ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: อย่ามาโป๊ะ.! ขอโทษแบบนี้ อย่าพูดดีกว่า เพราะมันดูไม่จริงใจ  (อ่าน 856 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

People vector created by pch.vector - www.freepik.com


อย่ามาโป๊ะ.! ขอโทษแบบนี้ อย่าพูดดีกว่า เพราะมันดูไม่จริงใจ

คำพูดที่ควรพูดให้ติดปากไว้ก็คือ ‘ขอบคุณ’ และ ‘ขอโทษ’ เพียงแต่ว่าคำแรกยิ่งใช้บ่อยครั้งก็ยิ่งดี เพราะมีแต่คุณ ส่วนคำหลังหากไม่เคยพูดเลยก็ไม่ดี หากพูดมากครั้งจนเกินไปในบางเวลาก็ไม่ใช่เรื่องดีเช่นกัน ยิ่งหากกล่าวคำขอโทษอย่างไม่รู้สึกลึกซึ้งอย่างที่พูด ก็คงดูไม่จริงใจสักเท่าไหร่

สารพัดการพูดขอโทษที่ฟังแล้วไม่น่าปักใจเชื่อว่าคนพูดจะรู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ ก็มีหลายรูปแบบอยู่เหมือนกัน LINE TODAY ORIGINAL วันนี้ ขอพาไปจับโป๊ะคนขี้จุ๊ ถ้าพูดขอโทษแบบนี้ อย่าพูดดีกว่า.!


@@@@@@@

1. ขอโทษก็ได้-ขอโทษแล้วกัน

เริ่มกันที่สไตล์การขอโทษยอดฮิตที่หลาย ๆ คนต้องเคยเจอประสบการณ์ตรง ‘ขอโทษก็ได้!’ คำพูดนี้แสดงออกชัดเจนระดับ Full HD ว่าคนทำผิด ไม่ได้รู้สึกผิดจริงหรืออยากจะขอโทษจากใจเลยสักนิดเพราะคำว่า ‘ก็ได้’

หรือ ‘แล้วกัน’ เป็นคำประกอบท้ายประโยคที่บอกว่า ทำแบบขอไปที, ทำแบบส่ง ๆ ให้ผ่านพ้นไปคนฟังได้ยินแล้วรู้สึกสบายใจหรือไม่ ก็ตอบได้เลยว่าไม่ เผลอ ๆ อาจจะยิ่งกวนโมโหกว่าเดิมไปอีกนะ

2. ขอโทษแต่ยังทำผิดซ้ำๆ

การสำนึกผิดที่ดีคือการสำนึกผิดที่พร้อมปรับปรุงตัวไม่ให้ทำพลาดซ้ำอีก และไม่พลาดซ้ำในเรื่องเดิมจริงอยู่ที่คำพูดขอโทษเป็นเรื่องสำคัญ แต่การกระทำก็ช่วยพิสูจน์คำพูดได้อีกต่อหนึ่งใช่หรือไม่ หากพูดขอโทษซะดิบดี แต่เวลาผ่านไปยังทำผิดอีกเรื่อย ๆ ก็ไม่น่าให้อภัยใช่ไหมล่ะ

3. ขอโทษรอบที่ล้าน

คล้าย ๆ กับข้อข้างบน คือขอโทษจนเคยชิน ทำผิดร้อยครั้ง ขอโทษร้อยครั้ง พอให้อภัยร้อยครั้ง ครั้งที่ 101 ก็มาอีก เกิดขึ้นไม่จบไม่สิ้น การขอโทษที่มากเกินพอดีก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าชื่นชมเท่าไหร่ เพราะนั่นแสดงถึงความไม่จริงจัง ไม่ใส่ใจที่จะพัฒนาหรือระมัดระวังตัวเอง ขอโทษจนติดปาก ให้อภัยจนได้ใจ ก็กลายเป็นเรื่องไม่มีค่า

4. ขอโทษ แต่…

คำขอโทษประเภทนี้ฟัง ๆ ไปแล้วก็เหมือนจะจริงใจนะ แต่… ใจความสำคัญอยู่หลังคำว่า ‘แต่’ เสมอ อยู่ที่ว่าจะพูดอะไรออกมา บางคนอาจจะขอโทษแล้วให้เหตุผลในสิ่งที่ทำลงไป แบบนี้ก็ยังพอพูดคุย ปรับความเข้าใจกันได้ ในขณะที่บางคนอาจจะ ‘แต่’ พร้อมกับการบ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับผิดในเวลาเดียวกัน โทษนู่นโทษนี่แต่อาจไม่โทษตัวเอง ซึ่งฟังแล้วก็ไม่น่าให้อภัยเอาซะเลยนะ

5. ขอโทษแล้วผลักความผิดให้อีกฝ่าย

ฉันจะไม่ยอมเป็นคนผิดคนเดียว! ว่างั้นเถอะ ก็จริงอยู่ที่ว่าในเรื่อง ๆ หนึ่ง คนผิดอาจจะไม่ได้มีคนเดียว การขอโทษซึ่งกันและกันก็เกิดขึ้นได้ แต่ไม่ใช่ฝ่ายหนึ่งทำผิดเต็ม ๆ แต่รับไม่ได้ จะต้องหาคนทำผิดร่วมด้วย ขอโทษแล้วนะแต่ว่าหาเรื่องอีกฝ่ายให้ผิดตามไปด้วย แบบนี้ไม่จริงใจเลย ขอโทษแล้วชวนทะเลาะ ยิ่งทำให้คิดเกินไปใหญ่ว่าไม่ได้ตั้งใจพูดออกมา แถมยังบ่ายเบี่ยงไปชวนทะเลาะให้บานปลายอีก

6. ขอโทษแล้วแสดงออกตรงข้าม

ปากบอกว่าขอโทษนะ ให้อภัยเถอะนะ พอฝ่ายนั้นให้อภัย กลับแสดงท่าทีไม่พึงพอใจต่อเขาซะเองย้อนแย้งเป็นอย่างมาก หากจริงใจจะเคลียร์กันจริง ๆ ก็ต้องแสดงออกให้เหมาะสม ไม่งั้นก็อย่าขอโทษดีกว่า เพราะคำขอโทษไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย

@@@@@@@

สาเหตุของอาการขอโทษแบบไม่จริงใจเหล่านี้ อาจมีหลายอย่าง ทั้งเรื่องอีโก้ ที่ไม่อยากเป็นคนผิดเพราะรู้สึกเสียหน้า เสียศักดิ์ศรี ไม่อยากเป็นฝ่ายแพ้ หรือถืออาวุโส คิดว่าคนโตกว่าจะถูกเสมอ ไม่กล้าพูดออกมา หรืออะไรก็ตามแต่ อยากจะบอกว่า การขอโทษไม่ใช่เรื่องที่จะลดทอนศักดิ์ศรีของใครเลยค่ะ แต่มันเป็นมารยาทที่ทุกคนควรมี และที่สำคัญหากรู้ว่าผิดจริง ขอโทษแล้วก็ต้องพร้อมปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเดิมด้วย ถึงจะถือว่าคำขอโทษนั้นประสบความสำเร็จจริง ๆ …






Thank to : https://today.line.me/th/v2/article/vg7Olo?view=topic&referral=linetodayexclusive
LINE TODAY ORIGINAL ,เผยแพร่ 1 วันที่แล้ว • nawa.
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ