พระพุทธองค์ทรงสอนให้ภาวนา 'อานาปานสติ' เป็นอุบายลบล้างสัญญาได้อย่างหนึ่ง : หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี".....นั่งสมาธิภาวนากันเถิด ฟังมากๆ เรียนมากๆ ทำให้เกิดสัญญา สัญญา คือ ความจำของเก่าที่ล่วงเลยมาแล้ว เราทำสมาธิเพราะต้องการลบล้างสัญญา
แท้จริงสัญญามันก็ดีอยู่เหมือนกัน เอาไว้เล่าเอาไว้เทศนาให้คนอื่นฟัง ถ้าไม่มีสัญญาก็ไม่ทราบว่าจะไปฟังอะไรกับใคร พุทธศาสนาก็เลยเสื่อมสูญไปหมด แต่สัญญามิใช่ของเป็นจริงที่เกิดขึ้นภายในใจของตน สัญญานี้อยู่ไปนานๆ หนักเข้ามันชักจะดื้อด้าน ไม่ยอมเชื่อฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงสอนให้ภาวนา อานาปานสติ ซึ่งเป็นอุบายให้ลบล้างสัญญาได้อย่างหนึ่งเหมือนกัน คือ ใช้คำว่า อานาปานสติๆ อย่างนี้เรื่อยไปพิจารณาลมหายใจออก หายใจเข้า เป็นอารมณ์ ให้จิตแน่วแน่อยู่เฉพาะที่ลมนั้นเท่านั้น
เมื่อพิจารณารวมอยู่ในที่เดียวแล้ว คราวนี้ให้วางลมอันนั้นเสียจิตก็จะว่างอยู่เฉยๆ ไม่มีอะไรปรากฏอยู่ในที่นั้น จะเหลืออยู่แต่ผู้รู้เท่านั้นเมื่อตามเข้าไปดูผู้รู้จริงๆ แล้ว ผู้รู้อันนั้นก็จะหายไปเป็น สภาวธรรม สิ่งทั้งปวงหมดที่มีอยู่ในโลกนี้ ที่โลกเขาสมมุติว่า สัตว์ บุคคล ว่าสิ่งของนั่นนี่ต่างๆ นั้นก็หายไปหมด จะยังเหลือแต่ สภาวธรรม เท่านั้น อันนั้นแหละเป็นสิ่งที่ปรารถนาของผู้ภาวนาอานาปานสติ
@@@@@@@
แล้วมันมีประโยชน์อะไร เมื่อมันหมดเสียทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่ความรู้ความสุขนั้นก็ไม่ปรากฏ มันมีประโยชน์เหลือที่จะคณนาดังอธิบายมาแล้วข้างต้นภาวนาอานาปานสติ ก็เพื่อลบล้างสัญญาอดีตและสังขารในอนาคต เพราะสิ่งที่ล่วงลับไปแล้วและสิ่งที่ยังมาไม่ถึงเหล่านี้เป็นเหตุนำทุกข์มาให้ สัญญาไปยึดเอามาเป็นทุกข์
คนเราเกิดมาเห็นแต่สิ่งแวดล้อมต่างๆ นานา สิ่งที่ว่างเปล่าไม่มีอะไรเลยไม่เคยเห็น เลยไปถือเอาแต่สิ่งเหล่านั้นและว่าเป็นความสุขที่แท้จริง แท้จริงสิ่งที่เป็นวัตถุ รูปนามเกิดขึ้นมาแล้ว สิ่งนั้นย่อมมีความกระทบกระเทือนเป็นธรรมดา เครื่องกระทบกระเทือนเป็นเหตุนำมาซึ่งโทษทุกข์ เพราะกระทบต้องมีทั้งดีและชั่ว นี้เป็นพื้นฐานของทุกข์ทั้งปวง ท่านผู้ฉลาดทั้งหลายรู้จักแล้วซึ่งสิ่งนั้น จึงพยายามละสิ่งที่มีอยู่นี้ให้สิ้นไป และพยายามไม่ให้สิ่งที่ยังไม่มีเกิดขึ้นอีกต่อไป....."
โอวาทธรรม หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี เทศน์ ณ วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย เมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๒๒ คัดลอกจากลานธรรมจักร
ขอบคุณ :
https://www.naewna.com/likesara/563143วันพุธ ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2564, 19.49 น.