ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: "วัตรป่า​ของพระป่า​ ไม้ค้ำศรัทธาพุทธ" | บวชแล้วจะเป็นพระได้ ต่อเมื่อปฏิบัติภาวนา  (อ่าน 857 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


"วัตรป่า​ของพระป่า​ ไม้ค้ำศรัทธาพุทธ" | บวชแล้ว จะเป็นพระได้ ต่อเมื่อปฏิบัติภาวนา​

ข่าวคราวของพระบ้าน​ พระนักเทศน์​ ทำให้เกิดหวั่นไหวในศรัทธา​คำว่า​ "พระสงฆ์" ได้ไม่มากก็น้อย​ สิ่งที่ผู้คนต่างชอบคิดกันไปเองว่า​ พระแท้​ พระดี​ไม่มีแล้ว​ เป็นเพียงการคาดคะเนอย่างหนึ่ง​ ถ้าคุณยังไม่เคยกราบพระป่ามาก่อน​

สายพระป่า​ คือ ​คำพูดติดปาก​และเข้าใจเอาว่าโดยมากจะเป็นพระธรรมยุตินิกาย​ ในสายมหานิกายยังมีพระป่าลูกศิษย์พระอาจารย์มั่น​ ภูริทัตโต​ อยู่ร่วมด้วยอีกหนึ่งสำนัก​ ซึ่งพระอาจารย์มั่น​ ท่านบอกว่า​ไม่ต้องญัติตินิกายใหม่​ พระสงฆ์รูปนั้นคือ​ พระโพธิญาณเถระ​ หรือ​ หลวงพ่อชา​ สุภัทโท​ อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองป่าพง​ จ.อุบลราชธานี​

ข้อวัตรปฏิบัติวัดหนองป่าพง​ ในยุคหลวงพ่อชาได้สืบทอดมาถึงปัจจุบัน​ อาทิ​ ฉันมื้อเดียวในบาตร​ เย็บย้อมผ้าจีวรสงบสังฆาฏิใช้เอง​ห้ามซื้อจากร้าน

ทำบาตรถลกบาตรเอง​ ห้ามญาติโยมทั้งชายหญิงเข้าเขตพระสงฆ์​ พระสงฆ์งดใช้เครื่องมือสื่อสารทุกชนิด​ ภาชนะล้างเอง​ ห้ามคุยกันเป็นกลุ่ม


พระโพธิญาณเถระ​ (หลวงพ่อชา​ สุภัทโท)​

ให้ภาวนา​ เดินจงกรม​ เป็นวัตรปฏิบัตินำ​ ห้ามดูหนังฟังละคร​ ไม่มีทีวี​ตู้เย็น​ ดินแดนวัดหนองป่าพงจึงมีแต่ธรรมและธรรมล้วนๆ​ แม้วันที่หลวงพ่อชาไม่อยู่แล้ว​ ท่านเจ้าคุณ​พระเทพวชิรญาณ​ (หลวงพ่อเลี่ยม​ ฐิตธัมโม)​เจ้าอาวาสและลูกศิษย์ก้นกุฏิหลวงพ่อชารูปนี้ก็ยังคงวัตรปฏิบัติทุกอย่างดังเดิม​แม้วัดสาขาและวัดป่านานาชาติ​ ที่มากไปด้วยชาวต่างชาติ​ อาทิ​ ​อังกฤษ ​ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น​ อเมริกา​ ได้มาศึกษาเรียนรู้ธรรมด้วยวัตรปฏิบัติแบบเดียวกันทั้งสิ้น

ใครที่จะบวชที่วัดหนองป่าพง​ จะต้องเป็นผ้าขาวถือศีลแปดเพื่อดูจริตนิสัยก่อนอย่างน้อย 3 เดือน ​ถ้าสงฆ์ประชุมกันว่าไม่ผ่านก็หาจะบวชให้​ และ​พระสงฆ์จากที่อื่นจะมาศึกษาธรรมอยู่ที่วัดหนองป่าพงนี้ มาอยู่ได้ครั้งละ 7 วัน จากนั้นต้องออกจากวัดแล้วค่อยกลับมาใหม่ได้ ถ้าผ่านประชุมสงฆ์ว่ารับเข้าสังกัดได้จึงอนุญาตให้เปลี่ยนจีวรบริขารต่างๆ และมีที่พักให้​

เงินวัดที่ญาติโยมถวายเข้ากองกลางของวัดหมด​ พระสงฆ์จำเป็นใช้อะไรก็ทำเรื่องขอเบิก​ แต่พระห้ามถือเงินเองต้องมีผ้าขาวคอยถือและดูแลให้เพื่อเป็นพยานในการใช้​ สมัยหลวงพ่อชาท่านอยู่ มีโยมจะถวายรถให้วัด​ หลวงพ่อบอกยังรับไม่ได้ต้องประชุมสงฆ์ก่อน ถ้าสงฆ์ให้รับจึงถวายได้​ ปรากฏสงฆ์ค้านไม่ให้รับจึงถวายไม่ได้ก็มี​



วัตรป่าของพระป่า​ สายพระอาจารย์มั่นเป็นดุจไม้ค้ำศรัทธาให้ผู้คนที่รักพระพุทธศาสนา​ศรัทธาพระพุทธศาสนาไว้วางใจได้​ นับว่าเป็นการดียิ่ง​

สำหรับผู้คนที่เริ่มมีความคิดเบื่อพุทธศาสนาเบื่อพระสงฆ์​ ลองเข้าวัดป่า ที่ป่าแท้ๆ ในสายพระอาจารย์มั่น​ แล้วจะเห็นปฏิปทาที่แตกต่างจากวัดบ้าน​อย่างสิ้นเชิง​ เขาสนทนาด้านธรรม​แม้บางครั้งอาจมีเพ้อนิมิต​ มีเพ้ออดีตชาติบ้าง เนื่องจากผลของการปฏิบัติภาวนา​ ก็ยังดีกว่าที่ไปสร้างเรื่องบัดสีให้มัวหมองในพุทธศาสนา​ 

พระป่ามักจะจำวัดสองทุ่ม​ แล้วนอนจำวัดถึงตีสามลุกขึ้นสวดมนต์ภาวนาเมื่อฟ้าสว่างจึงออกบิณฑบาตร​ ฉันราว 09.30 ​น.​ แล้วพักจากนั้นปฏิบัติธรรมสืบต่อ​ เป็นเช่นนี้ทุกวันๆ​ 



หลวงพ่อชา​ เคยพูดสอนเอาไว้ว่า
"บวชแล้วจะเป็นพระได้ต่อเมื่อปฏิบัติภาวนา​ และ​ มีจิตสำนึกคุณของญาติโยมที่อุปถัมภ์"

พระสงฆ์ในสายพระป่าจะไม่ธุดงค์เข้าเมือง​ ไม่เดินริมถนนมากเกินไป​ และไปไม่เกิน 3 รูป​ ไม่มีเดินขอเรี่ยไรญาติโยม​ เพราะพระอุปัชฌาย์เขาสอนมาดี​ มิใช่อุปัชฌาย์เป็ดที่บวชให้แล้วก็ทิ้งขว้าง​ ไม่สอนไม่อบรม​ พระใหม่ต้องอยู่จำพรรษาวัดอย่างน้อย 5 พรรษา​ และต้องภาวนา​อีกทั้งต้องศึกษาและสอบภาคบังคับอาทิ​ นักธรรมชั้นตรี ชั้นโท และ​ ชั้นเอก​ ครั้นครบ 5 พรรษาจะไปไหนมาไหนก็ต้องขออนุญาตจากครูอาจารย์ก่อนเสมอ​

ความงดงามในธรรมของพระวัดป่าจึงเป็นการสะท้อนอะไรได้หลายมิติ​ โดยเฉพาะความศรัทธา​ บุญอยู่ที่ทำกรรมอยู่ที่สร้าง​ มรรคทางแห่งผลรออยู่​



    กราบพระพุทธ​จะโดนทองเหลือง กราบพระธรรมจะโดนใบลาน กราบพระสงฆ์อาจโดนลูกเขยชาวบ้าน​
    จึงไม่มีปรากฏในสายพระวัดป่า​ ที่มุ่งเน้นความเรียบง่ายเรียบร้อยตามพระธรรมวินัย​ พระดียังมีอีกมาก ถ้าเราท่านพอมีปัญญาแสวงหาศึกษาเรียนรู้ก็ย่อมจะพบ







Thank : https://www.thansettakij.com/blogs/lifestyle/523637
คอลัมน์ ทำมา ธรรมะ โดย ราช รามัญ , 05 พ.ค. 2565 เวลา 5:00 น.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 13, 2022, 07:11:45 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ