ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พระสยามเทวาธิราช ตั้งจิต..ไหว้ดีพลีถูก  (อ่าน 992 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



พระสยามเทวาธิราช ตั้งจิต..ไหว้ดีพลีถูก

“คนไทย” เราแต่โบราณนานมามีความเชื่อศรัทธาเป็นสำคัญว่า...มี “เทวดา” ผู้ปกปักรักษาบ้านเมือง สมัยกรุงสุโขทัยก็มี “พระขพุงผี” เชื่อกันว่า...“ถ้าไหว้ดีพลีถูก บ้านเมืองก็เจริญรุ่งเรือง แต่ถ้าไหว้ดีพลีไม่ถูก บ้านเมืองก็ล่มจม”

พระขพุงผี...น่าจะเป็นเทวรูปศิลาของ เทวนารี ปัจจุบันเรียกว่า “แม่ย่า” สันนิษฐานว่าพ่อขุนรามคำแหงโปรดให้สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงพระมารดาคือ “นางเสือง”...วันเวลาผ่านไปเข้าสู่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นก็มีความเชื่อกันว่า...“พระเสื้อเมือง” “พระทรงเมือง” “พระหลักเมือง” เป็นเทวดาคุ้มครองบ้านเมือง

อำนาจทางทหาร...อำนาจของข้าราชการพลเรือนต้องเข้มแข็ง...อำนาจตุลาการ ความยุติธรรมที่ถูกต้องเที่ยงตรง จะนำพาบ้านเมืองไปสู่ความร่มเย็นได้



ส่วนชาวบ้านก็ให้ความเคารพยำเกรงต่อ “พระแก้ว”...พระแก้วมรกตคู่บ้านคู่เมือง กับ “พระกาฬ”...บริวารพระยม มีหน้าที่นำดวง วิญญาณมนุษย์ไปยมโลก จนมีคำสาบานที่อ้างพระแก้วพระกาฬกันติดปาก

หลายปีมาแล้วคนใกล้ตัวมีโอกาสได้ไปสักการะ “พระสยามเทวาธิราช” ที่ศูนย์วัฒนธรรมพื้นบ้าน บนดอยแม่สลองใน อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ใครที่เคยแวะเวียนผ่านไป...ด้วยมีใจศรัทธาอาจรู้สึกได้ถึงพลังอำนาจในการปกปักรักษาบ้านเมืองให้สุขสงบร่มเย็น

เชื่อไม่เชื่อ...อย่าได้ลบหลู่ เรื่องบางเรื่อง ...ของบางอย่าง เราไม่เห็นไม่ได้แปลว่าไม่มี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ความเร้นลับก็เฉกเช่นเดียวกัน ถ้าไม่ได้เกิดขึ้นจริงก็คงไม่มีตำนานเรื่องเล่าต่างๆเกิดขึ้นมากมายสืบมาจนถึงวันนี้

ครั้งหนึ่งคอลัมน์ “คัมภีร์จากแผ่นดิน” บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับ “พระสยามเทวาธิราช” ไว้ว่าในสมัยรัชกาลที่ 4 ประเทศเพื่อนบ้านของไทย ไม่ว่า พม่า มลายู ญวน ฯลฯ ถูกชาวยุโรปเข้ามาครอบครองดินแดน มีแต่ไทยเพียงชาติเดียวที่รอดปลอดภัยมาได้ (7 คติความเชื่อของไทย พลูหลวง สำนักพิมพ์เมืองโบราณ พิมพ์ครั้งที่ 2)

ความในพระราชหัตถเลขาถึงกรมหมื่นมเหศวรศิววิลาส (พระโอรสพระองค์โตก่อนเสวยราชสมบัติ) ตอนหนึ่ง...แต่ยังขอบใจพระสยามเทวาธิราช เทวดาใหญ่รักษาแผ่นดิน แลพระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระกาฬไชยศรี บรรดาที่มีชื่ออยู่ในคำประกาศพิพัฒน์สัตยานั้น ดูเหมือนยังเข้าด้วยในหลวงอยู่หาเข้าด้วยใครไม่



พระสยามเทวาธิราช...ตามพระราชหัตถเลขานี้...น่าจะเป็นเพียงพระนามสัญลักษณ์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือกันในบ้านเมือง... ยังไม่ปรากฏเป็นรูปลักษณ์ จับต้องได้ ก่อนที่เทวดาใหญ่...จะได้พระนาม พระสยามเทวาธิราช...รัชกาลที่ 4 ทรงมีอุบัติเหตุรถม้าพระที่นั่งคว่ำในพระบรมมหาราชวัง

มีพระราชหัตถเลขา...ถึงเจ้าหมื่นสรรเพธภักดี...ตอนหนึ่ง เวลาบ่ายวันนั้น ข้าออกไปดูนาที่ท้องสนามหลวง ตัวข้าขี่ม้าออกไป แต่ลูกข้า 4 คน ยิ่งเยาวลักษณ์ ทักษิณชา โสมาวดี ชายจุฬาลงกรณ์ ไปบนรถที่ข้าเคยขี่...จวนค่ำข้าขับรถกลับมา ลูกข้า 4 คนนั่งบนที่นั่งเต็มหมดจนไม่มีที่นั่ง ตัวข้าเอาข้างหลังยันเบาะเท้าทั้งสองยันพนักหน้ารถนั่ง เมื่อรถตรงเข้ามาตามถนนประตูวิเศษไชยศรี...ครั้นกระบวนมาถึงทางเลี้ยวจะไปวัดพระศรีรัตนศาสดาราม รถมาถึงมุมทิมสงฆ์ พวกทหารก็เป่าแตรตีกลอง ม้าก็กระโชกวิ่งหนักเข้า

ข้าเห็นกระโชกหนักกลัวลูกนั่งบนรถจะคมำลงจึงรั้งสายถือนั้นแรงหนักเข้ามา ม้าก็เดินเลี่ยงเฉไปข้างซ้าย... ข้าเห็นม้าเดินเชือนไปผิดทางข้างซ้าย จึงแก้บังเหียนข้างขวาชักหนักมาสายเดียว ปลายสายแถบก็หลุดออกมา ข้าเห็นแล้วก็ร้องให้คนช่วย ก็ไม่มีใครช่วยทัน ข้างรถก็กระทบกับแท่นปากกลางต้นไชยพฤกษ์แลรั้วล้อม

กงซ้ายปีนขึ้นไปบนแท่นก่อด้วยอิฐ...ตัวข้าก็นั่งลอยนัก แก้ตัวไม่ทัน พลัดตกหกตะแคงลงมากับทั้งลูก 4 คน...ตัวข้ากลัวรถจะทับตายเอามือขวาดันไว้ รถจึงทับได้ที่ตคากข้างขวา...แขนซ้ายแลตคากก็ถลอกช้ำชอก เป็นแผลเจ็บหลายแห่ง แต่ลูก 4 คนที่ตกลงมาด้วยกันนั้น ชายจุฬาลงกรณ์ศีรษะแตกสามแห่ง ยิ่งเยาวลักษณ์เท้าเคล็ด โสมาวดีมีแผลบ้างบวมหลังแห่งหนึ่ง แต่ทักษิณชาป่วยมาก หลังเท้าขวาฉีกยับเยิน โลหิตตกมากทีเดียว



ขณะนั้นลูกก็ร้องไห้วุ่นทั้ง 4 แต่เดชะบุญคุณ เทวดาช่วยม้าก็หยุดไม่วิ่งไปคนวิ่งตามยกรถที่ล่มขึ้นได้ ข้าก็ลุกขึ้นวิ่งมาได้ ลูก 4 คนก็มีคนอุ้มขึ้นได้ ข้าจึงขอบใจเทวดาที่ช่วยข้านักหนา

พระองค์จึงมีพระราชประสงค์ จะสักการบูชาเทวดาพระองค์นั้น จึงมีพระกรุณาโปรดเกล้าให้พระองค์เจ้าประดิษฐ์วรการ รับราชการในกรมช่างสิบหมู่ปั้นหล่อรูปสมมติเทพ มีลักษณะเป็นเทวรูปประทับยืน ทรงเครื่องต้น พระหัตถ์ขวาทรงพระขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายยกเสมอพระอุระในปางประทานพร ขนาดสูง 8 นิ้วฟุต

หล่อขึ้นด้วยทองคำทั้งองค์ แล้วทรงถวายพระนามว่า พระสยามเทวาธิราช โปรดเกล้าให้อัญเชิญไปประดิษฐาน ณ พระที่นั่งทรงธรรมในหมู่พระพุทธมณเฑียร ปีที่หล่อพระสยามเทวาธิราชไม่มีเอกสารบันทึกไว้ ม.จ.หญิง พิไลยเลขา ดิศกุล สันนิษฐานว่า อาจจะหล่อขึ้นเมื่อปี 2402-2403

รัชกาลที่ 4 ทรงสักการบูชา ถวายเครื่องสังเวยทุกวัน มีพระราชพิธีบวงสรวงในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ต่อมาการถวายเครื่องสังเวยทุกวันยกเลิกไป ปัจจุบันยังถวายในวันอังคารและวันเสาร์

คาถาบูชาพระสยามเทวาธิราชฉบับเต็มสืบค้นหาได้ไม่ยาก สำหรับคำแปลนั้นสำคัญนัก ด้วยว่า “พระสยามเทวาธิราช” เป็นจอมเทวดา ยิ่งใหญ่กว่าเทวดาทั้งหลาย ทรงมีมหิทธิฤทธิ์

ขอจงอภิบาลรักษา “ประเทศไทย” โดยให้ปราศจากโรคาพาธ อุปัทวอันตราย ความพินาศทั้งหลาย ขอให้ประเทศไทยมีความร่มเย็นเป็นสุข โดยประการทั้งปวง ด้วยอำนาจสัจจะวาจาที่อ้างถึง พระสยามเทวาธิราชนี้ ขอจงประทานความสุขสวัสดี จงบังเกิดแก่ประเทศไทยด้วยประการทั้งปวง


ด้วยอานุภาพและเดชพระสยามเทวาธิราช ขอจงขจัดทุกข์ โรคภัย ความโศก ศัตรู อุปัทวะ และอันตรายมิใช่น้อยให้พินาศไปโดยไม่เหลือ ขอชัยชนะความสำเร็จแห่งกิจการทรัพย์ลาภ ความสวัสดี ความมีโชค ความสุข กำลัง ศรี อายุ วรรณะ โภคสมบัติ ความเจริญและยศ มีอายุยืนตลอดหนึ่งร้อยปีขึ้นไป

ความสำเร็จแห่งกิจการงานในความเป็นอยู่จงบังเกิดแก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญฯ กล่าวกันว่า ...ผู้ที่สวดบูชาเป็นประจำ จะเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง ครอบครัว มีความร่มเย็นเป็นสุข เจริญในหน้าที่การงาน

“ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.






ขvบคุณ : https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2166282
คอลัมน์ : รัก-ยม ,15 ส.ค. 2564 ,05:07 น.
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ