ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: 'ทองคำต้องสู้ไฟ ไม้ใหญ่ต้องสู้ลม' โอวาทธรรม 'หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม'  (อ่าน 908 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



   

'ทองคำต้องสู้ไฟ ไม้ใหญ่ต้องสู้ลม' โอวาทธรรม 'หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม'

ต้นไม้บางชนิดมีรากลึก บางชนิดโค่นง่ายเพราะรากมันตื้นเหมือนอย่างเช่นคนปฏิบัติพระกรรมฐาน จิตใจไม่ลึก จิตใจมันหละหลวมเหลาะแหละ จิตใจมันเหลวไหลจึงล้มได้ง่าย

บ้านสร้างมาแล้ว ไม่ได้ตอกเสาเข็ม คานก็เล็กเราจะต่อตึกไปหลายๆ ชั้นก็คงจะไม่ได้ถ้าเราทำคานแน่นหนา ทำหลักฐานแน่นหนาตอกเข็มให้แน่นให้ลึกลงไปสามารถตอกสร้างตึกได้ถึง ๗ ชั้น ๑๐ ชั้น ๒๐ ชั้นได้ตามกำหนดนั้น ฉันใดก็ฉันนั้น การเจริญพระกรรมฐานก็เช่นเดียวกันดังกล่าวแล้ว เป็นการฝังจิตให้แน่น

ทำให้เกิดความอดทน อดกลั้นอดออม ประนีประนอมยอมความบุคคลนั้นจะได้มีหลักฐานแน่นอนที่สุด คือ การเจริญพระกรรมฐานทำให้ฐานะดี แน่นหนาอดทน ไม่โกรธคนง่ายและไม่เกลียดคนง่ายจะไม่ฝังใจเจ็บกับท่านผู้ใดเลย จะไม่ผูกความโกรธไว้ในใจต่อไปจะไม่อิจฉาริษยาแน่นอน มันฝังแน่นเหมือนเรือนที่เราปลูกไปเช่นนั้นเหมือนต้นไม้ที่มันเป็นแก่น มันจะมีรากลึกมาก เข้าในหลักพังเพยธรรมชาติ

...ทองคำต้องสู้ไฟ ไม้ใหญ่ต้องสู้ลม...

ท่านทั้งหลายเอ๋ย เอาทองเหลือง ทองแดงตะกั่ว มารวมกับทองคำแล้วท่านลองเอาน้ำกรดราดลงไปสิ มันจะเหลือแต่ทองบริสุทธิ์ฉันใดก็ฉันนั้น ทองคำเปรียบเหมือนความดี เหลือแต่ความดีเท่านั้นความชั่วเปรียบเหมือนทองแดง ทองเหลือง ต้องเผาด้วยน้ำกรด

เทียนที่ท่านจุดมันมีแสงสว่าง เพราะมันร้อนในตัวใช่ไหมความร้อนในตัวมันเผาให้เกิดแสงสว่างน้ำตาเทียนมันไหลเห็นชัดโดยธรรมชาติยิ่งเผาน้ำตาเทียนยิ่งหลั่งไหลออกมาโยมลองไปเห็นธรรมชาติที่อาตมาพูด ธรรมชาติหรือไม่ถ้าไส้มันใหญ่ เทียนมันใหญ่มันก็จะเผาหนักทำให้เกิดแสงสว่างมากขึ้นแต่ถ้าไส้เป็น ๓ ไส้เล็กๆมันก็ไม่สามารถเผาให้มันเกิดความร้อนในตัวให้มันเกิดแสงสว่างได้เช่นเดียวกัน ฉันใดก็ฉันนั้น

@@@@@@@

เรามาเจริญพระกรรมฐาน ต้องการให้เกิดแสงสว่างเผาโลภะ โทสะ โมหะ เผากิเลส มันเหือดแห้งคือ ราคะ โทสะ โมหะ กามคุณ ๕ มันสยบลงไปเมื่อใดปัญญาก็จะเกิดขึ้นเหมือนเทียนฉันนั้น

ท่านทั้งหลายเอ๋ย โปรดพิจารณาโดยธรรมชาติอันนี้เถิดท่านจะเกิดปัญญา ท่านจะรอบรู้ในกองการสังขารของท่านที่จะต้องเผากิเลสเป็นเหตุให้เกิดแสงสว่างนั้น คือ ตัวปัญญาเหมือนท่านฝังรากจิตให้มันลึก ท่านจะไม่โค่นท่านจะแผ่กิ่งก้านสาขาให้คนอื่นมีร่มเงาอาศัยได้ถ้ารากท่านสั้น จิตใจท่านต่ำท่านจะไม่ได้เป็นที่พึ่งของใครเขาได้เลยเป็นที่พึ่งพาให้กับลูกก็ไม่ได้เป็นที่พึ่งพาให้กับญาติพี่น้องก็ไม่ได้เหมือนต้นตาลที่ไม่มีกิ่งก้านสาขาเลี้ยงลูกโตเหมือนต้นตาล เลี้ยงลูกโตด้วยข้าวสุกหาความสนุกให้กับสังคมแล้วมันจะใช้ได้หรือ

ต้นไม้ธรรมชาตินี่แหละหนอถ้ามันฝังรากลึกโยมโปรดรดน้ำพรวนดินเถิดมันจะออกดอกออกใบให้เราผลิดอกออกผลให้เขาขายออกสู่ตลาดอย่างงาม เหมือนจิตใจของเราหมั่นสวดมนต์ไหว้พระ หมั่นตั้งสติปัฏฐาน ๔ เจริญกุศลภาวนาเรียกว่า รดน้ำใส่ปุ๋ย ต้นไม้ท่านจะงดงามท่านจะมีปัญญาใช่หรือไม่ ท่านคิดดูตรงนี้ได้หรือไม่

ท่านจะไปเอาญาณ ๑๖ นั่ง ๗ วัน จะเดินระยะ ๖ แล้วให้ได้ญาณ ๑๖ เป็นพระโสดา โสดีก็ยังไม่ได้จะเป็นโสดาไปทำไมแค่ตรงนี้ยังสกปรก จิตใจยังลามก หาความสกปรก เศร้าหมองใจใจก็ไม่เสบย ขาดความสบาย มีทั้งรักทั้งแค้น ทั้งแน่นในทรวงทั้งหึงทั้งหวงหนักหน่วงในหัวใจ ไม่มีรักด้วยเมตตาเลยรักกันด้วยกามคุณ หน้าตาสวยๆ ดี ก็จะรักกันดีจนตายรักกันอย่างไรเล่า มหานิยมคือเมตตา แปลว่า ความปรารถนาดีลูกมีวิชาความรู้เป็นการนำวิชาการ นำแนวทางความคิดได้แล้วก็นำทางปัญญาได้ ท่านถึงจะได้ความรู้ความคิดความมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดสามารถปฏิบัติการงานขยันถูกต้อง

การเจริญพระกรรมฐาน เป็นการตัดสินใจได้ถูกต้องแนวสติปัญญาแนวความคิด เป็นการตัดสินใจได้ดีมากที่ท่านเจริญพระกรรมฐานนั้นท่านจะเสียใจต่อเมื่อท่านไร้สาระ ขาดสติสัมปชัญญะ ลดละภาวนาแล้วท่านจะเสียใจ ท่านจะตัดสินใจผิดชีวิตท่านจะแร้นแค้นชีวิตท่านจะไม่มีแบบไม่มีแปลนและแผนผังชีวิตท่านจะอเนจอนาถ น่าเสียดายที่เกิดมาในสากลโลกมนุษย์นี้โดยธรรมชาติแท้ๆ





ขอบคุณ : https://www.naewna.com/likesara/591786
วันเสาร์ ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2564, 19.29 น.
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ