ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ทองเปื้อนคูถ : “เลือกเอาแต่ที่ดีๆ ที่ชั่วอย่าเอา”  (อ่าน 2470 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29390
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


ทองเปื้อนคูถ | ท่านรังเกียจความทุศีล จึงพลอยรังเกียจหลักธรรม อย่างนั้นรึ.? | "เลือกเอาแต่ที่ดีๆ ที่ชั่วอย่าเอา"

มีแนวคิดชนิดหนึ่ง เขาบอกว่า “เลือกเอาแต่ที่ดีๆ ที่ชั่วอย่าเอา” มีผู้ยกแนวคิดนี้ขึ้นพูดในกรณีที่เห็นพระสงฆ์ท่านประพฤติการบางอย่างอันไม่เหมาะสม แต่พร้อมกันนั้นท่านก็ทำการบางอย่างอันเป็นเรื่องดี แปลว่า ท่านทำทั้งดีและไม่ดี กรณีแบบนี้แหละที่มีผู้ตั้งหลักขึ้นมาว่า อะไรที่ดีเราก็เลือกเอา อะไรที่ไม่ดี เราก็อย่าเอาความจริง หลักนี้ท่านพุทธทาสภิกขุได้กล่าวถึงมานานแล้ว ดังคำกลอนที่ท่านแต่งไว้ว่า

     เขามีส่วน เลวบ้าง ช่างหัวเขา
     จงเลือกเอา ส่วนที่ดี เขามีอยู่
     เป็นประโยชน์ โลกบ้าง ยังน่าดู
     ส่วนที่ชั่ว อย่าไปรู้ ของเขาเลย,
     จะหาคน มีดี โดยส่วนเดียว
     อย่ามัวเที่ยว มองหา สหายเอ๋ย
     เหมือนเที่ยวหา หนวดเต่า ตายเปล่าเลย
     ฝึกให้เคย มองแต่ดี มีคุณจริง ฯ


แต่เรื่องไม่ควรจบเพียงแค่พูด แต่ควรมีหลักที่ถูกต้องด้วยที่ว่า อะไรที่ดีเราก็เลือกเอานั้น คือแค่ไหน และที่ว่า อะไรที่ไม่ดีเราก็อย่าเอานั้น คือแค่ไหน ทั้งนี้เพราะถ้าไม่แบ่งให้ชัดเจนแน่นอน เราก็อาจจะเอาชั่วติดมากับดี หรือทิ้งดีให้เสียไปกับชั่ว

อีกประการหนึ่ง ดีบางอย่างต้องไม่มีชั่วปน ถ้ามีชั่วปนอยู่ด้วยก็กลายเป็นยอมรับว่าชั่วเป็นดีและชั่วบางอย่างก็เป็นตัวทำลายดี ถ้าดีชนิดนั้นมีชั่วติดมา ดีก็กลายเป็นชั่วไปด้วย ในคัมภีร์ ท่านเล่าถึงการเล่าเรียนถ่ายทอดหลักธรรมจากคนเลวไว้เรื่องหนึ่ง ดังนี้

ขออนุญาตยกต้นฉบับบาลีแนบมาด้วย เพื่อเป็นอุปการะแก่นักเรียนบาลีและท่านที่ชอบบาลี ส่วนท่านที่ไม่ถนัดบาลีก็อ่านเฉพาะคำแปล (และหวังว่าท่านคงจะถนัดบาลีเข้าสักวันหนี่ง!)

@@@@@@@

โย ปน โกฏิยํ ฐิโต คณฺโฐ ตสฺส ปุคฺคลสฺส อจฺจเยน นสฺสิสฺสติ ตํ ธมฺมานุคฺคเหน อุคฺคณฺหิตุํ วฏฺฏตีติ วุตฺตํ ฯ
ท่านกล่าวไว้ (ในอรรถกถาทั้งหลาย) ว่า คัมภีร์ใดดำรงอยู่ในช่วงเวลาสุดท้าย จักสูญหายไปโดยกาลล่วงไปแห่งบุคคลผู้ทรงคัมภีร์นั้น จะเรียนเอาคัมภีร์นั้นไว้เพื่ออนุเคราะห์ธรรม (คือเพื่อให้หลักธรรมนั้นยังคงมีอยู่ต่อไป) ก็ควรอยู่

ตตฺรีทํ วตฺถุ
ในการเรียนคัมภีร์เพื่ออนุเคราะห์ธรรมนั้น มีเรื่องต่อไปนี้ (เป็นอุทาหรณ์):-

มหาภเย กิร เอกสฺเสว ภิกฺขุโน มหานิทฺเทโส ปคุโณ อโหสิ ฯ
ได้ยินว่าในยุคมหาภัย ได้มีภิกษุผู้ชำนาญมหานิเทศเหลืออยู่เพียงรูปเดียวเท่านั้น

อถ จตุนฺนิกายิกติสฺสตฺเถรสฺส อุปชฺฌาโย มหาติปิฏกตฺเถโร นาม มหารกฺขิตตฺเถรํ อาห
ครั้งนั้น พระมหาเถระชื่อมหาติปิฎกเถระ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌายะของพระติสสเถระผู้ทรงนิกาย ๔ กล่าวกะพระมหารักขิตเถระว่า

อาวุโส มหารกฺขิต เอตสฺส สนฺติเก มหานิทฺเทสํ คณฺหาหีติ ฯ
อาวุโสมหารักขิต! คุณจงเรียนเอามหานิเทศในสำนักแห่งภิกษุนั่นเถิด

ปาโป กิรายํ ภนฺเต น คณฺหามีติ ฯ
พระมหารักขิตเถระกราบเรียนว่า ได้ทราบว่าท่านรูปนี้เลวทรามขอรับ.! กระผมเรียน(กับคนแบบนี้) ไม่ได้

คณฺหาวุโส อหนฺเต สนฺติเก นิสีทิสฺสามีติ ฯ
เรียนไว้เถิดคุณ.! ฉันจักนั่งใกล้ๆ คุณ

สาธุ ภนฺเต ตุมฺเหสุ นิสินฺเนสุ อุคฺคณฺหิสฺสามีติ
ดีละขอรับ.! เมื่อท่านนั่งอยู่ด้วย กระผมก็จักเรียน

ปฏฺฐเปตฺวา รตฺตินฺทิวํ นิรนฺตรํ ปริยาปุณนฺโต
แล้วเริ่มเรียนติดต่อกันทั้งกลางคืนกลางวัน

โอสานทิวเส เหฏฺฐามญฺเจ อิตฺถึ ทิสฺวา
วันสุดท้ายจึงได้เห็นสตรีภายใต้เตียง

ภนฺเต สุตํเยว เม ปุพฺเพ สจาหํ เอวํ ชาเนยฺยํ น อีทิสสฺส สนฺติเก ธมฺมํ ปริยาปุเณยฺยนฺติ อาห ฯ
พระมหารักขิตเถระกราบเรียนว่า ท่านขอรับ.! เมื่อก่อนกระผมเพียงได้ฟังมา (แต่ตอนนี้ได้เห็นกับตา) ถ้ากระผมรู้อย่างนี้ก็จะไม่เรียนธรรมในสำนักคนเช่นนี้เลย

ตสฺส ปน สนฺติเก พหู มหาเถรา อุคฺคณฺหิตฺวา มหานิทฺเทสํ ปติฏฺฐเปสุํ ฯ
พระมหาเถระเป็นอันมากได้เรียนคัมภีร์มหานิเทศในสำนักของพระมหารักขิตเถระนั้น แล้วได้ประดิษฐานมหานิเทศไว้สืบมา

___________________________
ที่มา: สมันตปาสาทิกา ภาค ๒ หน้า ๒๓๒

@@@@@@@

เรื่องนี้ยกมาจากคัมภีร์ที่ใช้เป็นแบบเรียนหลักสูตรบาลีของคณะสงฆ์ นักเรียนที่เรียนในชั้น ป.ธ./บ.ศ.๖-๗ ต้องเคยผ่านมาแล้ว แต่อาจจะระลึกไม่ได้ เนื่องจากในช่วงเวลาที่เรียนนั้นมุ่งแต่จะแปลศัพท์ให้ได้ จึงไม่ได้ซึมซับเอาความรู้หรือเรื่องราวในตอนนี้เก็บเข้าไว้ในความทรงจำ และส่วนมากพอสอบผ่านก็ลืมไปเลย ไม่ได้หวนกลับไปทบทวน

ถามว่า อ่านเรื่องนี้แล้วท่านคิดอย่างไร.?

ท่านรังเกียจความทุศีล (มีสตรีอยู่ใต้เตียง-คงพอคาดเดาได้ว่าทำอะไรกัน) จึงพลอยรังเกียจหลักธรรม คือ คัมภีร์มหานิเทศไปด้วย หรือว่าท่านรักหลักธรรม คือ คัมภีร์มหานิเทศที่ภิกษุทุศีลนั้นจำทรงไว้ได้ จึงพลอยยอมรับความทุศีลถึงขนาดนั้น ว่าไม่ใช่เรื่องเสียหายไปด้วย

ท่านจะตั้งอารมณ์อย่างไรจึงจะได้ประโยชนจากแนวคิด “เลือกเอาแต่ที่ดีๆ ที่ชั่วอย่าเอา” โดยที่ท่านจะไม่กลายเป็นคนยอมรับชั่วว่าเป็นดี หรือรังเกียจดีว่าเป็นชั่ว ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแบบไหนท่านก็เสียหรือดูไม่ดีทั้งนั้น เรื่องแบบนี้อุปมาเหมือนทองเปื้อนคูถ ถ้าอยากได้ทอง ก็ต้องจับคูถ ถ้าเกลียดคูถ ก็อดทอง จะทำอย่างไรดี





ขอขอบคุณ :-
บทความของ ๅ: นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย ,๔ ตุลาคม ๒๕๖๔ ,๑๑:๓๗ น.
web : dhamma.serichon.us/2021/10/04/ทองเปื้อนคูถ-โดย-ทองย้อย/
posted date : 4 ตุลาคม 2021 , By admin.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 29, 2021, 10:05:56 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ