ควรเดินจงกรม อย่างไร.? | วิสัชนาธรรมโดย 'หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต'"ควรเดินจงกรมอย่างไร" วิสัชนาธรรมโดย 'หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต' วัดบรรพตคีรี (ภูจ้อก้อ) อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร จากหนังสือ หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต ตอบปัญหาธรรมะ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๒๐, เดือนกันยายน ๒๕๕๓
@@@@@@@
ปุจฉา : การเดินจงกรม ควรเดินอย่างไร ควรกำหนดบริกรรมหรือไม่อย่างไร...ความยาว (ก้าว) ของทางประมาณกี่เมตร เวลาเดินไปสุดทางจงกรมใช้หมุนตัวกลับแล้วเดินต่อเลยหรือไม่ ในขณะเดินจงกรมมีบางช่วงหยุดเดินแต่ยังบริกรรมอยู่ คล้ายกับรำพึงมีหรือไม่ครับ การเดินจงกรมกับนั่งสมาธิอย่างไหนดีกว่ากันครับ หลวงปู่กรุณาอธิบายโดยละเอียดด้วยครับ (ควรเดินเร็ว ช้าขนาดไหน)
วิสัชนา : การเดินจงกรม ถ้าที่เดินอำนวยก็เดินไปทางทิศตะวันตกและทิศตะวันออก แล้วให้เข้าทางจงกรมทิศตะวันตกผินหน้ามาทางทิศตะวันออก แล้วยกมือใส่หัว ส่วนความนึกคิดก็หวังจะทำเพื่อพระนิพพาน คือเจตนาที่เดินจงกรมเบื้องแรก และการเดินเอามือซ้ายเหยียดลงที่ใต้ท้องน้อย แบมือขวาหย่อนลงมาประกบกัน เงยหน้าพอดี จะก้าวขาขวาหรือซ้ายก่อนก็แล้วแต่สะดวก แต่ขอให้มีสติอยู่ว่าเราก้าวขวาหรือซ้าย ส่วนก้าวยาวหรือสั้นนั้นก็ก้าวพอดีๆ เราดีๆ นี้เอง เร็วหรือช้าก็พอดีเราและก็มีตาทอดลงพอควร
ทางนั้นยาวหรือสั้นข้อนี้แล้วแต่สถานที่จะอำนวย แต่ไม่สั้นเกินไปเพราะจะกลับวกเวียนลำบาก เวลากลับซ้ายหรือขวาก็แล้วแต่สะดวก แต่ขอให้มีสติรู้ตัวว่าเรากลับซ้ายหรือขวา เวลาเดินจะยกขาซ้ายหรือขาขวาก่อนก็ไม่เป็นปัญหา แต่ขอให้รู้ว่าเรายกขาขวาหรือขาซ้ายก่อน โดยใจความก็คือให้สติติดอยู่กับตัวไม่ได้หลงทำ...การกำหนดบริกรรมก็บริกรรมในกรรมฐานที่เราชอบนั่นเอง
@@@@@@@
ส่วนทางยาวนั้นในพระไตรปิฎก บางแห่งยาว ๖๐ ศอกก็มี แต่บางแห่งบางกรณีกอดต้นเสากุฏิเดินเวียนก็มีและก็ได้สำเร็จพระอรหันต์ด้วย ที่ว่านี้หมายความว่าภิกษุณีบางองค์ ชะรอยในเวลานั้นคงจะมีการขัดข้องไม่สะดวก จึงได้กอดต้นเสาเดิน หรือหากท่านขัดข้องอะไรก็ไม่บอกชัด และทางเดินจงกรมนั้นนอกจากทิศตะวันออกตรงไปทางทิศตะวันตกแล้ว ก็มีทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือตรงไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ สองทางเท่านั้น
ให้เข้าใจว่าถ้าที่ไม่อำนวยก็ต้องเดินไปได้ทุกทิศ เวลาเดินไปสุดทางจงกรมใช้หมุนตัวกลับแล้วเดินต่อ แต่ไม่หมุนกลับแบบทหารปึงปังหรือไม่รีบกลับ จะยืนพิจารณาอยู่บ้างก็ได้ ในขณะเดินจงกรมมีบางช่วงหยุดเดินแต่ยังบริกรรมอยู่คล้ายกับรำพึง วิธีนี้ก็มีอยู่บ้าง
การเดินจงกรมกับนั่งสมาธิจะว่าอันไหนดีกว่านั้น มันก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละราย แต่ท่านทรงสรรเสริญว่าผู้เก่งทางเดินจงกรม ร่างกายจะกระปรี้กระเปร่า เดินทางไกลได้ทน เพราะเป็นการบริหารอยู่ในตัว สมาธิที่เกิดขึ้นในทางเดินจงกรมตั้งอยู่ได้นาน อาพาธก็จะมีน้อย และพระบรมศาสดาพระองค์ท่านกล่าวว่าเราตถาคตเดินก็ดี ยืนก็ดี นั่งก็ดี นอนก็ดี (หมายถึงนอนไม่หลับ) ภาวนาได้เสมอกันทั้งนั้น
ส่วนสาวกสาวิกาบางจำพวกบางบุคคล เก่งทางยืนภาวนา เดินภาวนา นั่งภาวนา แปลว่าได้อิริยาบถ ๓ บางบุคคลได้แต่เดินกับนั่งกับนอน (นอนไม่หลับ ส่วนหลับก็ให้เป็นเรื่องของการหลับไปซะ) บางท่านนอนภาวนาไม่ได้ พอล้มนอนลงก็หลับไปซะ ไม่นานพอห้าหรือสิบนาที
@@@@@@@
มีปัญหาถามพิเศษว่า ยืน เดิน นั่ง นอน ทำชั่วได้หรือไม่ ขอตอบว่าทำชั่วได้เหมือนกัน เพราะสามารถนึกถึงกามวิตก พยาบาทวิตก วิหิงสาวิตกได้ เมื่อเป็นดังนี้ก็ได้ความชัดว่ายืนเดินนั่งนอนภาวนาได้ทั้งนั้น ส่วนหลับแล้วมันเป็นเรื่องของหลับไม่ต้องปรารภ เช่น ฝันว่าได้บุญมันก็ไม่ได้ ฝันว่าได้บาปมันก็ไม่ได้
แต่ฝันบางชนิดเกี่ยวกับธรรมะก็มีอยู่มาก เช่น พระบรมศาสดาฝันว่านอนผินหัวไปทางทิศเหนือ ทางหัวจรดขอบจักรวาล ทางเท้าจรดขอบจักรวาล มือด้านหนึ่งก็จรดขอบจักรวาล ด้านหนึ่งอีกก็จรดขอบจักรวาล
และปรากฏว่าได้เดินจงกรมในภูเขาหนอน แต่เท้าของพระองค์ไม่เปื้อนมูตรคูถ และมีนกมาเคารพทั้ง ๔ ทิศ ในเวลาจวนจะสว่าง (ได้แก่พุทธบริษัททั้ง ๔ จะเคารพพระองค์ ตอนเมื่อตรัสรู้แล้ว จะได้เทศนาสั่งสอนเอาตามบุญกรรมแต่ละท่าน)
คงเป็นระหว่างตี ๓ แล้วพระองค์ทายตนเองว่า จะได้สำเร็จเป็นพระสัมมาสัมมาพุทธเจ้า แล้วก็เป็นจริงดังที่ท่านแก้เอง แปลว่า ก่อนรับข้าวมธุปายาสของนางสุชาดาหนึ่งวันขอบคุณ : เว็บลานธรรมจักร
ขอบคุณ :
https://www.naewna.com/likesara/583670วันจันทร์ ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2564, 19.05 น.