พบสุสาน“ขุนนางสยาม”ที่ไปติดต่อกับจีนสมัยราชวงศ์ชิง ที่เมืองกวางตุ้งเมื่อไม่นานมานี้ผมได้รับบทความภาษาอังกฤษสั้นๆเรื่อง Guild in which Siamese tribute-bearers are lodged during their stay at Canton ที่เพื่อนได้ถ่ายเอกสารส่งมาให้จากประเทศจีน บทความนี้ตีพิมพ์ในหนังสือชื่อ Walks in the City of Canton เขียนโดย Henry Gray พิมพ์ที่ฮ่องกง เมื่อ ค.ศ. 1875 (พ.ศ. 2418)
ผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจดี เพราะเป็นเรื่องที่เขาได้พบจารึกภาษาไทยและภาษาจีนคู่กันบนหลุมฝังศพขุนนางสยามจำนวน 5 หลัก ที่เมืองกวางตุ้ง
แต่ด้วยเหตุที่ผู้เขียน (H. Gray) คงไม่รู้จักภาษาไทย (แน่ๆ) จึงได้แปลเฉพาะจารึกภาษาจีนเป็นภาษาอังกฤษเผยแพร่ดังชื่อบทความดังกล่าวข้างต้นผมจึงได้แปลบทความนั้นเป็นภาษาไทย
ผมต้องขอย้ำว่าจารึกภาษาไทยจริงๆ นั้น ก็มีอยู่และมีข้อความตรงกันกับภาษาจีน หากใครได้มีโอกาสไปเมืองกวางตุ้งและไปยังสุสานแห่งนี้ (อยู่ที่ถนนไหวหยวนยิก) ได้ถ่ายภาพหรือทำสำเนาจารึกภาษาไทยทั้ง 5 หลักนี้มาเผยแพร่ก็จะดีไม่น้อย (แต่ที่แน่ๆ คือดีกว่าที่ได้อ่านคำแปลจากจีนเป็นอังกฤษและแปลจากอังกฤษเป็นไทย)
หลุมฝังศพขุนนางสยามที่เมืองกวางตุ้งมีจำนวน 5 ศพ ศพแรกฝังใน พ.ศ. 2211 (ตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์แห่งอาณาจักรอยุธยา) ส่วนศพสุดท้ายฝังใน พ.ศ. 2415(ตรงกับต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว)【ซึ่งตรงกับราชวงศ์ชิงของจีน พ.ศ. 2187-2455】
ผมต้องขอขอบคุณ Dr. Chui Mei Ho ผู้ส่งบทความนี้มาให้
สมาคมที่ใช้เป็นที่ฝังศพขุนนางสยามผู้อัญเชิญเครื่องราชบรรณาการระหว่างพำนักอยู่ที่เมืองกวางตุ้ง
สมาคมนี้ตั้งอยู่ที่ถนนไหวยวนยิก (Hwai Uen Yik) ชานเมืองกวางตุ้งด้านตะวันตก เป็นอาคารที่สกปรกและทรุดโทรมมากที่สุดแห่งหนึ่งชองชานเมืองแถบนี้ บริเวณที่ติดกับสมาคมแห่งนี้มีสุสานเล็กๆ ของชาวสยามอยู่ด้วย และในความรู้สึกอันต้อยต่ำของเราที่มีต่อที่ตั้งหลุมฝังศพชาวสยามนั้นกล่าวได้ว่า ดูแล้วมิได้มีความยิ่งใหญ่ใดๆ เลย
ภาพขยายคณะทูต มีทูตจากสยามโบกธงที่เขียนว่าเสียนหลอ (ธงสีแดง คนใส่เสื้อเขียว)
ชาวสยามจำนวน 5 ศพ ถูกฝังอยู่ที่ในสุสานแห่งนี้ และที่เบื้องหัวนอนของหลุมฝังศพแต่ละหลุมมีทางหินปักอยู่ บนแท่งหินนี้มีจารึกภาษาไทยและภาษาจีนควบคู่กัน คำอ่านจารึกภาษาจีนหลักแรกคือ
“เจ้าเสือไหว้หมื่น (Ye Tso Hwai Mun) ขุนนางสยาม เป็นชาวเมืองเซียงกี [1] (Cheung Ki) มาถึงเมืองกวางตุ้งโดยเป็นผู้อัญเชิญเครื่องราชบรรณาการจากกษัตริย์สยามาสู่จักรพรรดิจีน มรณกรรมในตอนบ่ายของวันที่ 22 ในเดือนที่ 6 ของปีที่ 6ของรัชกาลพระเจ้าคังซี (ตรงกับ พ.ศ. 2211) อายุได้ 62 ปี และได้ฤกษ์นำมาฝัง ณ ที่นี้ในเดือนที่ 5 ของปีที่ 7 ของรัชกาลดังกล่าว (ตรงกับพ.ศ. 2212) [2]
คำอ่านจารึกภาษาจีนบนแท่งหินของหลุมฝังศพหลักที่ 2 คือ
“หัวหน้าคณะผู้อัญเชิญเครื่องราชบรรณาการชาวสยามมีชื่อว่า พระยาสุนทรอภัยโกษา? (Pe Nga Sun Tan A Tai Ngo Tat) ได้ฤกษ์นำศพฝังไว้ ณ ที่นี้ในฤดูใบไม้ร่วง ในปีที่ 42 ของรัชกาลพระจักรพรรดิเฉียนหลง(ตรงกับ พ.ศ. 2321) [3]
ประโยคที่อ่านได้จากจารึกภาษาจีนบนแท่งหินของหลุมฝังศพหลักที่ 3 คือ
“พระหัวหมื่นสุเมรุญโหปเทศ? (Pa Wo Mun Sun Men Yik Ho Pat Tat) ผู้มีตำแหน่งที่ 2 ในคณะผู้อัญเชิญเครื่องราชบรรณาการชาวสยาม ได้เดินทางมาถึงเมืองกวางตุ้ง ในปีที่6 ของรัชกาลจักรพรรดิจาชิ่ง (ตรงกับ พ.ศ. 2350) [4] ได้ถึงแก่มรณกรรมเมื่ออายุได้ 42 ปี ในเวลา 5 โมงเย็น ในวันที่ 8 ของเดือนที่ 8 ของปีที่ 6 ของรัชกานี้ และได้ถูกนำมาฝังไว้ ณที่นี้ในเดือนที่ 8 ของปีที่ 6 ของรัชกาล”
คำจารึกของจารึกหลักที่ 4 อ่านได้จากภาษาจีนคือ
“หลวงหัวหมื่นสุเรนทรโหปเทศ? (Long Wo Mun Sun Nen A Ho Poot Tat) ได้เดินทางมาถึงเมืองกวางตุ้งในฐานะผู้มีตำแหน่งเป็นที่ 2 ในคณะผู้อัญเชิญเครื่องราชบรรณาการชาวสยามชาตะในปีแรกของรัชกาลจักรพรรดิจาชิ่ง (พ.ศ. 2339) มรณกรรมเวลา 6 โมงเช้าของวันที่ 17 ในเดือนที่ 3 ปีที่ 12 ของรัชกาลพระเจ้าเต้ากวง (ตรงกับ พงษ. 2376)[5] ศพได้ถูกนำมาฝังในช่วงหลังของเดือนที่ 4 ของปีที่ 12 ของรัชกาลนี้”
คำจารึกบนหลุมฝังศพภาษาจีนหลักที่ 5 อ่านได้ว่า
“ศพผู้อัญเชิญเครื่องราชบรรณาการชาวสยาม ถูกฝังไว้ ณ ที่นี้หรือใต้หินแท่งนี้ในปีที่ 11 ของรัชกาลพระเจ้าถงซี่(ตรงกับ พ.ศ. 2415) [6]เชิงอรรถ :-
[1] เมืองเซียงกี คือชื่อเรียกเมืองนางาซากิ (ในประเทศญี่ปุ่น) ที่เป็นภาษาจีน ฉะนั้นขุนนางผู้นี้เป็นชาวญี่ปุ่น
[2] ตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์
[3] ตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสิน
[4] ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
[5] ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
[6] ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าออยู่หัว
หมายเหตุ : คำอ่านชื่อขุนนางสยามในที่นี้นั้น พยายามอ่านจากภาษาอังกฤษให้ใกล้เคียงกับภาษาไทย แต่อาจมีความคลาดเคลื่อนอยู่บ้าง ผู้เขียนจะตรวจสอบให้ถูกต้องอีกครั้งเมื่อมีโอกาสได้สำเนาจารึกภาษาไทยจากเมืองกวางตุ้ง
ที่มา : ศิลปวัฒนธรรม กุมภาพันธ์ 2533
ผู้เขียน : ภูธร ภูมะธน
เผยแพร่ : วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2564
เผยแพร่ครั้งในระบบออนไลน์ : เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2563
ขอบคุณ :
https://www.silpa-mag.com/history/article_44144