ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ถ้ำหินทรายแดนลับแล ประตู..สู่เมืองบาดาล  (อ่าน 875 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



ถ้ำหินทรายแดนลับแล ประตู..สู่เมืองบาดาล

"เขาอยากให้เราทำอะไร” เรื่องเล่าของ ม.ล.สิทธิไชย ไชยันต์ ที่มีประเด็นลี้ลับเคลือบแฝงน่าสนใจชวนติดตาม...“สองสามวันก่อน ผมเล่าเรื่องที่คุณชายวโรรส พงศ์แสงสุริยะ เชื้อสายเจ้าเชียงใหม่ ไปพบทางเดินเข้าหมู่บ้านในหุบเขา...แต่เมื่อพาคนอื่นมาดู กลับไม่พบอะไรเลย”

ครั้นต่อมา คุณชายผ่านไปทางนั้นอีก ก็เห็นหญิงสอง ชายสอง เดินออกมาจากในป่าบริเวณเดิม แต่พอเดินตามไป ทั้งสี่คนก็หายไปอย่างลึกลับ ช่วงนี้ผมอยู่บ้านเพื่อชาติ นึกขึ้นมาได้ว่าผมเองก็เคยเจออะไรที่อธิบายไม่ได้ เคยเล่าไปแล้ว วันนี้เลยจะเล่าสั้นๆ...คือคืนหนึ่ง หลังอาหารเย็น ออกมาเดินย่อยอาหารรอบบ้าน เห็นเเสงไฟปรากฏขึ้นตรงหน้า ห่างออกไปราวห้าเมตร เป็นรูปร่างนก บินโฉบวนไปมา ไม่บินไปที่อื่น

“ผมยืนแข็งทื่อ แต่แล้ว สักครึ่งนาที เขาก็หายไป” วิธีไปคือดับไปเฉยๆ เหมือนปิดสวิตช์ ผมก็ยังไม่ค่อยจะเชื่อ คืนต่อมา เวลาเดิม ผมจึงออกไปยืนที่เดิม อธิษฐานในใจว่า...“ไม่ว่าท่านจะเป็นอะไร ถ้าท่านมีอยู่จริง มาให้ผมเห็นด้วย” วินาทีนั้น แสงก็ปรากฏขึ้น บินไปมาตรงหน้า คราวนี้ใกล้กว่าเดิมนิดหน่อย แต่บินอยู่ไม่กี่วินาที เขาก็ดับหายวับไป เขามาเพื่อบอกว่า เขามีอยู่จริง...หัวใจแทบวาย ยังมีอีกหลายเรื่องที่ผมเจอ จนผมมั่นใจว่ามีอยู่จริง แต่ที่มีอยู่น่ะคืออะไร ผี มนุษย์ต่างดาว สิ่งมีชีวิตจากมิติอื่น จากจักรวาลอื่น หรืออะไร



“ผมไม่ได้มองเรื่องพวกนี้แบบไสยศาสตร์ มองแบบวิทยาศาสตร์ ทุกสิ่งต้องมีเหตุมีผลที่ อธิบายได้ เช่นเดียวกับดูดวง ผมก็ดูแบบวิทยาศาสตร์ ไม่แนะนำให้ทำพิธีอะไร เพราะถ้าหากเราสามารถมองอนาคตได้ เช่นดูแล้วเห็นว่า คนนี้จะโดนให้ออกจากงานในปีหน้าก็บอกให้เขาเตรียมใจ เพราะอนาคตมันมีอยู่แล้ว เราจึงเห็น”

...จะไปทำพิธีอะไรก็ไม่ช่วย สิ่งที่ควรทำคือทำใจ และมองหางานอื่นไว้

เรื่องทางเปิดไปสู่มิติอื่น ที่มีคนเดินออกมาอย่างที่คุณชายวโรรสไปเห็น หรือผู้มาเยือนอย่างที่ผมเห็น เป็นใคร มาจากไหน น่าสนใจ ถ้าหากมาจากมิติอื่น จักรวาลอื่น แสดงว่า ต้องมีการเดินทางผ่านระหว่างสองมิตินี้ตลอดเวลา...เขามาในมิติของเราเพื่ออะไร มาทำอะไร ขากลับเอาอะไรไป ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญเขาจะมาทำไม

ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ เขาไม่ได้บอกคุณชายวโรรส และไม่ได้บอกผม ว่าเขาให้เราเห็นเขาเพื่ออะไร เพราะเห็นแล้วเขาก็ไม่ได้ขออะไร และก็ไม่ได้ให้อะไรเรา...ทำไมเลือกให้บางคนเห็น อย่างแสงในบ้านผมนี่ ผมเห็นอยู่คนเดียว คนอื่นไม่มีใครเห็น หรืออย่างคุณชายวโรรสก็ได้เห็นทางเข้าหมู่บ้านลึกลับอยู่คนเดียว พาชาวบ้านไปดูก็ไม่เห็น...“ความเจริญบนโลกนี้ วัดกันทางวัตถุ ในโลกอื่น อาจจะเจริญจนถึงขั้นที่วัตถุไม่มีความหมาย ในโลกที่เจริญจริงๆ อาจหยุดความเจริญทางวัตถุไว้เพียงที่หมู่บ้านกลางป่า เขาไม่จำเป็นต้องให้ทางวัตถุก้าวหน้าไปกว่านั้น...”

เพราะถ้าอยากกินสเต๊ก อยากไปนอนในโรงแรมหรูริมทะเลในฮาวาย อยากไปเล่นสกีที่สวิตฯ หรือแม้แต่จะไปเที่ยวจักรวาลอื่น จิตของเขาก็สามารถพาไปได้ในเสี้ยววินาที

คำถามที่ผมยังตอบไม่ได้ คือ แล้วมาทำอะไรในโลกนี้ รึว่ามาทัวร์

N N N N

“ถ้ำ” ประตูสู่เมืองบาดาล อาจารย์ชัยพร ศิริพรไพบูลย์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องถ้ำและนักธรณีวิทยาแถวหน้าเมืองไทย เล่าให้ฟังว่า คนในภาคอีสานของประเทศไทยรวมทั้งผู้คนในประเทศแถบลุ่มแม่น้ำโขง มักจะมีความเชื่อจากเรื่องเล่าขานที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน คือ...เรื่องที่เกี่ยวกับพญานาคและเมืองบาดาล

จากหนังสือเรื่องนาคในประวัติศาสตร์อุษาคเนย์ โดยอาจารย์สุจิตต์ วงษ์เทศ ท่านได้เขียนไว้ว่า คนพื้นเมืองแถบนี้ล้วนมีความผูกพันกับ...“นาค” และมีเรื่องราวของนาคที่เกี่ยวข้องกับศาสนา


สำหรับ “ประเทศไทย” นั้น มีเรื่องราวมากมายหลายตำนานที่เกี่ยวข้องกับพญานาค เช่น ตำนานการเกิดแม่น้ำโขง โดยการแข่งกันขุดแม่น้ำของพญานาค 2 ตนที่เป็นเพื่อนรักกันมาก แต่กลายมาเป็นศัตรูที่ต้องมาทำสงครามกันเพราะความเข้าใจผิดจากเรื่องเล็กๆน้อยๆ คือ “พญาศรีสุทโธนาค” กับ “พญาสุวรรณนาค” ที่ครองเมืองที่หนองกระแส ซึ่งปัจจุบันมีความเชื่อกันว่าอยู่บริเวณใต้ทะเลสาบหนองหาน


หรือ...ล่าสุดที่เป็นข่าวดังตามสื่อต่างๆในปี 2563 คือ เรื่องราวของ “ถ้ำนาคา” ในจังหวัดบึงกาฬ ซึ่งมีตำนานของปู่อือลือ ที่กล่าวถึงการเกิดบึงโขงหลงที่เชื่อกันว่าเกิดจากการล่มเมืองของพญานาค ซึ่งเกิดจากปฏิสัมพันธ์ที่ไม่ลงตัวของพญานาคกับมนุษย์ในเมืองนั้น จึงมีการลงโทษโดยสาปให้บริวารของตนที่ทำผิดจารีต

สาป...ให้กลายเป็นหินสิงสถิตอยู่ในสถานที่ ต่างๆทั่วเมืองบึงกาฬ ซึ่งรวมทั้งหินที่ดูคล้ายพญานาคในถ้ำนาคาด้วย

N N N N

เมื่อพูดถึง “ถ้ำหินทราย” ในภาคอีสานแล้ว คนในท้องถิ่นมีความเชื่อที่ว่าถ้ำหลายแห่งในภาคอีสานนั้น คือ “ประตู” ที่จะนำพาเราไปสู่... “เมืองบาดาล” ซึ่งถ้ำส่วนใหญ่จะเป็นถ้ำหินทราย โดยเฉพาะในจังหวัดที่อยู่ริมแม่น้ำโขง และจะมีถ้ำจำนวนมากที่ถูกใช้เป็นสำนักสงฆ์หรือวัด อีกทั้งหลายแห่งได้เป็นสถานที่ที่พระสงฆ์นิยมมาฝึกสมาธิ...ปฏิบัติธรรมของบรรดาเกจิอาจารย์...อริยสงฆ์หลายรูป

จากการศึกษาของ อาจารย์ชัยพร ซึ่งเคยทำงานในภาคอีสานมาหลายปี ประกอบกับในระยะหลังได้มีโอกาสเข้าไปสำรวจถ้ำหินทรายหลายแห่งในภาคอีสานจนพบว่าบทบาทและความสำคัญของถ้ำหินทรายนั้นมีมากมายหลายด้าน นอกเหนือไปจากเป็นแหล่งโบราณคดีและศาสนาแล้ว...



ยังมีประโยชน์ต่อการศึกษาวิจัยในมิติใหม่ๆได้ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก การยกตัวของแผ่นดินและการเปลี่ยนแปลงลักษณะธรณีสัณฐาน เช่น การเกิดเสาเฉลียงบางแห่งซึ่งบริเวณนั้นเคยเป็นถ้ำมาก่อน หรือแม้แต่การเกิดหินถล่มที่หน้าผาบริเวณโขงเจียม จนเกิดเป็นแหล่งภาพเขียนสีที่เก่าแก่

น่าสนใจว่าเรื่องราวข้างต้นทั้งหมดเหล่านี้เป็นทั้งเรื่องวิทยาศาสตร์และบางเรื่องวิทยาศาสตร์ก็อธิบายไม่ได้ กระนั้นแล้ว “ถ้ำ” ประตูสู่เมืองบาดาล จะเป็นส่วนหนึ่งใน 6 บทความที่จะเขียน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการจัดทำ #หนังสือที่เกี่ยวกับเรื่องราวของถ้ำและคาสต์ในประเทศไทย โดยมีผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆที่ทำงานหรือเกี่ยวข้องกับเรื่องถ้ำและคาสต์ (ภูมิประเทศเทือกเขาหินปูน) ประมาณ 30 ท่านมาร่วมเขียนในมุมมองต่างๆ

ผู้ที่สนใจติดตามได้ที่เฟซบุ๊กส่วนตัว “Chaiporn Siripornpibul”

“ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.




                                  รัก-ยม





ขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2179260
คอลัมน์ : รัก-ยม , 29 ส.ค. 2564 , 05:30 น.
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ