« เมื่อ: เมษายน 30, 2021, 05:42:31 am »
0
ทำบุญ 1 ล้าน ช่วยสร้างอุโบสถ ผ่าน 2 ปี ได้แค่ใบอนุโมทนา2 ตายาย สุดงง เบิกเงินสด 1 ล้านทำบุญสร้างอุโบสถวัดดังเมืองนนทบุรี ผ่านไป 2 ปี ไม่เห็นลงเสา มีแค่ใบอนุโมทนาบุญ สอบถามไวยาวัจกรโดนบ่ายเบี่ยง สุดท้ายพึ่งตำรวจถึงยอมงัดหลักฐานมาให้ดูยอมคืนเงิน
เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงเย็นวานนี้ (28 เม.ย.) ที่ สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี นางอำไพ จิตรักมั่น อายุ 79 ปี และ นายนพ จิตรักมั่น อายุ 79 ปี สองสามีภรรยาชาว อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ได้นำหลักฐานใบอนุโมทนาบุญเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.วรทัศน์ วัฒนชัยนันท์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.บางใหญ่ ให้การอ้างว่า ร่วมกันทำบุญสร้างอุโบสถหลังใหม่ให้วัดเป็นเงิน 1 ล้านบาท
แต่ผ่านมาเนิ่นนานไม่มีการก่อสร้าง จึงไปขอเงินคืนแต่ได้รับการบ่ายเบี่ยง โดยเมื่อวันที่ 19 ก.ค.62 นายอานนท์ณัฏฐ์ เล็กเนียม อายุ 69 ปี ไวยาวัจกร วัดศรีราษฎร์ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ได้ขับรถมารับพวกตนที่บ้านไปเบิกเงินที่ธนาคารเป็นเงินสด 1 ล้านบาท เพื่อบริจาคทำบุญสร้างอุโบสถ และได้มอบใบอนุโมทนาบุญระบุจำนวนเงินดังกล่าวไว้ให้
แต่ผ่านไป 2 ปี ไปทำบุญพบว่ายังไม่มีการเริ่มโครงการสร้างพระอุโบสถแต่อย่างใด จึงไปสอบถาม นายอานนท์ณัฏฐ์ ได้รับคำตอบว่าติดปัญหาชาวบ้านไม่ยอมให้สร้างเพราะเป็นที่จอดรถ ประกอบกับมีการแพร่ระบาดโควิด พอขอเงินคืนก็บอกว่ามีการออกใบอนุโมทนาแล้ว จึงเข้ามาแจ้งความตำรวจช่วยเหลือ ทั้งนี้ หากทางวัดยังคงสร้างอุโบสถก็ยินดีบริจาคเงินส่วนนี้เหมือนเดิม
@@@@@@@
ด้าน พระครูนนทธรรมาภิมุก เจ้าอาวาสวัดศรีราษฎร์ เปิดเผยว่า นายอานนท์ณัฏฐ์ เป็นไวยาวัจกรของวัดจริง แต่ขอลาออกไปเมื่อปี 56 แต่อาตมายังไม่ได้แจ้งไปทางเจ้าคณะอำเภอ ซึ่งเจ้าตัวเองก็มีปัญหากับทางวัดและชาวบ้านเสมอมา ส่วนใบอนุโมทนาบัตร ยอมรับว่าเป็นใบอนุโมทนาบัตรของทางวัดจริง และอาตมาก็เซ็นจริง
เนื่องจากเขาเข้ามาแจ้งว่า ผู้เสียหายบริจาคเงินจำนวนดังกล่าวเพื่อสร้างอุโบสถให้กับทางวัด ขอให้อาตมาเซ็นให้ เมื่อถึงเวลาจริงก็มีปัญหาหลายอย่างไม่สามารถสร้างอุโบสถได้ อีกทั้งเงินในบัญชีของผู้เสียหายที่บริจาคมา เท่าที่ทราบอยู่ในบัญชีมีชื่อร่วมกัน 5 คน แต่ก็ไม่เคยเห็นสมุดเพราะ นายประหยัด แก้วด้วง ผู้ใหญ่บ้านเป็นคนเก็บ หากจะเบิกออกมาต้องใช้ลายเซ็น 3 ใน 5 จึงจะเบิกได้ หากเป็นไปได้ก็อยากให้ตายายได้เงินกลับคืนไปเรื่องจะได้จบ

ต่อมาผู้สื่อข่าว พร้อมด้วยผู้เสียหายและชาวบ้านจำนวนหนึ่ง เดินทางไปพบกับ นายประหยัด ผู้ใหญ่บ้าน และนายอานนท์ณัฏฐ์ ไวยาวัจกร เพื่อสอบถามถึงปัญหาที่เกิดขึ้น โดย นายอานนท์ณัฏฐ์ และนายประหยัด ได้นำหลักฐานต่างๆ มาแสดงให้เห็นว่ามีโครงการก่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่จริง และเงินที่รับบริจาคมาก็ยังอยู่ไม่ได้นำไปใช้แต่อย่างใด ทาง 2 ตายายจึงขอให้นำสมุดบัญชีมาให้ดู ตรวจสอบพบว่ามียอดเงิน 6.5 ล้านบาท เป็นหลักฐานยืนยันว่าเงินในบัญชียังอยู่ครบ
แต่เพื่อความสบายใจทั้งสองตายายจึงอยากได้เงินคืนกลับมาก่อน และทั้งสองก็ยินดีคืนเงิน 1 ล้านบาทให้กับ 2 ตายาย เพื่อยืนยันว่าทั้งคณะกรรมการร่วมที่มีชื่อ 5 คนไม่ได้คิดจะโกงเงินหรือเอาเงินไปใช้ส่วนตัว ซึ่งสองตายยายก็เข้าใจและยังยืนยันว่า หากมีการสร้างอุโบสถจริงเมื่อไร ก็พร้อมจะร่วมทำบุญอย่างแน่นอน.ขอบคุณ :
https://www.dailynews.co.th/regional/840128พฤหัสบดีที่ 29 เมษายน 2564 เวลา 08.05 น.