ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ถ้าเกิดความคิด สมน้ำหน้าผู้อื่นขึ้นมา โดยไม่ได้ตั้งใจ จะถือว่าเป็นบาปหรือไม่.?  (อ่าน 882 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



ถ้าเกิดความคิด "สมน้ำหน้าผู้อื่นขึ้นมา" โดยไม่ได้ตั้งใจ จะถือว่าเป็นบาปหรือไม่.?

ถาม : ถ้าอยู่ๆ ความคิดสมน้ำหน้าก็ผุดขึ้นมาในหัว ทั้งๆ ที่เราไม่ได้ตั้งใจจะคิด อย่างนี้ถือว่าเป็นกรรมทางความคิดไหมคะ.?

ผมจะบอกอย่างละเอียดเลยว่ากลไกของกรรมนะ กลไกของความคิดมันเกิดขึ้นได้อย่างไรนะครับ สิ่งที่เรามักจะรู้สึกกันก็คือ ไอ้ความคิดแบบนี้อยู่ๆ มันเกิดขึ้น เราไม่ได้ตั้งใจนะ ลักษณะของความคิดแบบนั้น ยังไงมันก็เป็นความรู้สึก ให้ความรู้สึกว่าเป็นความคิดของเราอยู่ดี เพราะอะไร ต้องมองแบบนักเจริญสตินะ อย่ามองแบบคนที่ไม่รู้อะไรเลยนะครับ

มองอย่างนักเจริญสติจะเห็นว่า ความคิดเป็นสิ่งกระทบที่เกิดขึ้นนอกจิตนอกใจนะ ไม่ใช่สิ่งเดียวกับใจนะ ทุกคนที่ไม่ได้ศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า จะสำคัญผิดคิดว่าความคิดมันก็คือจิต มันก็คือใจ แล้วจิตใจมันก็คือตัวเรา เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าความคิดใดเกิดขึ้น เราต้องรับผิดชอบ นี่มันเกิดอุปาทานขึ้นมาแล้วว่าความคิดเป็นเรา เพราะฉะนั้นเราก็ต้องรับผิด เป็นผู้รับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น

@@@@@@@

ทีนี้ถ้ามองในมุมของนักเจริญสติจะเห็นว่า ใจอยู่ส่วนใจ ความคิดอยู่ส่วนความคิด ยังไม่เกี่ยวข้องกันนะ คือพอเราสั่งสมประสบการณ์มา เกิดประสบการณ์อะไรมามากๆ ประสบการณ์เหล่านั้นมันจะวนเวียนในรูปของความเป็นไปได้ที่จะกลับมาย้อนกลับมาผุดขึ้นในหัว ความเป็นไปได้ที่ธรรมชาติจะยิงความคิดมากระทบใจในแต่ละขณะ ตัวนั้นน่ะ ท่านถือว่าเป็นอายตนะภายนอก คือความคิด คือความจำ หรือว่าแม้กระทั่งความรู้สึกอยากสมน้ำหน้าใครขึ้นมา แล้วความคิดความจำหรือการปรุงแต่งแบบนั้นน่ะ

คืออย่างนี้ ความจำนะ ถ้าหากว่ามันผุดขึ้นกระทบใจ แล้วเกิดเป็นปฏิกิริยานะว่า เอ๊ย อยากสมน้ำหน้าคนคนหนึ่งขึ้นมา อันนั้นเรียกว่าเป็นความคิดที่เป็นอกุศล คือเกิดความรู้สึกหมั่นไส้เกิดความรู้สึกสมน้ำหน้าอะไรขึ้นมา นี่มันต้องมีอีกความคิดความจำอะไรอย่างหนึ่งขึ้นมาก่อน นำหน้านะ เข้ากระทบใจแล้วเกิดเป็นความรู้สึกที่ไม่ดีสวนออกไป เป็นปฏิกิริยาสวนออกไป ความรู้สึกแบบนี้มันจะเกิดขึ้นเองลอยๆ ไม่ได้ ถ้าไม่มีความจำนำหน้าขึ้นมา กระทบใจขึ้นมาก่อน

หรือถ้าหากว่าเราไปมองหน้าใครที่เขากำลังเหมือนกับตกทุกข์ได้ยาก แล้วจำได้ว่าคนคนนี้เคยทำให้เรารู้สึกไม่ดีมาก่อน เราไปสมน้ำหน้าเขา อย่างนี้ก็เท่ากับว่ากลไกของการเกิดความสมน้ำหน้า ก็คือว่าตาไปกระทบกับรูป แล้วรูปนั้นมันทำให้เรารู้สึกไม่ดีขึ้นมา ไม่ใช่อยู่ๆ ความสมน้ำหน้ามันจะเกิดขึ้นเองได้

@@@@@@@

ถ้าหากว่าความรู้สึกสมน้ำหน้ามันเกิดขึ้น แล้วมีตัวตัวหนึ่งนะที่เรียกว่าสติ มาทำความรับรู้ แล้วก็เกิดความระลึกขึ้นมาได้ ว่าอย่างนี้เป็นอกุศล อย่างนี้เป็นสิ่งที่ไม่ดี แล้วเปลี่ยนใหม่ จิตมันเกิดการปรุงแต่งใหม่ เป็นความรู้สึกที่ว่า เออ เราไม่ควรจะไปสมน้ำหน้า นี่เป็นความคิดที่เป็นกุศลแล้ว

ทั้งหมดทั้งปวงนี่ไม่มีตัวเราอยู่เลยนะ ทั้งหมดทั้งปวงนี่เป็นแค่สภาวธรรมที่เกิดขึ้นอย่างมีเหตุและมีผล ถ้าหากว่าเราสามารถเห็นเหตุและเห็นผลได้ ว่าที่มาที่ไปของความรู้สึกสมน้ำหน้ามันมีมาได้อย่างไรนะ เราจะเข้าใจ เข้าใจอย่างขาด เข้าใจแบบคนที่อ่านออกทะลุ ว่าไม่มีตัวตนให้ต้องรับผิดชอบ อย่างนี้จะอยู่เหนือบุญเหนือบาป

ทีนี้ถ้ามองจากมุมนี้นะว่า เออ เพราะเหตุมันเป็นอกุศล จึงเกิดผลเป็นอกุศล เพราะเหตุเป็นกุศล ผลจึงเป็นกุศลตามนะ ไม่มีตัวตนอยู่ในทั้งอกุศลและกุศลนั้น เราก็จะสามารถที่จะมองย้อนกลับไปแล้วให้คำตอบตัวเองได้ ว่าความคิดสมน้ำหน้าที่มันผุดขึ้นแวบเดียวนี่ไม่เป็นไรหรอก ไม่ได้ถือว่าเป็นบาปเป็นกรรมอะไรมากมาย คือกรรมมันยังไม่ได้เกิดขึ้นครบวงจร เพราะยังไม่ได้มีตัวเราเข้าไปตัดสิน ตัวเราเข้าไปผสมโรง หรือว่าตัวเราเข้าไปให้การรับรองว่าความคิดอย่างนั้นดีแล้วชอบแล้ว

กรรมที่มันจะเป็นกรรมทางความคิดเต็มๆ มันต้องเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมีความตั้งมั่นอยู่ในเรา คือพูดง่ายๆ ว่าจิตของเราไปยึดว่าความคิดแบบนั้นน่ะดีจริง แล้วก็ควรจะหวงไว้ ตัวนี้ที่มันเป็นตัวเรา ที่มันเป็นกรรม เป็นมโนกรรมจริงๆ ที่จะต้องได้รับผล แต่ประเภทที่เกิดขึ้นแค่แวบเดียวนะ เพราะมีอะไรกระทบ จะเป็นความจำเก่าๆ หรือว่าจะเป็นแค่การเห็นหน้าแล้วรู้สึกไปชั่วแวบชั่ววาบ มันยังไม่ได้เป็นอะไรมากมาย มากไปกว่าภาวะของอกุศลธรรม เกิดขึ้นแป๊บหนึ่งแล้วเดี๋ยวมันก็หายไป




ขอบคุณบทความจาก : http://www.dlitemag.com/index.php?option=com_content&view=article&id=1444:2015-09-17-02-54-45&catid=41:dungtrins-answer&Itemid=59
ขอบคุณภาพจาก : https://www.yousuna.com/content/848
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ