ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: นิตยภัต ไม่ใช่ “เงินเดือน” | นิตยภัต คือ "อาหารประจำ"  (อ่าน 2474 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29390
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0




นิตยภัต [2] ไม่ใช่ “เงินเดือน”

นิตยภัต อ่านว่า นิด-ตะ-ยะ-พัด ประกอบด้วยคำว่า นิตย + ภัต

(๑) “นิตย”

บาลีเป็น “นิจฺจ” (นิด-จะ) รากศัพท์มาจาก

    (1) น (คำอุปสรรค = ไม่, ไม่ใช่) + อิ (ธาตุ = ไป, ถึง, เป็นไป) ต ปัจจัย, แปลง ต เป็น จ, ซ้อน จฺ ระหว่างธาตุกับปัจจัย : น + อิ = นิ + จฺ + ต = นิจฺต > นิจฺจ แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่ไม่เป็นไปตามสภาพ” คือ “ตามสภาพ” แล้ว สิ่งทั้งหลายจะต้องไม่คงทนยั่งยืน สิ่งใดเป็น “นิจฺจ” ก็หมายความสิ่งนั้น “ไม่เป็นไปตามสภาพ”

    (2) น (คำอุปสรรค = ไม่, ไม่ใช่) + คมฺ (ธาตุ = ไป, ถึง, เป็นไป) + กฺวิ ปัจจัย, ลบ กฺวิ, แปลง อะ ที่ น เป็น อิ (น > นิ), แปลง ค ที่ คมฺ เป็น จ แล้วลบที่สุดธาตุ (คมฺ > จมฺ > จ) ซ้อน จฺ ระหว่างธาตุกับปัจจัย
: น + คมฺ = นคมฺ + จฺ + กฺวิ = นคมฺจฺกฺวิ > นิคมฺจฺกฺวิ > นิจมฺจฺกฺวิ > นิจฺจฺกฺวิ > นิจฺจ แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่ไม่ถึงความพินาศ” คือไม่เปลี่ยนไปจากสภาพเดิม ถ้าเปลี่ยน ก็คือสภาพเดิม “พินาศ” ไป

     (3) นี (ธาตุ = นำไป) + จ ปัจจัย, ซ้อน จฺ ระหว่างธาตุกับปัจจัย, รัสสะ อี ที่ นี เป็น อิ (นี > นิ)
: นี + จฺ + จ = นีจฺจ > นิจฺจ แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่นำไปสู่ความเที่ยง” ความเที่ยงอยู่ที่ไหน ก็นำไปสู่ที่นั่น ดังนั้น ที่นั่นจึงเรียกว่า “นิจฺจ”

     “นิจฺจ” มีความหมายว่า เที่ยง, แน่นอน, เป็นนิตย์, ยั่งยืน, คงทน

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “นิจฺจ” ว่า constant, continuous, permanent (เสมอไป, สมํ่าเสมอ, ต่อเนื่องกันไป, ถาวร)


@@@@@@@

(๒) “ภัต”

บาลีเป็น “ภตฺต” (พัด-ตะ) รากศัพท์มาจาก
 
    (1) ภชฺ (ธาตุ = เสพ, คบหา) + ต ปัจจัย, แปลง ชฺ เป็น ตฺ : ภชฺ + ต = ภชต > ภตฺต แปลตามศัพท์ว่า “ของเป็นเครื่องเสพ”
     (2) ภุชฺ (ธาตุ = กลืนกิน, ใช้สอย) + ต ปัจจัย, แปลง อุ ที่ ภุ-(ชฺ) เป็น อ (ภุ > ภ), แปลง ชฺ เป็น ตฺ
: ภุชฺ + ต = ภุชต > ภชต > ภตฺต แปลตามศัพท์ว่า “ของที่จะพึงกลืนกิน”

ข้อความบางแห่งในคัมภีร์ คำว่า “ภตฺต” หมายถึง “ข้าวสุก” โดยเฉพาะ แต่โดยทั่วไป “ภตฺต” หมายถึง อาหาร (ไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นข้าว)

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “ภตฺต” (นปุงสกลิงค์) ว่า food, nourishment, meal, feeding (อาหาร, ของบำรุงเลี้ยงร่างกาย, อาหารที่เป็นมื้อ, การเลี้ยง)

บาลี “ภตฺต” สันสกฤตเป็น “ภกฺต” สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ดังนี้
“ภกฺต : (คำวิเศษณ์) อันมีความภักดีต่อ; อันเอาใจใส่; อันหุงหรือต้มแล้ว; attached to; attentive to; cooked or boiled; – (คำนาม) อาหาร; ข้าวอันหุงหรือต้มแล้ว; food; cooked or boiled rice.”
บาลี “ภตฺต” ภาษาไทยใช้เป็น “ภัต” และ “ภัตร”

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า
“ภัต, ภัต-, ภัตร : (คำนาม) อาหาร, ข้าว. (ป. ภตฺต).”

นิจฺจ + ภตฺต = นิจฺจภตฺต แปลตามศัพท์ว่า “อาหารประจำ” หมายถึง อาหารที่ผู้มีศรัทธาจัดถวายพระภิกษุสามเณรเป็นประจำ

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “นิจฺจภตฺต” a continuous food-supply [for the bhikkhus] (อาหารที่จัดให้เป็นประจำ [สำหรับภิกษุ])

@@@@@@@

ขยายความ

ความเป็นมาของ “นิจฺจภตฺต” เนื่องมาจากภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนามีธรรมเนียมต้องดำรงชีพด้วยอาหารที่ได้มาจากการเที่ยวบิณฑบาตโดยไม่เลือกบ้าน (คือจะเลือกรับเฉพาะบ้านนี้ ไม่รับบ้านนั้น ไม่ได้ และจะไม่ออกบิณฑบาตก็ผิดธรรมเนียม)

ต่อมามีญาติโยมมีศรัทธาประสงค์จะจัดอาหาร (ภตฺต) ถวายเป็นประจำ (นิจฺจ) แก่ภิกษุบางรูป จึงมีพุทธานุญาตให้รับอาหารเช่นนั้นได้ กล่าวคือ ภิกษุรูปนั้นสามารถไปฉันภัตตาหารที่บ้านโยมผู้นั้น โดยไม่ต้องเที่ยวบิณฑบาต กล่าวอีกนัยหนึ่งว่า สามารถไปบิณฑบาตเฉพาะบ้านโยมที่ถวายประจำได้ จึงเรียกอาหารเช่นนั้นว่า “นิจฺจภตฺต”

กาลต่อมา ญาติโยมที่จัด “นิจฺจภตฺต” ถวายอาจไม่สะดวกด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งที่จะจัดอาหารถวายโดยตรง จึงมอบเงินค่าอาหารให้แก่ไวยาวัจกร (ผู้ปฏิบัติพระ) โดยมอบให้ไวยาวัจกรรับหน้าที่จัดอาหารถวายแทน คำว่า “นิจฺจภตฺต” จึงกลายความหมายจาก “อาหาร” มาเป็น “เงิน” (ค่าอาหาร)

“นิจฺจภตฺต” ใช้ในภาษาไทยเป็น “นิตยภัต”

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 บอกไว้ว่า
“นิตยภัต : (คำนาม) อาหารหรือค่าอาหารที่ถวายภิกษุสามเณรเป็นนิตย์. (ส. นิตฺย + ป. ภตฺต)”

ต่อมา พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เพิ่มเติมบทนิยามเป็นดังนี้
“นิตยภัต : (คำนาม) อาหารหรือค่าอาหารที่ถวายภิกษุสามเณรเป็นนิตย์, เงินงบประมาณแผ่นดินที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้รับการจัดสรรจากรัฐบาลเป็นประจำทุกปี เพื่อเบิกจ่ายถวายอุดหนุนอุปถัมภ์แก่พระภิกษุผู้ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ พระสังฆาธิการ พระเลขานุการ พระเปรียญธรรม ๙ ประโยคเป็นต้น. (ส. นิตฺย + ป. ภตฺต)”

@@@@@@@

แถม

มีผู้เข้าใจว่า “นิตยภัต” คือเงินที่ถวายอุปถัมภ์แก่พระภิกษุผู้ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ พระสังฆาธิการ พระเลขานุการ พระเปรียญธรรม ๙ ประโยคเป็นต้นนั้น คือ “เงินเดือน” หรือบางคนก็เลยเรียกว่า “เงินเดือนพระ”
โปรดเข้าใจว่า “นิตยภัต” ไม่ใช่ “เงินเดือน”

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 บอกไว้ว่า
“เงินเดือน : (คำนาม) เงินค่าตอบแทนการทํางานที่กําหนดให้เป็นรายเดือน ; (คำที่ใช้ในกฎหมาย) เงินที่มีกําหนดจ่ายเป็นรายเดือนจากเงินงบประมาณรายจ่ายหมวดเงินเดือน.”

ต่อมา พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 แก้ไขบทนิยามเป็นดังนี้
“เงินเดือน : (คำนาม) เงินค่าตอบแทนการทำงานที่กำหนดให้เป็นรายเดือน.” คือ ตัดความหมายตามคำที่ใช้ในกฎหมายออกทั้งหมด

ถ้าดูความหมายของคำว่า “เงินเดือน” ในพจนานุกรมฯ ฉบับ 2542 ที่ว่า “เงินที่มีกําหนดจ่ายเป็นรายเดือนจากเงินงบประมาณรายจ่ายหมวดเงินเดือน” กับความหมายของคำว่า “นิตยภัต” ที่ว่า “เงินงบประมาณแผ่นดินที่ … เบิกจ่ายถวายอุดหนุนอุปถัมภ์แก่พระภิกษุ” จะเห็นได้ว่า “นิตยภัต” กับ “เงินเดือน” (เฉพาะของทางราชการ) มีความเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง คือเป็น “เงินงบประมาณแผ่นดิน”

ข้อที่ชวนให้เข้าใจว่า “นิตยภัต” คือ “เงินเดือน” ก็อย่างเช่น
“เงินเดือน” คือเงินที่ได้รับเป็นประจำทุกเดือน
“นิตยภัต” ก็คือเงินที่พระได้รับเป็นประจำทุกเดือน

หรือโดยทางหลักการ
“เงินเดือน” (เฉพาะของทางราชการ) มาจากเงินงบประมาณแผ่นดิน
“นิตยภัต” ก็มาจากเงินงบประมาณแผ่นดิน

แต่ถึงกระนั้น โดยหลักทางพระธรรมวินัยและวิถีชีวิตสงฆ์แล้ว “นิตยภัต” จะถือว่าเป็น “เงินเดือน” หาได้ไม่ เพราะ “เงินเดือน” ได้มาตามการประกอบอาชีพ คือการทำงานเพื่อเลี้ยงชีพ แต่พระภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนามีวิถีชีวิตที่ละเลิกการประกอบอาชีพ คือการทำงานเพื่อเลี้ยงชีพแล้ว แต่ดำรงชีพด้วยปัจจัยที่มีผู้ถวายด้วยศรัทธา “นิตยภัต” ที่ได้มาจึงอยู่ในฐานะ “ปัจจัยที่มีผู้ถวายด้วยศรัทธา” ไม่ใช่ค่าตอบแทนที่ได้มาเพราะการประกอบอาชีพ

@@@@@@@

ผู้เขียนบาลีวันละคำเคยได้ฟังคำอธิบายของผู้มีความรู้ทางกฎหมายว่า เงินที่ทางราชการจ่ายให้เป็นประจำและเรียกว่า “เงินเดือน” จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายตามระเบียบของทางราชการ อันเป็นการยืนยันว่าผู้รับเงินประกอบอาชีพที่มีรายได้และอยู่ในฐานะที่จะต้องเสียภาษีเงินได้ให้แก่แผ่นดินตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด

แต่ “นิตยภัต” ที่ทางการเบิกจ่ายถวายพระนั้นไม่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย อันเป็นการยืนยันว่าผู้รับเงินมิได้ประกอบอาชีพที่มีรายได้และไม่อยู่ในฐานะที่จะต้องเสียภาษีเงินได้ให้แก่แผ่นดิน ซึ่งสอดคล้องกับหลักพระธรรมวินัยและวิถีชีวิตสงฆ์

เคยมีผู้เสนอแนวคิดว่า พระต้องเสียภาษีเงินได้ หรือ “เก็บภาษีพระ” ซึ่งถ้าทางราชการทำเช่นนั้นจริงๆ ก็เท่ากับรับรองยืนยันว่า พระในพระพุทธศาสนาเป็นผู้ประกอบอาชีพที่มีรายได้และอยู่ในฐานะที่จะต้องเสียภาษีเงินได้ให้แก่แผ่นดินเหมือนประชาชนทั่วไป ซึ่งเท่ากับทางราชการไม่รับรู้หลักพระธรรมวินัยและวิถีชีวิตสงฆ์ หรืออีกนัยหนึ่งคือทางราชการเป็นผู้ทำลายหลักพระธรรมวินัยและวิถีชีวิตสงฆ์เสียเองนั่นเอง

การเรียก “นิตยภัต” ว่า “เงินเดือน” หรือ “เงินเดือนพระ” มีแต่จะยิ่งทำให้เกิดความเข้าใจวิถีชีวิตสงฆ์ผิดพลาดคลาดเคลื่อน และทำให้พระเหมือนชาวบ้านเข้าไปเรื่อยๆ

ถ้าเห็นว่าพระสงฆ์ครองชีวิตไม่ตรงตามหลักพระธรรมวินัยและวิถีชีวิตสงฆ์ ก็ต้องแก้ไขที่ความประพฤติปฏิบัติของสงฆ์ให้อยู่ในกรอบพระธรรมวินัย และช่วยกันหาวิธีที่จะสนับสนุนให้พระสามารถปฏิบัติตามหลักพระธรรมวินัยได้สะดวกขึ้นแม้ว่าสภาพสังคมจะเปลี่ยนแปลงไป แต่มิใช่ด้วยการสนับสนุนให้พระทำอะไรๆ เหมือนชาวบ้านมากขึ้น

ดูก่อนภราดา.! พระศาสนาจะผ่องแผ้ว ถ้าช่วยกันรักษารากแก้วให้ปลอดภัย






ขอขอบคุณ :-
บทความ : นิตยภัต [2] ไม่ใช่ “เงินเดือน”
ผู้เขียน : ทองย้อย แสงสินชัย
Posted date : 15 กันยายน 2021 admin   
web : dhamma.serichon.us/2021/09/15/นิตยภัต-2-ไม่ใช่-เงินเดื/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ