ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เปิดโบสถ์ วัดสุทธิวราราม วัดเก่าแก่อายุกว่า 250 ปีที่ถูกเปลี่ยนเป็นแกลเลอรีอาร์ต  (อ่าน 848 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


เปิดโบสถ์ วัดสุทธิวราราม วัดเก่าแก่อายุกว่า 250 ปีที่ถูกเปลี่ยนเป็นแกลเลอรีอาร์ต

เปิดประตูอุโบสถ วัดสุทธิวราราม วัดเก่าแก่สมัยกรุงธนบุรีอายุกว่า 250 ปีที่ตอนนี้ถูกปรับโฉมใหม่ให้พุทธศาสนาเข้าถึงคนทั่วไปได้ง่ายและสนุกขึ้นผ่านงานศิลปะร่วมสมัยที่จะได้เห็น Google, Facebook, MacBook รวมทั้งร้านสะดวกซื้อเปิดตลอด 24 ชั่วโมงซ่อนอยู่ในพุทธศิลป์เหล่านี้ด้วย

ภาพ “พุทธจักษุ: ดวงตาแห่งการตื่นรู้


เมื่อเอ่ยถึงวัดภาพจำที่หลายคนนึกถึงคือ ศิลปะแนวไทยประเพณีเล่าเรื่องพุทธประวัติหรือพุทธชาดกที่ประดับอยู่บนผนังพร้อมเหล่าเทวดานางฟ้าในรูปแบบศิลปะความอ่อนช้อยแบบดั้งเดิม แต่นั่นไม่ใช่จิตรกรรมฝาผนังที่อุโบสถหรือโบสถ์ของ วัดสุทธิวราราม วัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุงเกือบจะตอนปลาย สร้างในสมัยพระเจ้าตากสินมหาราช (ราว พ.ศ.2514) โดยสายสกุล ณ สงขลา และเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (หนู) จากนั้นก็มีการบูรณะเรื่อยมารวมทั้งมีการสร้างโบสถ์หลังใหม่ตามแบบรัตนโกสินทร์นิยม


สิ่งที่น่าสนใจไม่น้อยกว่าประวัติศาสตร์วัดคือการใส่ความคิดสมัยใหม่ผ่านงานพุทธศิลป์ ที่มีทั้งประติมากรรมรอบอุโบสถ และจิตรกรรมภายในอุโบสถบอกได้เลยว่าเป็นงานพุทธศิลป์ที่โมเดิร์นมากๆ ฉีกกรอบเดิมที่ว่าจิตรกรรมฝาผนังต้องเล่าเรื่องพุทธประวัติแบบประเพณีนิยม แต่กลับกลายมาเป็นผลงานปริศนาธรรมที่มีลายเส้นที่แตกต่างจากงานจิตรกรรมฝาผนังแบบเดิมๆ


ไฮไลต์ต้องชมอยู่บนชั้น 2 ที่เปรียบได้กับแกลเลอรีใหญ่สุดเป็นผลงานการวาดภาพลงผืนผ้าใบขนาดใหญ่ของ “ทรงเดช ทิพย์ทอง” ศิลปินชาวเชียงรายที่ทำงานศิลปะเกี่ยวเนื่องกับพุทธศาสนามาตลอด เช่นที่จิตรกรรมฝาผนังด้านหลังพระประธานวัดแม่คำสบเปิน และจิตรกรรมฝาผนังพระอุโบสถวัดป่าอ้อร่มเย็น จังหวัดเชียงราย ซึ่งงานของทรงเดชมักใช้วิธีเขียนสีเพียงขาวๆ บางๆ เพื่อให้ผลงานดูสะอาดสว่างสงบ เหมือนความรู้สึกของเขาที่มีต่อพระพุทธศาสนา และสำหรับงานศิลปะภายในโบสถ์วัดสุทธิวราราม แห่งนี้ ทรงเดชใช้เวลาวาดนานถึง 7 ปี ริเริ่มโดยพระมหาสุทิตย์ อาภากโร เจ้าอาวาสวัดสุทธิวราราม

ภาพ “วัฏสงสาร”

เมื่อเปิดประตูโบสถ์เข้าไปจะพบกับภาพไฮไลต์คือภาพ “พุทธจักษุ: ดวงตาแห่งการตื่นรู้” เป็นภาพพระพักตร์ของพระพุทธเจ้าขนาดใหญ่อยู่ด้านหลังพระประธาน ส่วนผนังฝั่งตรงข้ามคือภาพ “วัฏสงสาร” เล่าถึงการเวียนว่ายตายเกิด ความลุ่มหลง กิเลสต่างๆ ซึ่งในภาพนี้พิเศษตรงที่ใส่วัฏสงสารที่เป็นเรื่องราวของคนในยุคปัจจุบันแนะนำให้ค่อยๆ ไล่รายละเอียดของลายเส้น ถ้าสังเกตดีๆ จะพบกับเทคโนโลยีสิ่งของต่างๆ ที่เราๆ ในปัจจุบันต่างก็ติดยึดลุ่มหลง ถือเป็นการบันทึกประวัติศาสตร์สมัยใหม่ลงไปในงานพุทธศิลป์ร่วมด้วย


สำหรับ วัดสุทธิวราราม ถือได้ว่าเป็นวัดที่สนับสนุนศิลปะร่วมสมัยมาโดยตลอด เช่นถ้าย้อนกลับไปใน พ.ศ.2562 หากยังจำกันได้วัดสุทธิวรารามเคยปิดโบสถ์จัดงาน “โพธิเธียเตอร์ : แก่นเดิม เปลือกใหม่ของพุทธศาสน์” กับครั้งแรกในอุโบสถวัดที่ไม่ได้ให้เข้าไปไหว้พระแต่ให้เข้าไปสนุกกับงานศิลปะรูปแบบใหม่ Projection Mapping จัดเต็มแสง สี เสียง และเรื่องราวพุทธประวัติที่สนุกแบบไม่ต้องท่องจำ


การเปลี่ยนวัดเป็นอาร์ตแกลเลอรีที่มีทั้งงานศิลปะถาวรและศิลปะหมุนเวียนเหล่านี้แม้จะต้องอาศัยการตีความจากผู้ชมอยู่บ้าง และแน่นอนว่าประสบการณ์ของผู้ชมแต่ละคนแตกต่างกัน ผู้ชมแต่ละคนอาจจะเข้าใจที่ศิลปินต้องการสื่อสารไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้ชมจะได้แน่นอนคือความกล้าที่จะเดินเข้าวัด ถ่ายรูป ตั้งข้อสงสัย และอาจจะกลับบ้านไปขบคิดหาคำตอบต่อว่าแล้วความหมายของรูปเหล่านั้น…แท้จริงคืออะไร




Thank to : https://www.sanook.com/travel/1433385/
13 ก.ค. 65 (15:00 น.) , Sarakadeelite : สนับสนุนเนื้อหา
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ