ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไมคนหลับ อยู่ในอิริยาบถ "ยืน เดิน นั่ง" ไม่ได้ | ต้องตกไปสู่ อิริยาบถนอน  (อ่าน 2341 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29390
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


ทำไมคนหลับ.? | ดำรงอยู่ในอิริยาบถ "ยืน เดิน นั่ง" ไม่ได้ | ต้องตกไปสู่ อิริยาบถนอนอย่างเดียว

วิเคราะห์แบบอภิธรรม

อิริยาบถทั้ง ๔ ของมนุษย์ (ยืน เดิน นั่ง นอน) เป็นภาวะที่เกิดจากจิต และเป็นจิตที่ขึ้นสู่วิถี คือต้องรับอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง ทางทวารทั้ง ๕ และทางมโนทวาร จิตที่ทำให้อริยาบถทั้ง ๓ คือ ยืน เดิน นั่ง มีกำลัง ก็ได้แก่จิตหน้าที่ชวนะ ยิ่งถ้าจิตนั้น เป็นรูปาวจรกุศลจิต, อรูปาวจรกุศลจิต จะยิ่งทำให้อิริยาบถนั่ง มั่นคงที่สุด นั่งได้เป็นคืน เป็นวัน เป็น ๗ วันก็ยังได้…

จิตที่ทำหน้าชวนะที่เป็นอกุศล หรือหรือมหากุศล ก็ทำให้อิริยาบถทั้ง ๓ มั่นคงได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่เท่า รูปาวจรกุศล, อรูปาวจรกุศล

ส่วนอิริยาบถนอน ในขณะที่นอน ถ้าจิตยังขึ้นสู่วิถีอยู่ ยังไม่ลงสู่ภวังค์ยาวๆ ก็จัดว่ายังไม่หลับ แต่ถ้าจิตนั้น เข้าสู่โหมดของภวังค์นาน ๆ บุคคลก็ได้ชื่อว่า หลับ (นอนหลับ)


@@@@@@@

การหลับของมนุษย์ ได้แก่ สภาวะที่จิตเข้าสู่โหมดของภวังค์

- เป็นจิตที่มีพลังอ่อนที่สุด เพราะเป็นจิตที่พ้นจากวิถี (วิถีมุตตจิต)
- เป็นจิตที่ไม่รับอารมณ์ภายนอกที่ผ่านมาทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย
- เป็นจิตที่รับอารมณ์ทางใจอย่างเดียว และอารมณ์นั้นเป็นสิ่งที่ได้มาจากภพก่อนเมื่อใกล้จะตาย

เมื่อภวังคจิตเป็นจิตที่ไม่ขึ้นสู่วิถี จึงมีกำลังที่อ่อน ภาวะที่จิตมีกำลังอ่อนสุด ๆ นั่นแหละ จึงไม่อาจทำให้เกิดจิตตชรูป (รูปเดิน ยืน นั่ง) ที่มั่นคงได้ เมื่อจิตตกลงสู่ภวังค์นาน ๆ รูป เดิน ยืน นั่ง ก็ไม่สามารถคงอยู่ในสภาวะของตนได้ ต้องล้มไป อยู่ในอิริยาบถที่เรียกว่า “นอน” และจะทำให้อิริยาบถนอนหลับนั้น มั่นคงด้วย

คือ เมื่อภวังคจิตนั้น ไม่ขึ้นสู่วิถีรับอารมณ์ทางปัญจทวาร บุคคลก็จะนอนหลับยาวไปเรื่อยๆ แต่เมื่อใดเมื่อภวังคจิตถูกตัดขาดไป (ภวังคุปัจเฉทะ) เพราะอารมณ์ที่มากระทบอย่างแรง ทางกายสัมผัส หรือทางหู
    … เช่น มีคนสาดน้ำมากระทบร่างกาย หรือมีเสียงดังอย่างแรงบริเวณที่ตนนอนอยู่
    … เช่น เสียงนาฬิกาปลุกที่วางอยู่ใกล้ ๆ เสียงนั้นไปกระทบกับโสตปสาท
ภวังคจิตที่เกิดติดต่อกันมานานก็ขาดไป เกิดจิตพิจารณาอารมณ์ทางโสตทวาร (โสตทวาราวัชนะ) บุคคลก็จะได้ยินเสียง เมื่อจิตที่ได้ยินเสียงเกิดขึ้น นั่นหมายความว่า บุคคลได้ตื่นแล้ว วิถีจิตทางโสตทวาร (ทางหู) ได้เกิดขึ้นแล้ว

แท้จริง อิริยาบถนอนเกิดกับจิตที่อยู่ในวิถีก็ได้ อย่างที่คนนอนแต่ไม่หลับ หรือหลับแล้วตื่นแต่ยังไม่ลุกขึ้น ก็ยังถือว่าอยู่ในอิริยาบถนอน อิริยาบถนอนนั้นก็ถือว่าเกิดขึ้นด้วยจิตอื่นๆ ที่มิใช่ภวังคจิต มนุษย์คนหนึ่งๆ มีภวังคจิตเกิดได้เพียงดวงเดียว ในบรรดามหาวิปากจิต ๘ ดวงใดดวงหนึ่ง

@@@@@@@

ภวังคจิต เป็นจิตที่เรียกว่า รักษาองค์แห่งภพ

คือ เป็นจิตที่ทำหน้าที่เคลื่อนจากภพสู่ภพ คือจากภพเก่า(จุติ) ไปสู่ภพใหม่(ปฏิสนธิ) เรื่อยๆไป ด้วยอำนาจของกรรม ฉะนั้นจึงชื่อว่า “รักษาองค์แห่งภพ”

     - ภวังคจิต ตอนที่ทำหน้าที่เคลื่อนจากภพเก่า เรียกว่า “จุติจิต”
     - ภวังคจิต ตอนที่ทำหน้าที่สืบต่อภพใหม่ เรียกว่า “ปฏิสนธิจิต”
     - ตอนที่ทำหน้าที่รักษาองค์แห่งภพ ก็เรียกว่า “ภวังคจิต”
     - บุคคลจะอยู่ในโหมดที่เรียกว่า "วิถีจิต" ตลอดไป ไม่ได้ คือจะรับอารมณ์ทางปัญจทวาร หรือทางใจ โดยไม่ลงสู่โหมดของ "วิถีมุตตจิต" คือ "ภวังค์" เลยนั้น ไม่ได้
     มนุษย์จะต้องมีภาวจิตที่ไม่รับอารมณ์ทางปัญจทวารและทางมโนทวาร นั่นคือ มนุษย์จะต้องมีการนอนหลับ การนอนหลับนั่นแหละ คือ ภาวะที่จิตพ้นจากวิถี เป็น "วิถีมุตตจิต" ก็คือ จิตเข้าสู่โหมดของภวังค์นานๆ (ภวังค์นอน) นั่นเอง

ภวังค์จิต มี ๒ ลักษณะ คือ

๑. ภวังค์ที่เกิดในขณะเปลี่ยนวิถี คือเมื่อจิตเกิดขึ้นรับอารมณ์หนึ่ง ๆ สิ้นสุดลงแล้ว จะขึ้นวิถีใหม่ จิตจะต้องลงสู่โหมดที่เรียกว่าภวังค์เสียก่อน จึงจะขึ้นสู่วิถีใหม่ได้อีกครั้งหนึ่ง นี่เรียกว่า “จิตตนิยาม”
๒. ภวังค์นอน ก็คือภวังค์ที่เกิดติดต่อกันนาน ๆ ได้แก่ภวังค์ที่เกิดขึ้นในขณะที่บุคคลหลับไปนั่นเอง

ลักษณะการเกิดขึ้นและเป็นไปของภวังค์ ที่เรียกว่า “เป็นองค์แห่งภพ” (ปฏิสนธิ…ภวังค์…จุติ) ไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด จะสิ้นสุดก็ต่อเมื่อบุคคลได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ เมื่อพระอรหันต์สิ้นชีวิตลง(ดับขันธปรินิพพาน) ลักษณะรูปแบบก็จะเป็น…ปฏิสนธิ…ภวังค์…สำเร็จเป็นพระอรหันต์…ภวังค์…จุติ...อนุปาทิเสสนิพพาน (นี่เป็นเพียงรูปแบบคล่าวๆ ไม่ละเอียด)

ตรงอนุปาทิเสสนิพพานนั้น ไม่มีปฏิสนธิ เป็นความดับสูญแห่งขันธ์ห้า ไม่มีการเกิด ไม่มีการสืบต่อภพใหม่ เมื่อไม่มีการเกิด ก็ไม่มีการตาย เมื่อไม่ตาย ก็เลยเรียกว่า “อมตะ” นิพพานเป็นธรรมไม่ตาย เพราะไม่มีการเกิดนั่นเอง





ขอขอบคุณ :-
บทความของ VeeZa , ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
web : dhamma.serichon.us/2018/11/04/ทำไมคนหลับ-จึงดำรงอยู่ใ/
4 พฤศจิกายน 2018 ,By admin.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 21, 2021, 06:46:16 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ