ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: วันโลกาวินาศ  (อ่าน 822 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
วันโลกาวินาศ
« เมื่อ: มิถุนายน 07, 2022, 06:04:51 am »
0



วันโลกาวินาศ

ฟินช์ (FINCH) เป็นภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของ ทอม แฮงก์ส(TOM HANKS) ออกฉายทางออนไลน์ (สตรีมมิง) วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เพราะพิษโควิด-19 ทำให้ต้องเลื่อนกำหนดฉายในโรงภาพยนตร์ 4 ครั้ง ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2563

สำหรับผู้เขียน ฟินช์ เป็นภาพยนตร์อีกหนึ่งเรื่องที่น่าทึ่ง อย่างหนึ่งเพราะเป็นภาพยนตร์ที่มีตัวละครหลักเป็นคนจริงๆ ตลอดทั้งเรื่องเพียงคนเดียว คือ ทอม แฮงก์ส แต่สามารถทำให้คนดู (เช่นผู้เขียน) ติดตามเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบอย่างตั้งอกตั้งใจอยู่ได้นานถึงเกือบสองชั่วโมง ขาดเพียง 5 นาที

ฟินช์ เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับวันโลกาวินาศ เกิดจากการปะทุใหญ่ คือ SOLAR FLARE (โซลาร์แฟร์ : การลุกจ้าของดวงอาทิตย์) ทำลายชั้นโอโซนของโลก

ทอม แฮงก์ส รับบทเป็น ฟินช์ วิศวกรหุ่นยนต์ที่รอดชีวิตจากความปั่นป่วนบนโลก และรู้ตัวว่า กำลังจะตาย แต่ด้วยความเป็นห่วงเจ้าสุนัข กู๊ดเยียร์ ว่า จะอยู่อย่างไรเมื่อไม่มีเขา จึงสร้างหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ชื่อ เจฟฟ์ เพื่อให้ดูแลกู๊ดเยียร์เมื่อเขาไม่อยู่แล้ว

แต่เป้าหมายหลักของเราวันนี้ มิใช่เป็นเรื่องของภาพยนตร์ฟินช์ เพราะอยากให้ท่านผู้อ่านได้ชมบทบาทของ ทอม แฮงก์ส และเรื่องราวความพยายามของ เจฟฟ์ ที่จะเรียนรู้การดูแลกู๊ดเยียร์หลังฟินช์ไม่อยู่ด้วยตัวของท่านผู้อ่านเอง (ถ้ายังไม่ได้ชม)

เป้าหมายหลักของเราวันนี้ คือ การตอบคำถามที่เป็นปฐมต้นเหตุของ “วันโลกาวินาศ” ดังในภาพยนตร์ฟินช์ว่า จะเกิดขึ้นได้จริงๆ หรือไม่ โดยจะนำท่านผู้อ่านไป “อัปเดต” ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ฉบับย่นย่อถึงวันนี้ว่า วิทยาศาสตร์บอกอะไรแก่เราได้บ้าง เกี่ยวกับ “วันโลกาวินาศ”


ตัวอย่างจากภาพยนตร์เรื่อง ฟินช์ (FINCH)

เมื่อกล่าวถึงวันโลกาวินาศ สิ่งแรกที่เรามักจะนึกถึง คือ วันแตกดับของดาวเคราะห์โลก แต่ก็คงจะต้องนึกถึงต่อไปทันทีว่า แล้วมนุษย์ล่ะ.?

ก่อนจะไปจับตาเรื่องวันแตกดับของดาวเคราะห์โลกและวาระสุดท้ายของมนุษยชาติ เราไปสำรวจกำเนิดที่มาของทั้งดาวเคราะห์โลกและของมนุษยชาติกันอย่างเร็วๆ

ดาวเคราะห์โลกมีกำเนิดมาพร้อมกับดวงอาทิตย์และบรรดาดาวเคราะห์บริวารของดวงอาทิตย์ เมื่อประมาณสี่พันห้าร้อยล้านปีมาแล้ว ส่วนมนุษยชาติที่เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ยุคปัจจุบัน คือ โฮโมเซเปียนส์ มีกำเนิดมาเมื่อประมาณสามแสนปีในแอฟริกาใต้ แล้วต่อมาจึงอพยพจากแอฟริกา กระจายไปอยู่กันทั่วโลก

ดวงอาทิตย์ของเราเป็นหนึ่งในดาวฤกษ์อย่างน้อยหนึ่งแสนล้านดวง ที่ประกอบเป็นกาแล็กซีทางช้างเผือก และกาแล็กซีทางช้างเผือกก็เป็นหนึ่งในจำนวนประมาณสองแสนล้านกาแล็กซีที่ประกอบเป็นจักรวาลของเรา

สาเหตุใหญ่ที่สุดที่จะทำให้ดาวเคราะห์โลกและมนุษยชาติต้องแตกดับไปด้วย ก็คือ ความตายของจักรวาล ซึ่งตามทฤษฎีกำเนิดจักรวาลหลักของโลกวิทยาศาสตร์วันนี้ คือ กำเนิดจักรวาลแบบบิกแบง (BIG BANG) เกิดขึ้นเมื่อประมาณหนึ่งหมื่นสามพันแปดร้อยล้านปีก่อน

แต่ยังไม่มีข้อสรุปว่า จักรวาลของเราจะตายอย่างไร.? เมื่อไร.?
ความตายของโลกและมนุษยชาติจากจักรวาล จึงยังเป็นคำถามที่ต้องถูกแขวนไว้ก่อน



จากจักรวาลก็ลงมาใกล้โลกและมนุษย์มากขึ้น คือ กาแล็กซีทางช้างเผือกและดวงอาทิตย์

กาแล็กซีทางช้างเผือก มีกำเนิดเมื่อประมาณหนึ่งหมื่นสามพันหกร้อยล้านปีมาแล้ว หลังกำเนิดจักรวาลของเราเพียงประมาณสองร้อยล้านปี และก็เช่นเดียวกับสรรพสิ่งในจักรวาล กาแล็กซีทางช้างเผือกก็จะต้องพบกับวาระสุดท้ายในที่สุด

ตามความรู้ดีที่สุดถึงปัจจุบัน สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับกาแล็กซีทางช้างเผือก ที่จะใกล้กับเรื่องความตายมากที่สุด คือ การชนกันของกาแล็กซีทางช้างเผือกกับกาแล็กซีแอนโดรมีดา ในอีกประมาณห้าพันล้านปีข้างหน้า

กาแล็กซีแอนโดรมีดาใหญ่กว่ากาแล็กซีทางช้างเผือกประมาณสองเท่า เมื่อสองกาแล็กซีชนกัน ส่วนใหญ่แล้ว กาแล็กซีที่เล็กกว่า จะเสมือนกับถูกกลืนกิน เหมือนกับที่กาแล็กซีทางช้างเผือกได้กลืนกิน....และกำลังกลืนกิน....กาแล็กซีใกล้เคียงที่เล็กกว่า ทำให้แอนโดรมีดามีขนาดใหญ่ขึ้น

สำหรับดวงอาทิตย์ เมื่อกาแล็กซีทางช้างเผือกกับแอนโดรมีดาชนกัน ดวงอาทิตย์ก็อาจจะยังคงความเป็นดาวฤกษ์อยู่ แต่ในตอนนั้น ดวงอาทิตย์จะเปลี่ยนสภาพไปเป็นดาวยักษ์แดง เข้าไปเป็นสมาชิกใหม่ของกาแล็กซีแอนโดรมีดา

หรือดวงอาทิตย์อาจจะชนกับดาวฤกษ์ดวงอื่นๆ ในกาแล็กซีทางช้างเผือกเอง และในกาแล็กซีแอนโดรมีดา

ส่วนดาวเคราะห์โลก ในอีกประมาณห้าพันล้านปี ก็คงจะพบกับวาระสุดท้ายไปก่อนแล้ว จากดวงอาทิตย์ที่เป็นดาวยักษ์แดง กลืนกินดาวพุธ ดาวศุกร์ และโลก

แล้วมนุษย์ล่ะ.?

อีกประมาณห้าพันล้านปี ถ้ามนุษย์ยังคงดำรงอยู่ ก็คงจะกระจายเผ่าพันธุ์มนุษย์ออกไปจากดาวเคราะห์โลกแล้ว ไปอยู่ในที่อื่นภายในระบบสุริยะ หรือออกนอกระบบสุริยะของเราไปแล้ว เพราะก่อนที่ดาวยักษ์แดงดวงอาทิตย์ จะขยายขนาดมากลืนกินโลก โลกก็จะเป็นดาวเคราะห์อันตรายที่มนุษย์ไม่สามารถจะอาศัยอยู่ได้อีกต่อไป


ภาพยนตร์ MOONFALL

จากดวงอาทิตย์ ลงมาถึงดวงจันทร์

ดวงจันทร์มีขนาดเล็กกว่าโลกเกือบสี่เท่า โคจรรอบโลกหนึ่งรอบในเวลาพอๆ กับที่หมุนรอบตัวเองหนึ่งรอบ ทำให้ดวงจันทร์หันด้านเดียวมาสู่โลกเสมอ และทำให้หนึ่งวันของดวงจันทร์ ยาวพอๆ กับเวลาหนึ่งเดือนของโลก

ดวงจันทร์มีอิทธิพลต่อเรื่องน้ำขึ้นน้ำลงบนโลก และต่อความเป็นอยู่กับความรู้สึกทางอารมณ์ของมนุษย์โลก ต่อข้างขึ้นข้างแรมของดวงจันทร์

สำหรับภัยจากดวงจันทร์ที่อาจเกิดขึ้นกับโลก เช่น ดวงจันทร์เปลี่ยนวิถีโคจรจะเข้ามาชนโลก ดังในภาพยนตร์ วันโลกาวินาศฟอร์มยักษ์เรื่อง MOONFALL (วันวิบัติ จันทร์ถล่มโลก) ออกฉายเดือนมกราคม พ.ศ. 2565 ย่อมเป็นไปได้ในโลกแห่งจินตนาการ และสามารถจะเกิดขึ้นได้จริง ถ้าดวงจันทร์ถูกวัตถุขนาดใหญ่ระดับใกล้เคียงกับดวงจันทร์ชน แต่โอกาสจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ กล่าวได้ว่า ไม่มี.!

ในอนาคตไกลออกไปล่ะ.?

เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะเมื่อกาแล็กซีทางช้างเผือกชนกับกาแล็กซีแอนโดรมีดา

จริงๆ แล้ว ทุกวันนี้ และก็เป็นเช่นนี้มาเป็นเวลาหลายพันล้านปีแล้ว ดวงจันทร์กำลังโคจรห่างออกไปจากโลก ในอัตรา (ปัจจุบัน) 3.78 เซนติเมตรต่อปี



ภัยจากฝีมือมนุษย์เอง !

ภัยต่อโลกและมนุษย์ที่กล่าวไปแล้วทั้งหมด เป็นภัยธรรมชาติจากนอกโลก

แล้วภัยจากฝีมือมนุษย์เองล่ะ.? ภัยจากฝีมือมนุษย์เองที่กล่าวถึงกันมากที่สุด และก็เป็นภัยของจริงด้วย คือ ภัยต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก หรือ โลกร้อน (GLOBAL WARMING) เป็นภัยต่อสภาพแวดล้อมของโลก

แต่ภัยต่อสภาพแวดล้อมของโลก จะไม่รุนแรงถึงระดับทำให้โลกและมนุษยชาติต้องพบกับจุดจบอย่างแท้จริง

แสดงว่า ทั้งโลกและมนุษยชาติก็ปลอดภัยจากฝีมือมนุษย์อย่างแน่นอน ใช่หรือไม่.?

คำตอบ คือ ทั้งใช่และไม่ใช่.!

ใช่ คือ ฝีมือมนุษย์จะไม่สามารถทำให้โลกต้องแตกดับได้ แต่ที่ไม่ใช่ ก็คือ มนุษยชาติวันนี้ กำลังตกอยู่ในภาวะเสี่ยงอย่างที่สุดต่อการถูกทำลายด้วยฝีมือมนุษย์เอง

ภัยร้ายแรงที่สุดต่อมนุษยชาติจากฝีมือมนุษย์เอง คือ ภัยสงคราม.!

นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ที่มนุษย์มีอาวุธร้ายแรงถึงระดับทำลายล้างมนุษยชาติได้ คือ อาวุธนิวเคลียร์

ถึงแม้อาวุธนิวเคลียร์ที่มีสะสมอยู่ทั่วโลกในปัจจุบัน คือ ประมาณ 13,000 ลูก จะน้อยกว่าเมื่อสงครามเย็นระหว่างสหรัฐอเมริกา กับสหภาพโซเวียตเดิมกำลังร้อนจัด (คือ ประมาณ 19,000 ลูก) แต่เท่าที่มีอยู่ ก็เกินพอแล้วที่จะทำลายล้างอารยธรรมของโลกลงได้

ถ้าเกิดสงครามโลกครั้งใหม่เป็นครั้งที่สาม อย่างแน่นอน จะเป็นสงครามนิวเคลียร์.!

ฉากทัศน์ที่จะเกิดขึ้น คือ คนประมาณครึ่งโลกจะตายทันที แต่พวกเขาจะ “โชคดีที่ตายก่อน” เพราะคนที่ยังรอดชีวิตอยู่ จะเผชิญกับภาวะโลกหลังสงครามนิวเคลียร์ คือ “ฤดูหนาวนิวเคลียร์” หรือ “NUCLEAR WINTER” ที่จะเกิดขึ้นเป็นเวลาประมาณสองถึงสามปี

มนุษยชาติหลังสงครามนิวเคลียร์ จะไม่ถึงกับสูญพันธุ์ แต่อารยธรรมจะล่มสลาย มนุษย์จะกลับไปสู่สภาพยุคเก่าแบบยุคหิน



แล้ววันสิ้นโลกแบบในภาพยนตร์ ฟินช์ จะเกิดขึ้นได้หรือไม่.?

ดวงอาทิตย์ในปัจจุบัน เป็นลูกไฟนิวเคลียร์ธรรมชาติ ทุกขณะเวลา จะปลดปล่อยพลังงานในรูปของรังสี คือ รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต รังสีความร้อนและแสงสว่างแก่โลก และอนุภาคมีประจุไฟฟ้าเป็นลมสุริยะ พายุสุริยะ ที่จะรุนแรงกว่าปรกติ เมื่อเกิดการลุกจ้ารุนแรงของดวงอาทิตย์ และก็สามารถมีผลรบกวนต่อระบบการสื่อสารของโลก ทั้งในอวกาศ (ดาวเทียมสื่อสาร) และบนโลก รวมไปถึงระบบการผลิตพลังงานไฟฟ้าบนโลก (เคยเกิดขึ้นมาแล้ว) ได้

แต่คำถามใหญ่ของเราว่า การลุกจ้าของดวงอาทิตย์ จะทำลายชั้นโอโซนของโลกจนกระทั่งเกิดภาวะโลกาวินาศดังในภาพยนตร์ ฟินช์ ได้หรือไม่นั้น คำตอบตรงๆ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ คือ ไม่ได้ !

และจริงๆ แล้ว อันตรายจากการลดลงของชั้นโอโซนในบรรยากาศชั้นสูง จนกระทั่งเกิดเป็นปัญหา “รูโหว่โอโซน” ที่เคยเป็นข่าวใหญ่มาแล้ว ก็เกิดจากฝีมือมนุษย์ที่ใช้สารจำพวก ซีเอฟซี (CFC) กับสเปรย์ปรับอากาศ น้ำยาปรับอากาศ การผลิตโฟม และสารจำพวก ฮาลอน (HALON) กับน้ำยาดับเพลิง ซึ่งในปัจจุบัน ถูกห้ามใช้ทั่วโลกแล้ว

อีกทั้งปัญหาจากดวงอาทิตย์ที่รบกวนระบบการสื่อสารของโลก และการผลิตพลังงานไฟฟ้านั้น มนุษย์ก็สามารถป้องกันได้

ดังนั้น บทสรุปสุดท้ายของเราจริงๆ ภัยร้ายแรงที่สุดต่อมนุษย์บนโลกวันนี้ จึงเป็นภัยจากฝีมือมนุษย์เอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภัยจากอาวุธนิวเคลียร์

แล้วเราจะป้องกันภัยร้ายแรงที่สุดต่อมนุษยชาติได้อย่างไร.?

นี่คือโจทย์ใหญ่ที่ผู้เขียนขอฝากให้ท่านผู้อ่านช่วยกันคิด เพราะชะตากรรมของมนุษยชาติ จริงๆ แล้ว ก็ขึ้นอยู่กับมนุษย์ทุกคนทั่วโลก.!



Thank to :-
URL : https://www.thairath.co.th/scoop/theissue/2329188
ไทยรัฐออนไลน์ , สกู๊ปไทยรัฐ ,THE ISSUE , 4 มี.ค. 2565 18:00 น.
บทความโดย : ชัยวัฒน์ คุประตกุล นักสื่อสารทางวิทยาศาสตร์ เชื่อ คิดและทำ อย่างวิทยาศาสตร์
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ