ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เปิดวิธีทำบุญ 3 แบบของคนไทย เข้าใจคำว่า “บุญ” แค่ไหน  (อ่าน 924 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



เปิดวิธีทำบุญ 3 แบบของคนไทย เข้าใจคำว่า “บุญ” แค่ไหน

ช่วงนี้เป็นช่วงบุญทอดกฐิน ชาวพุทธส่วนใหญ่เชื่อว่า บุญทอดกฐินนั้นได้บุญเยอะ คนไทยมักใจบุญชอบทำทานอยู่เสมอ แต่ส่วนใหญ่มักไม่เข้าใจคำว่า “บุญ” จนมีคนพูดว่า “คนไทยบ้าบุญ” “หลวงพ่อพุทธทาส” แห่งสวนโมกข์ พูดถึงการทำบุญไว้ 3 แบบ คือ “ทำบุญอาบน้ำโคลน-ทำบุญอาบน้ำหอม-ทำบุญเหมือนอาบน้ำสะอาด”

ช่วงนี้เป็นช่วงบุญทอดกฐิน ซึ่งมีระยะเวลาการทอดกฐินเพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น ตั้งแต่ วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึง วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 เลยเวลาจากนี้ไป ไม่สามารถทอดกฐินได้ ชาวพุทธส่วนใหญ่เชื่อว่า บุญทอดกฐินนั้นได้บุญเยอะ 

พูดถึง “บุญ” คนไทยเตรียมยกมือขึ้นพนม พร้อมกล่าวคำว่า “สาธุๆๆๆ” คนไทยมักใจบุญชอบทำทานอยู่เสมอ แต่ส่วนใหญ่มักไม่เข้าใจคำว่า “บุญ” จนมีคนพูดว่า “คนไทยบ้าบุญ”

“บุญ” มาจากศัพท์ภาษาบาลีว่า “ปุญญะ” ซึ่งแปลว่า เครื่องชำระจิตใจให้สะอาด บริสุทธิ์ บุญเป็นเครื่องจำกัดสิ่งเศร้าหมอง ที่เรียกว่า “กิเลส” ดังนั้น การทำบุญจึงเป็นการช่วยลด ละ เลิก ความโลภ ความเห็นแก่ตัว “หลวงพ่อพุทธทาส” แห่งสวนโมกข์ พูดถึงวิธีทำบุญไว้ 3 แบบ คือ

1. ทำบุญอาบน้ำโคลน คือ การทำบาปแลกบุญ แลกด้วยการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต และเอาเนื้อสัตว์เหล่านั้นมาจัดงานบุญเลี้ยงกัน แลกด้วยการเลี้ยงสุรา อบายมุข จนเกิดการทะเลาะวิวาทกัน จึงเรียกว่า การทำบาปแลกบุญ เหมือนกับเอาน้ำโคลนมาอาบน้ำ นอกจากร่างกายจะไม่สะอาดแล้ว ยังสกปรกเพิ่มขึ้นอีก

2. ทำบุญอาบน้ำหอม คือ คนที่ทำบุญเอาหน้า ยึดมั่นถือมั่นในบุญ บ้าสวรรค์ เป็นการทำบุญด้วยกิเลส หรือความยึดติดกับบุญจนหัวปรักหัวปรำ ทำแล้วหวังผล เหมือนเอาน้ำที่หอมมาอาบชำระร่างกาย

3. ทำบุญเหมือนอาบน้ำสะอาด คือ คนที่ทำบุญด้วยความตั้งใจ มีความสงบ ร่มเย็น ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นว่า ของที่ทำบุญไปนั้นเป็นของเรา ต้องมีชื่อเรา เหมือนคนอาบน้ำด้วยน้ำสะอาด ย่อมสะอาดกว่าบุคคล 2 ประเภทแรก


@@@@@@@

มีเรื่องเล่าว่า มีคุณยายสามคน “ยายมี” “ยายสี” “ยายดี” เป็นพี่น้องกัน อาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน ไม่มีครอบครัว คุณยายทั้งสามมีอาชีพขายของในตลาดสด อุปนิสัยของคุณยายทั้งสามเหมือนกัน คือ เป็นคนขี้ตระหนี่ ไม่ชอบการทำบุญ แม้แต่การช่วยเหลือสาธารณประโยชน์ ก็ไม่ทำ มีอยู่คืนหนึ่ง ไฟไหม้บ้านของคุณยายทั้งสาม ด้วยอายุมากแล้ว คุณยายทั้งสามจึงออกจากบ้านไม่ทัน เสียชีวิตทั้งสามคน

ดวงวิญญาณของคุณยายทั้งสามคนจึงไปที่ “สัมปรายภพ” มีนายนิรยบาล (ยมบาล) เป็นผู้ดูแล ยมบาลก็ถามคุณยายทั้งสามว่า ขณะอยู่โลกมนุษย์คุณยายทั้งสามทำกุศล คุณงามความดี อะไรกันมาบ้าง คุณยายทั้งสามก็มองหน้ากัน คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก เพราะทั้งสาม ไม่เคยสร้างกุศลใดๆ เลย

แต่ด้วยความกลัว “ยายมี” จึงตอบยมบาลเป็นคนแรก
แกนึกถึงแต่สิ่งที่เคยทำทุกวัน “ยายมี” จึงตอบยมบาลด้วยเสียงสั้นเครือว่า “ขายกะปิ”
ยมบาลซึ่งหูหนวก ได้ยินว่า “สร้างกุฏิ” จึงตัดสินให้ยายมี ไปสวรรค์ชั้นที่ 1

“ยายสี” กับ “ยายดี” สงสัยว่าเหตุใด “ยายมี” จึงได้ขึ้นสวรรค์
ยมบาลตะโกนถามต่อว่า แล้ว “ยายสี” ล่ะ แกทำคุณงามความดีอะไรมา
“ยายสี” นึกไม่ออก คิดได้แต่ว่า ขายของทุกวัน จึงตอบไปว่า “ขายปลาร้า”
ยมบาลได้ยินว่า “สร้างศาลา” จึงตัดสินให้ “ยายสี” ขึ้นสวรรค์ชั้น 2

สุดท้ายยมบาลหันไปถาม “ยายดี” ว่า แกล่ะ “ยายดี” แกทำคุณงามความดี บุญกุศลใดมาบ้างในโลกมนุษย์
“ยายดี” ตกใจ รีบตอบ “ขายปลาสด”
ยมบาลหูหนวก ได้ยินว่า “สร้างอุโบสถ” จึงตัดสินให้ยายดี ขึ้นสวรรค์ชั้นสูงสุด เหตุสร้างบุญใหญ่

@@@@@@@

เราอาจจะไม่โชคดี เหมือน “ยายมี” “ยายสี” “ยายดี” ที่ยมบาลหูหนวก อาตมาได้ยินว่า ยมบาลท่านนี้เกษียณอายุราชการไปแล้วด้วยนะ ร่วมกันสร้างบุญให้ถูกวิธี และลองพิจารณาดูให้ดีว่า เราทำบุญแบบไหน.!!






ขอขอบคุณ :-
คอลัมน์ : ลานธรรม
โดย : พระครูปลัดบัณฑิต อินฺทเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสังข์กระจายวรวิหาร รองประธานเครือข่ายธรรมะอารมณ์ดี
website : https://www.dailynews.co.th/news/1596968/
20 ตุลาคม 2565 , 10:50 น.
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ