ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: “จีนสั่งให้ไปก้องเมื่อไรก็ไป..ไม่มีอายขายหน้า โง่งมงายตลอด”  (อ่าน 920 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


พระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่ปรากฏนามศิลปิน, สีฝุ่น สมัยรัชกาลที่ 4 ประดิษฐานในพระที่นั่งอัมพรสถาน กรุงเทพฯ (ภาพจากหนังสือจิตรกรรมและประติมากรรมแบบตะวันตกในราชสำนัก เล่มที่ 1)


“จีนสั่งให้ไปก้องเมื่อไรก็ไป..ไม่มีอายขายหน้า โง่งมงายตลอด” พระบรมราชวินิจฉัยใน ร.4

พระบรมราชวินิจฉัยใน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ซึ่งทรงเผยแพร่แก่สาธารณะเมื่อปี 2411 กรณีการส่งจิ้มก้อง หรือเครื่องบรรณาการไปยังประเทศจีน บางส่วนมีดังนี้

“…ฝ่ายพระเจ้าแผ่นดินไทยในเวลาล่วงแล้วนั้น ไม่มีความกระด้างกระเดื่องว่าพวกจีนล่อลวงให้เสียยศ จีนสั่งให้ไปก้องเมื่อไรก็ไปเมื่อนั้น ถูกลวงทั้งก้องทั้งซิ่ว ไม่มีอายขายหน้า โง่งมงายตลอดลงมาหลายชั่วอายุคน

ความโง่เป็นไปทั้งนี้ ต้นเหตุใหญ่เพราะว่าหนังสือจีนรู้โดยยากที่สุด ไม่เหมือนหนังสือไทยแลหนังสือต่างประเทศทั้งหลายพอจะรู้ได้บ้าง ก็ไทยแท้มิใช่บุตรจีนรู้หนังสือจีนก็ไม่มี ก็เมื่องมงายโง่มาหลายชั่วอายุคนแล้ว


@@@@@@@

พระเจ้าแผ่นดินไทยทั้งหลายในเวลาก่อนนั้น แลเสนาบดีไทยก็โง่งมมาด้วยหลายชั่วแผ่นดินนั้น เพราะความมักง่าย ครั้นทูตเก่าแลล่ามเก่าตายไปหมดแล้ว ได้ยินว่าคราวหนึ่งมีล่ามจีนเป็นคนซื่อแปลความตามฉบับหนังสือจีนที่จริงแจ้งความจริงให้ท่านเสนาบดีไทยในเวลาที่ล่วงแล้วเป็นลำดับมานั้นให้รู้แท้แน่ว่า จีนกวางตุ้งดูหมิ่นดูแคลนมีหนังสือมาสั่งให้ไปก้อง คือให้ไปอ่อนน้อม…”

ทั้งนี้ ธรรมเนียมการจิ้มก้องของรัฐบนดินแดนไทยในอดีตมีมานานหลายร้อยปี อาจจะมีขาดช่วงไปบ้าง แต่ก็ถูกฟื้นฟูขึ้นเรื่อยมาจนถึงยุครัตนโกสินทร์ และแม้จะมีลักษณะของการแสดงความนอบน้อมต่อรัฐใหญ่ แต่การอยู่ในสถานะรัฐบรรณาการของจีนก็ทำให้รัฐไทยสมัยนั้นๆ ได้รับสิทธิประโยชน์ทางการค้าเป็นการตอบแทนด้วยเช่นกัน

และข้อสังเกตอีกประการคือ สยามส่งเครื่องบรรณาการไปให้จีนเป็นครั้งสุดท้าย คือ ปี พ.ศ. 2396 ตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเอง ซึ่งเป็นช่วงหลังจากที่จีนพ่ายแพ้ในสงครามฝิ่นรอบแรกมาแล้ว หลังจากนั้นอีกสองปี สยามก็ลงนามในสนธิสัญญาเบาว์ริง จากนั้นอีกเพียงหนึ่งปีก็เกิดสงครามฝิ่นขึ้นอีกครั้ง ช่วงระยะเวลาดังกล่าวจึงเป็นภาวะที่จีนกำลังตกต่ำอย่างหนัก ขณะที่อิทธิพลของอังกฤษกำลังเฟื่องฟู




เผยแพร่ : วันพฤหัสที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2564
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก : เมื่อ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
ขอบคุณ : https://www.silpa-mag.com/quotes-in-history/article_6211
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ