกระทำของตน แต่ความเปลี่ยนแปลงนั้นยังไม่มากพอนั่นคืออาจจะทำทำบาปลดลงบ้าง(แต่ไม่มากนัก ยังรักษาศีล 5 ไม่ได้)และทำบุญบ้าง(อาจจะบุญแค่ทำเดือนละ 1ครั้ง ครั้งละ 10-20 บาท ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในด้านอื่นเป็นพันเป็นหมื่น ดื่มเหล้าซื้อของละเมิดสิทธิ์เป็นมูลค่าที่สูงกว่าทำบุญมาก) ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีบุญมากพอที่จะมาช่วยบรรเทาปัญหา (ส่วนบาปที่ยังทำก็ยังตามส่งผลได้) จึงทำให้ต้องรับผลบาปมากในระดับหนึ่ง

กลุ่มที่ 3. ทำบุญอย่างเดียว ไม่ละบาป
หมายถึง กลุ่มที่หันมาทำบุญมากขึ้น บ่อยขึ้น อาจจะทำบุญทุกเดือน เดือนละหลายครั้ง และครั้งละมากพอสมควร แต่ยังไม่สามารถละบาปได้ รักษาศีล 5 ยังไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ จึงยังมีทั้งบุญที่รอคอยส่งผล และมีบาปที่รอคอยส่งผลเช่นกันในจังหวะที่บุญส่งผลชีวิตก็จะดี ในจังหวะที่บาปส่งผลก็จะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมแบบที่เป็น

กลุ่มที่ 4. ศีลก็มี บุญก็ทำมาก
หมายถึง กลุ่มที่เปลี่ยนแปลงการกระทำของตนได้อย่างสิ้นเชิง(หรือเป็นคนแบบนี้มานานแล้ว)คนกลุ่มนี้คือกลุ่มที่น่าห่วงที่สุด เนื่องจากคนใน 3 กลุ่มแรก สามารถทำความเข้าใจได้ไม่ยากว่าเหตุใดจึงได้รับผลกระทบ(ยังทำบุญไม่มากพอ และ/หรือ ยังทำบาปมากอยู่) แต่คนกลุ่มนี้ ได้เปลี่ยนแปลงการกระทำของตนเอง จนมาเดินในเส้นทางที่พระพุทธเจ้าแนะนำแล้ว เมื่อทำบุญละบาป ด้วยความมั่นใจว่า เดินในเส้นทางที่ถูกต้องแล้ว แต่ยังได้รับผลกระทบอยู่บางคนที่มีความเชื่อมั่นศรัทธาในกฎแห่งกรรมไม่มากพอ หรือเข้าใจไม่ครบทุกมุมอาจจะเกิดความลังเล จนความเชื่อมั่นที่มีอาจจะสั่นคลอนได้


@@@@@@@

ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ผมเคยได้กล่าวถึงในหนังสือ "ถ้ารู้...(กู)...ทำไปนานแล้ว"  ว่าสิ่งนี้คือ กับดักของคนทำดีละชั่ว
นั่นคือ ในขณะที่เรากำลังพยายามทำดีละชั่ว เราอาจจะพบเจอชีวิตที่มีความทุกข์ ทรัพย์วิบัติ ตกงาน อกหัก ป่วย ฯลฯ ส่งผลให้หลายคน เริ่มไม่มั่นใจในกฎแห่งกรรม เริ่มไม่มั่นใจว่า "ทำดี ได้ดี"

แต่ความจริงแล้ว สิ่งแย่ๆเกิดขึ้นกับคนทำดีละชั่ว นั่นแหละครับ เป็นสิ่งที่ยืนยันในเรื่องของกฎแห่งกรรม และเป็นสิ่งสนับสนุนคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าในเรื่องความไม่เที่ยง(อนิจจัง) ความทุกข์(ทุกขัง) จากสิ่งรอบตัวที่บังคับไม่ได้(อนัตตา) ที่เรียกว่าไตรลักษณ์

เอาเรื่องกฎแห่งกรรมก่อน เพราะเราคงไม่ลืมว่า เราไม่ได้เกิดมาเพียงแค่ชาติเดียว เราทุกคนได้เคยเวียนว่ายตายเกิดมานับชาติไม่ถ้วน เราคงไม่ลืมว่า ในชาติก่อนๆเราน่าจะเคยทำบาปมาไม่มากก็น้อย(ความทุกข์ที่เราได้รับจะบอกเองว่า เราเคยทำมามากหรือน้อย) ผลกรรมเหล่านั้น ยังคงรอตามส่งผลกับชีวิตเรามาตลอด ซึ่งตอนนี้คือ เวลาที่กรรมนั้นกำลังสบช่องส่งผลนั่นเอง เราถึงได้มีสภาพแบบนี้(คนที่ได้รับผลกระทบ)

และสิ่งที่เกิดขึ้น ยิ่งเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสนั้นถูกต้อง เพราะตามกฎแห่งกรรม หากเราทำบาปลักทรัพย์(คดโกง ลักขโมย ลักลอบ ปิดบัง ฯลฯ) เวลาบาปส่งผลทรัพย์ของเราก็จะวิบัติด้วยโจร "น้ำ" ลม ไฟ ถูกยึด ฯลฯ (ใช้ของละเมิดลิขสิทธิ์กันทั้งประเทศ คดโกงกันเป็นปกติกันทั้งประเทศ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเจอทรัพย์วิบัติทั้งประเทศ และคงไม่หยุดลงแค่ครั้งนี้)

@@@@@@@

สรุปว่า คนที่ทำดีละชั่ว แต่ยังได้รับผลกรรม ก็เพราะกำลังรับกรรมเก่าที่เคยทำมาในอดีต(ชาตินี้)หรือที่เคยทำมาในชาติก่อนๆนั่นเอง (ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้รับผลกระทบก็อย่าพึ่งชะล่าใจ เพราะไม่ได้แปลว่าเราไม่เคยทำบาปลักทรัพย์ แต่อาจจะเป็นเพราะบาปที่เราทำอาจจะยังไม่สบช่องแสดงผล โดยบาปนั้นหากสบช่องก็อาจจะแสดงผลให้ทรัพย์วิบัติในรูปแบบอื่นในเวลาอื่น)

บางคนอาจจะมีข้อสงสัยว่า แล้วบุญที่เคยทำ และที่กำลังทำอยู่ ทำไมไม่ช่วยส่งผลให้เรารอดหล่ะ คำตอบก็คือ ให้ทำความเข้าใจว่า บุญก็ส่วนบุญ บาปก็ส่วนบาป เวลาที่บุญส่งผล เราก็จะได้รับสิ่งดีๆ(มีรายได้มากขึ้น มีทรัพย์สินมากขึ้น) ส่วนเวลาที่บาปส่งผล เราก็ได้รับสิ่งแย่ๆ(มีรายได้น้อยลง ทรัพย์สินลดลง ทรัพย์สินถูกทำลาย)

แต่เนื่องจากเราไม่รู้ว่ากรรมไหนจะแสดงผลเมื่อไหร่(อนิจจัง) และเราไม่สามารถบังคับให้บุญแสดงผลในเวลาที่เราต้องการได้(อนัตตา) ในขณะที่ตอนนี้ กรรมเก่า(บาป)ที่เราเคยทำ สบช่องแสดงผล เราจึงได้รับผลกระทบเรื่องน้ำท่วมจนมีความทุกข์นั่นเอง(ทุกขัง)

ในขณะเดียวกัน หากบุญที่เคยทำ สบช่องแสดงผลในจังหวะนี้พอดี เราก็จะได้รับผลกระทบน้อยลง(บ้านอาจจะเสียหายน้อยลง หรืออาจจะไม่เสียหายเลย) หรือตอนที่ได้รับผลกระทบ บุญอาจจะช่วยให้เราไม่ลำบากมากนัก(เหมือนที่ผมเล่าเรื่องน้ำดื่มให้ฟัง) แต่ถ้าบุญนั้นยังไม่สบช่องส่งผล เราก็จะได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ ส่วนบุญนั้นก็จะรอส่งผลภายหลัง(ซึ่งข้อดีก็คือ วันนั้นเราก็จะรับผลบุญอย่างเต็มที่ เพราะบุญไม่ต้องเข้าไปตัดรอนบาปใดๆ)


@@@@@@@

ผมหวังว่าการอธิบายดังกล่าว จะช่วยให้ทุกท่านเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างถูกต้องถูกทาง และช่วยให้ทุกท่านมีความเชื่อมั่นใจกฎแห่งกรรมที่พระพุทธเจ้าสอนเท่าเดิม(หรือมากขึ้นกว่าเดิม) และช่วยให้ทุกท่านมั่นใจที่จะทำบุญละบาปต่อไป(สำหรับคนที่ทำบุญละบาปได้แล้ว) และช่วยกระตุ้นให้ท่านที่ยังไม่ละบาป ตั้งใจละบาปให้ได้ทั้งปวง เพราะได้เห็นแล้วว่า เวลาบาปแสดงผลอะไรก็"เอาไม่อยู่"

ที่สำคัญที่สุด ขอให้ทุกท่านตระหนักให้มากว่า เราทุกคนอาจจะมีบาปกรรมที่ได้สั่งสมเอาไว้จำนวนมากมายมหาศาลกว่าที่เราคิด กำลังรอส่งผลอยู่(มีอีกนับล้านกรรม) วันหนึ่งเมื่อบาปนั้นสบช่องส่งผล ชีวิตเราอาจจะทุกข์ยากลำบากมากกว่าที่เป็น(หรือที่เห็นว่าคนอื่นเป็น)

ใครอยากเกิดมาอีกหลายๆชาติ เพื่อลุ้นว่า ชาติต่อๆไปจะมีบาปกรรมไหนมาแสดงผลให้ได้รับทุกข์อีกเท่าไหร่ ก็สามารถทำได้ เพราะชีวิตของเราเป็นของเรา แต่ตัวผมเอง(และหลายๆคน) ที่เข้าใจความทุกข์ ของการเวียนว่ายตายเกิด เข้าใจความไม่แน่นอนของสรรพสิ่ง เข้าใจว่าเราไม่สามารถบังคับสรรพสิ่งให้เป็นไปตามที่ต้องการ คงไม่อยากจะเกิดอีกแล้วครับ


ด้วยความนับถือ
ณัฐพบธรรม
www.nutpobtum.com
www.facebook.com/pobtumbook




ขอบคุณภาพจาก : https://www.posttoday.com/social/local/599358
ขอบคุณบทความจาก : http://www.nutpobtum.com/index.php?mo=3&art=41927718
posted on 03/01/2017
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ