ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เปิดคำสอน 'ท่านพ่อลี' | 'ลม' ต้นเหตุแห่งมรรค 8 | เหตุแห่งการไม่ขาดอริยบุคคล  (อ่าน 1029 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


เปิดคำสอน 'ท่านพ่อลี' วัดอโศการาม | 'ลม'ต้นเหตุแห่งมรรค 8 | เหตุแห่งการไม่ขาดอริยบุคคล

"พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์" หรือ ท่านพ่อลี ธมฺมธโร วัดอโศการาม ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หนึ่งในศิษย์องค์สำคัญของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสานาธุระ ได้เมตตาบันทึกด้วยลายมือของท่านเองเป็นหนังสือ "วิธีทำอานาปานสติ แบบที่ 2" โดยท่านอธิบายความสำคัญของ "ลม" ที่เกี่ยวข้องกับมรรค 8 ไว้ดังต่อไปนี้  (สำหรับมรรค 8 นั้น พ่อแม่ครูอาจารย์ฯได้เมตตาให้หลักธรรมไว้ว่า ที่ใดมีการเจริญมรรค 8 ที่นั่นไม่ขาดซึ่งอริยบุคคล)

ถ้าหากเราได้รู้เรื่องต่างๆ ของลมและส่วนปลีกย่อยของลม ก็จะรู้ได้ในอริยสัจธรรม นอกจากนั้น ยังเป็นหนทางบรรเทาทุกข์ของร่างกายได้อย่างดีอีก ตัวสติเป็นตัวยา ลมอานาปาฯเป็นกระสาย เมื่อสติเข้าฟอกแล้วย่อมบริสุทธิ์ ลมที่บริสุทธิ์จะส่งไปฟอกโลหิตต่างๆในร่างกายให้สะอาด เมื่อโลหิตสะอาดแล้วเป็นเหตุจะบรรเทาโรคภัยต่างๆในตัวได้ ถ้าเป็นผู้มีโรคเส้นประสาทประจำอยู่แล้ว ก็จะหายได้อย่างดีทีเดียว

นอกจากนี้ก็ยังสามารถจะสร้างความเข้มแข็งของร่างกาย ให้ได้รับความสุขยิ่งขึ้น เมื่อร่างกายได้รับความสุข จิตใจก็สงบได้อย่างดี เมื่อจิตสงบได้อย่างนั้น ย่อมเกิดกำลังสามารถที่จะระงับเวทนาในเวลานั่งสมาธิให้ทนทานได้หลายชั่วโมง เมื่อกายสงบจากเวทนา จิตย่อมสงบปราศจากนิวรณ์ได้อย่างดี กายก็มีกำลัง ใจก็มีกำลัง เรียกว่า “สมาธิพลัง” เมื่อสมาธิมีกำลังเช่นนั้นแล้ว ย่อมเกิดปัญญา สามารถจะแลเห็นทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค แจ้งประจักษ์ขึ้นในลมหายใจของตัวที่มีอยู่ทุกคน

ถ้าจะอธิบายก็ได้ความอย่างนี้ คือ ลมหายใจเข้าออกเป็นทุกขสัจจ์ ลมเข้าเป็นชาติทุกข์ ลมออกเป็นมรณทุกข์ ไม่รู้จักลมเข้าไม่รู้จักลมออก ไม่รู้ลักษณะของลมเป็นสมุทัยสัจจ์ ลมออกรู้ว่าออก ลมเข้ารู้ว่าเข้า รู้ลักษณะของลมโดยชัดเจนเป็น สัมมาทิฏฐิ องค์อริยมรรค คือ มีความเห็นถูกต้องตามความเป็นจริงของลมหายใจ หายใจแบบใดไม่สบายก็รู้ และรู้จักวิธีแต่งลมหายใจของตัวว่า แบบนี้ไม่สบายเราจะต้องหายใจแบบนี้จึงจะเป็นที่สบาย นี้เรียกว่า สัมมาสังกัปปะ ดำริชอบ จิตตสังขารซึ่งนึกคิดวิตกวิจารณ์ในกองลมทั้งปวงอยู่โดยชอบชื่อว่า สัมมาวาจา วาจาชอบ รู้จักวิธีปรับปรุงลมหายใจของตนโดยวิธีการต่างๆ เช่น หายใจเข้ายาวออกยาว หายใจเข้าสั้นออกสั้น หายใจเข้าสั้นออกยาว หายใจเข้ายาวออกสั้น จนไปถูกลมอันเป็นที่สบายแห่งตน ดังนี้ชื่อว่า สัมมากัมมันตะ การงานชอบ

@@@@@@@

รู้จักทำลมหายใจฟอกโลหิตในร่างกายให้สะอาดบริสุทธิ์ แล้วส่งไปหล่อเลี้ยงหทัยวัตถุ รู้จักแต่งลมให้เป็นที่สบายของร่างกาย รู้จักประกอบลมให้เป็นที่สบายแห่งดวงจิต หายใจเข้าไปอิ่มกาย อิ่มจิต นี้เรียกว่า สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีพชอบ รู้จักพยายามเปลี่ยนลมหายใจของตนจนเป็นที่สบายกาย สบายจิต ถ้ายังไม่ได้รับความสบายเกิดขึ้นในตัว ก็พากเพียรพยายามอยู่เรื่อยไปอยู่อย่างนั้น นี้เรียกว่า สัมมาวายามะ เพียรชอบ

รู้ลมหายใจเข้าออกทุกขณะเวลา และ รู้กองลมต่างๆที่มีอยู่ในร่างกาย เช่น ลมพัดขึ้นเบื้องบน ลมพัดลมเบื้องต่ำ ลมพัดในท้อง ลมพัดในไส้ ลมพัดไปตามชิ้นเนื้อซาบซ่านไปทั่วทุกขุมขน มีสัมปชัญญะตามรู้อยู่ทุกขณะลมหายใจเข้าออก นี้เรียกว่า สัมมาสติ ระลึกชอบ ดวงจิตสงบอยู่ในเรื่องของลมอย่างเดียว ไม่ไปเหนี่ยวเอาอารมณ์อย่างอื่นมาแทรกแซง ทำไปจนลมละเอียด เป็นอัปปนาฌาน จนกว่าจะเกิดวิปัสสนาญาณขึ้นในที่นั้น เรียกว่า สัมมาสมาธิ 

นึกถึงลมเรียกว่าวิตก กระจายลมขยายลมแต่งลมเรียกว่า วิจารณ์ ลมได้รับความสะดวกทั่วถึงกันแล้ว ก็อิ่มกาย อิ่มจิต เรียกว่า ปิติ กายไม่กระวนกระวายใจไม่กระสับกระส่าย ก็เกิดสุข เมื่อได้รับความสุขแล้ว จิตย่อมไม่ส่ายไปสู่อารมณ์อื่น ย่อมแนบสนิทอยู่กับอารมณ์เดียว เรียกว่า เอกัคคตารมณ์ ตั้งใจไว้ชอบนี้ เรียกว่า สัมมาสมาธิเบื้องต้นในองค์อริยมรรค มรรคสัจจ์

ทั้งหมดที่กล่าวมา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา เข้ามาสันนิบาตในดวงจิตไว้แล้วโดยสมบูรณ์ ย่อมทำให้รู้แจ้งในกองลมทั้งปวงว่า หายใจอย่างนี้เป็นเหตุให้เกิดอกุศลจิต หายใจอย่างนั้นเป็นเหตุให้เกิดกุศลจิต และ ไม่ติดอยู่ในจิตตสังขาร ทั้งฝ่ายดีและฝ่ายชั่ว ปล่อยวางตามสภาพแห่งความเป็นจริง นี้เรียกว่า นิโรธสัจจ์





ในโอกาสนี้วัดอโศการามขอเชิญศรัทธาญาติโยมร่วมสร้างศาลาการเปรียญ ที่วัดวังทองธัมมธโร ต.กกแรต อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย เพื่อเป็นมรดกให้กับบวรพระพุทธศาสนาสืบต่อไป

โดยพุทธศาสนิกชนทุกท่านที่ต้องการร่วมบุญสร้างศาลาการเปรียญ ตั้งแต่ปัจจัยมูลค่า ๒๕,๐๐๐ บาท (+๕๐ บาท ค่าจัดส่ง) รับพระใบโพธิ์ใหญ่เนื้อเกสรเลี่ยมกรอบทองคำแท้

และสำหรับผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญ ๕๐๐ บาท (+๕๐ บาท ค่าจัดส่ง) รับเสื้อยืดชาตกาล ๑๑๖ ปี ท่านพ่อลี สีกรมท่า เป็นของที่ระลึก หรือร่วมบุญตามกำลังศรัทธา

โดยโอนเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาบางเมฆขาว บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 070-8-54459-0  ชื่อบัญชี พระมหาสามเรือน โดดสู้ และ น.ส.แก้วตา เตชะประเสริฐ และ น.ส.นงลักษณ์ นิลขำ

สอบถามเพิ่มเติมและรับของที่ระลึกพร้อมใบอนุโมทนาได้ที่ 081-148-9285  หรือ LINE ID @014ynqoi ชื่อ ลูกศิษย์ท่านพ่อลี








ขอบคุณ : https://www.naewna.com/likesara/625251
วันอังคาร ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2564, 17.33 น.
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ