ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: กุศโลบายกับความเชื่อเกี่ยวกับ "การกรวดน้ำ"  (อ่าน 800 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

ภาพ : Shutter Stock


กุศโลบายกับความเชื่อเกี่ยวกับ "การกรวดน้ำ"

มือขวาจับภาชนะ มือซ้ายประคอง รินน้ำใส่ภาชนะรองรับ พระสงฆ์สวดบท ยถา...เป็นอาการคุ้นเคยของพระพุทธศาสนิกชนผู้เคยร่วมพิธีประกอบการบุญการ กุศลในทางพระพุทธศาสนา รับรู้โดยทั่วไป ว่าอาการเช่นนี้ เรียก “กรวดน้ำ” กรวดน้ำ ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายไว้ว่า “แผ่ส่วนบุญด้วยวิธีหลั่งน้ำ”
 
@@@@@@@

การกรวดน้ำ

ก็คือการหลั่งน้ำ ตามประเพณีไทยใช้หลั่งลงในภาชนะอย่างใดอย่างหนึ่ง ในเวลาประกอบการกุศล เช่น การให้ทานเสร็จแล้ว ตอนที่พระอนุโมทนา คือ สวดบท ยถา วาริวหา ฯลฯ ก็เริ่มกรวดไปหยุดตอนถึง มณิ โชติรโส ยถา ก็นำน้ำที่กรวดแล้วนั้นไปเทลงบนแผ่นดิน

จุดประสงค์การกรวดน้ำ

ในตำราเก่าๆ รวบรวมไว้โดยนาค ใจอารีย์ กล่าวถึงจุดประสงค์ของการกรวดน้ำเพื่อแสดงเจตนาบริจาค อย่างแท้จริง และเด็ดขาด ปราศจากความตระหนี่เหนี่ยวแน่น เป็นการบริจาคด้วยน้ำใจอันบริสุทธิ์ มิได้หวังผลใดๆ ตอบแทนจากผู้รับบริจาคเลย เหมือนน้ำใสสะอาดปราศจากมลทิน ที่ได้หลั่งออกนั้น

คำว่า กรวดน้ำ ตามความหมายในภาษาไทย บางความหมาย หมายถึง ตัดขาด

เช่นในเมื่อมีใครมายืมเงินหรือสิ่งของของเราแล้ว เผอิญผู้นั้นไม่ได้ใช้แล้วตายไป เมื่อเราจะสละให้เขาเสียเด็ดขาด ไม่ทวงถามอีกต่อไป เรามักจะกล่าวกันว่า กรวดน้ำคว่ำขันให้เขาไปเสีย แม้จะเป็นการจำใจยอมสละก็ต้องถือว่าเป็นการให้เด็ดขาดไปแล้ว จิตใจไม่มีที่จะคิดเรียกคืนอีก ถ้าไม่ทำเช่นนั้นก็ถือว่า วิญญาณของผู้ตายจะเป็นห่วงไม่ได้ไปเกิดไปขาน เดี๋ยวจะมาวนเวียนหลอกหลอนอยู่ ไม่รู้จบ เพราะฉะนั้น จะให้อะไรก็ตาม เมื่อมีการกรวดน้ำแล้วจึงถือว่าให้โดยเด็ดขาด ต่อมาคำว่ากรวดน้ำนี้จะกรวดจริงหรือไม่ก็ตาม เมื่อให้โดยเด็ดขาดแล้ว ก็เท่ากับว่าได้กรวดน้ำไปด้วย

@@@@@@@

กุศโลบายฝึกจิตใจให้มีเมตตากว้างขวาง

เพื่อแสดงความปรารถนาอันเป็นความตั้งใจมั่นซึ่งเรียกว่า อธิษฐาน ที่ตนต้องการผลสำเร็จอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น พระเวสสันดรบริจาคพระโอรสและพระธิดาแก่ตาเฒ่าชูชกก็ตั้งปรารถนาว่า

“ด้วยเดชผลทานในครั้งนี้ จงสำนึก จงสำเร็จแก่พระสร้อยสรรเพชรพุทธรัตนอนาวรญาณในอนาคตกาลโน้นเถิด”

เพื่อแสดงถึงความเป็นผู้มีใจกว้างขวาง ประกอบด้วยเมตตาธรรม โดยตั้งใจอุทิศส่วนกุศลที่ตนได้ทำนี้ เผื่อแผ่ไปในญาติมิตร สหายและสรรพสัตว์ทั่วไป ไม่เลือกหน้า

ดังจะเห็นได้ว่าในบทกรวดน้ำทุกบทจะมีคำแผ่ส่วนกุศล ให้คนและสัตว์ตลอดถึงเทพเจ้าทั่วไป ให้ได้มีส่วนได้รับผลบุญที่ตนได้กระทำเสมอ เท่ากับเป็นการฝึกหัดใจให้มีน้ำใจ คือให้เยือกเย็นชื่นฉ่ำอยู่ด้วยน้ำ คือ เมตตาเป็นนิจ

ความเชื่อในเรื่องของพระแม่ธรณี

อีกประการหนึ่งเชื่อกันว่า น้ำที่กรวดนี้เมื่อนำไปเทลงบนแผ่นดินแล้วแม่พระธรณีจะรับด้วยมวยผมเก็บรักษา ไว้ให้เพื่อเป็นพยานว่า ผู้นั้นได้ทำบุญกุศลไว้มากน้อยเท่าไหร่ เมื่อถึงคราวคับขันที่มีความจำเป็นจะต้องขอความช่วยเหลือให้ขจัดปัดเป่าสิ่ง ชั่วร้ายทั้งหลาย ก็จะได้อ้างเป็นพยาน ช่วยปราบปรามเหล่าปัจจามิตรให้พินาศพ่ายแพ้ไปได้ เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราได้เคยทรงอ้างมาแล้ว แม่พระธรณีก็ได้มารีดมวยผมให้น้ำท่วมเหล่ามารร้ายพ่ายแพ้ไป นี่ท่านกล่าวเปรียบเทียบให้เห็นเป็นตัวบุคคลขึ้น

แต่ถ้าจะกล่าวเป็นทางธรรมแม่พระธรณีนั้นก็คือ บารมีอันได้แก่คุณงามความดีต่างๆ ที่พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญสะสมมาในอเนกชาติ แม้ด้วยการกรวดน้ำเพียงนิดหน่อย แต่ละครั้งที่ทำบุญกุศล แต่อาศัยที่ทำบ่อยครั้งและมากครั้งก็มากมายเหลือเกินจนเทียบได้กับน้ำในมหาสมุทร


 

แหล่งข้อมูล :-
ปราณสุวีร์ อาวอร่ามรัศมิ์ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
Thank to : https://www.trueplookpanya.com/dhamma/content/52339
Posted By มหัทธโน | 17 ก.ย. 52
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ