ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: วัฒนธรรมโสเภณี แก้เหงาไม่เฉามือ..จากสมัยพุทธกาลถึงรัตนโกสินทร์  (อ่าน 1051 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


(ภาพประกอบเนื้อหา)


วัฒนธรรมโสเภณี แก้เหงาไม่เฉามือ..จากสมัยพุทธกาลถึงรัตนโกสินทร์

โสเภณีเป็นมรดกวัฒนธรรมของสังคม วัฒนธรรมคือ พฤติกรรมร่วมของมนุษย์หมู่หนึ่ง สังคมหนึ่งที่ประพฤติปฏิบัติร่วมกัน รับสืบทอดต่อกันเป็นมรดกวัฒนธรรม โสเภณีเป็นพฤติกรรมร่วมดังกล่าว ย่อมสืบทอดเจริญขึ้น หรือเสื่อมลงตามสภาพการณ์และเวลาของสังคมนั้น

โสเภณีมีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล แต่โสเภณีสมัยนั้นมีคุณสมบัติเฉพาะดังนี้ :-

1. รูปร่างดี คือ สวย
2. เล่นดนตรีได้
3. ขับร้องได้
4. ฉลาดในการปฏิสันถาร คือ รับแขก

ในสมัยพุทธกาล เช่น นางสิริมาเป็นโสเภณี เมื่อได้ฟังพระธรรมของพระพุทธเจ้าแล้วสำเร็จโสดาบัน และภิกษุณีวงศ์เคยเป็นโสเภณีมีค่าตัวครึ่งเมืองสีกา เป็นตัวอย่างในโบราณกาล ท่านแพทย์ชีวกโกมารภัจ ท่านเป็นบุตรนางสาลวดี นางบำเรอประจำกรุงราชคฤห์ (จากหนังสือเรื่อง โกมารภัจ)

@@@@@@@

โดยเฉพาะหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ที่นครโตเกียวของญี่ปุ่นคลาคล่ำไปด้วยโสเภณียืนตามบาทวิถีในค่ำคืน เชิญชวน “ร่วมรสรัก” โดยเฉพาะบริเวณอาซักกูซ่า การปรนนิบัติบางแห่ง “ยอดเยี่ยม” คือมี “ห้องหอรอรัก” บนเสื่อปูนวมแล้วนำอิฐเผาให้ร้อนวางไว้ นำนวมคลุมทับทำให้อบอุ่นเป็นที่นอน “ร่วมรสรัก” เยี่ยมมาก แต่เมื่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่นปัจจุบันดีมากจนเป็น “สัตว์เศรษฐกิจ” โสเภณีญี่ปุ่นก็วูบหายวับไป

ในประเทศเยอรมนี หลังสงครามในนครฮัมบูร์ก ย่านซังเปาลีหรือริบเปอร์บานก็เต็มไปด้วยโสเภณีถนนราคาไม่แพง ในประเทศเนเธอแลนด์ประมาณ พ.ศ. 2500 ที่นครเฮกและนครอัมสเตอร์ดัม นางในห้องกระจกนั่งเชิญชวนให้ชม-เชย-ชิด ทุกค่ำคืนมีทุกสาวแส้และพะโล้

ในประเทศอียิปต์ กรุงไคโรนับว่าวิเศษยอดเยี่ยมในโลก คือ กลางแม่น้ำไนล์จะมีเรือขนาดกลางรวบรวมโสเภณีไว้ประมาณ 15-20 นาง มีเรือแจวจากท่าริมฝั่งให้หนุ่มกลัดมันไปเลือก แล้วพาไปนอนในเรืออีกลำหนึ่งเรียกว่าเรือเรือนหอ นอนร่วมรสรักแนบชิดสนิทสเน่หากลางแม่น้ำไนล์


ถนนจักรเพชร ใกล้วังบูรพา แหล่งโสเภณีในอดีต

ครั้งหนึ่งที่คลองแสนแสบประตูน้ำประทุมวันก็ลอยเรือโสเภณีแบบนี้ แต่บรรยากาศไม่ Romantic เลย กรุงลอนดอน แถว BAY WATER ไฮด์ปาร์ก โสเภณีก็มีไม่น้อยและใช้สุมทุมพุ่มไม้เป็นเรือนหอ หรือจะยืนใช้เสื้อฝนคลุมถ้าปฏิบัติได้ถนัด

ขอกลับมาที่ประเทศไทยสมัย พ.ศ. 2480 หรือกว่านั้น คุณแก่คุณหนุ่ม ต้องรู้จัก “ซอยทรัพย์” โดยเฉพาะนิสิตชายจุฬาฯ ต้องรู้จักแน่ ๆ เพราะหลังจากกินซากเนื้อสัตว์เนื้อเปื่อยเป็นอาหารเย็นแล้ว นิสิตชั้นดีก็เตร่ไปซอยทรัพย์เพื่อรับ “โรค” เป็นประเพณีอย่างหนึ่ง

“สพานถ่าน” ใคร ๆ ก็รู้จักว่าเป็นย่านโสเภณีราคาถูก ซอยข้างเรือนจำลหุโทษ หรือถนนซอยหลังร้านขายเครื่องหวาย ถนนหน้าโรงหวย ตรอกเต้า ตรอกโพธิ์ ถนนอนุวงศ์มีโสเภณีกวางตุ้ง นุ่งกางเกงในวัับ ๆ แวม ๆ ล่อใจอยู่ทั้งกลางวันกลางคืน บ้านป้าอบ บ้านป้าหยิบ ดงกล้วย ย่านแพร่งสรรพศาสตร์ ย่านถนนวิสุทธิกษัตริย์ สำหรับอุปกรณ์ที่สำคัญจำเป็นของโสเภณีคือ “กระโถน 1 ใบ น้ำสะอาด 1 ขวด” โสเภณีจะหิ้วของสองสิ่งนี้ขึ้นไปกับหนุ่ม-แก่กลัดมัน เรียกว่า “ขึ้นห้อง” หนุ่มบริสุทธิ์จะเริ่มเที่ยวครั้งแรกนั้นเรียกเป็นภาษาเฉพาะว่า “ไปขึ้นครู”



 
ที่มา : ศิลปวัฒนธรรม ฉบับมีนาคม 2536
ผู้เขียน : พล.ร.ต.สมภพ ภิรมย์
เผยแพร่ : วันพฤหัสที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ.2563
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก : เมื่อ 26 กรกฎาคม 2561
ขอบคุณ : https://www.silpa-mag.com/history/article_18783
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ