ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: "สันโดษ" เคล็ดลับของความสุข | หากรู้จักพอ ก็เป็นสุขได้  (อ่าน 828 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


"สันโดษ" เคล็ดลับของความสุข | หากรู้จักพอ ก็เป็นสุขได้

เมื่อไม่นานมานี้ ได้รับหนังสือสองเล่ม เล่มหนึ่งชื่อ สันโดษ-เคล็ดลับของความสุข กับอีกเล่มหนึ่งคือเรื่อง สติ เป็นธรรมเอก ที่น่าทึ่งผู้เขียนหนังสือธรรมเป็นภาษาไทยผู้นี้ เป็นพระภิกษุชาวญี่ปุ่น ชื่อ พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก

อ่านตามประวัติของท่านในปกหลังของหนังสือเล่มหนึ่ง ปรากฏว่าท่านเป็นชาวญี่ปุ่น เป็นสัทธิวิหาริกรุ่นแรกของหลวงพ่อชา หรือพระโพธิญาณเถร (ชา สุภัทโท) ท่านอุปสมบทเมื่อ พ.ศ. 2518 พระมิตซูโอะ คเวสโกได้บำเพ็ญเพียรมาหลายรูปแบบ ได้ธุดงค์มาแล้วหลายแห่ง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งที่อุดมสมบูรณ์และที่ทุรกันดาร

ปัจจุบันท่านเป็นเจ้าอาวาส วัดสุนันทวนาราม บ้านท่าเตียน ตำบลไทรโยค อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี วัดนี้เป็นวัดสาขาที่ 117 ของวัดหนองป่าพง อุบลราชธานี

ในหนังสือที่ชื่อ สติ เป็นธรรมเอก มีภาพบริเวณวัดสุนันทวนาราม เป็นภาพพระอุโบสถ ภาพอาคารศูนย์เยาวชน และภาพภายในศาลาปฏิบัติธรรม เห็นจากภาพก็รู้ได้เลยว่า เป็นสถาปัตยกรรมที่มีอิทธิพลของวัฒนธรรมญี่ปุ่นซึ่งมีความเรียบง่าย เป็นลักษณะสำคัญ นอกจากนี้ที่เห็นจากภาพบริเวณวัดก็ดูร่มเย็น ได้คิดอยู่ในใจว่าจะหาโอกาสไปกราบมนัสการพระภิกษุญี่ปุ่นรูปนี้ และจะได้มีโอกาสชมบริเวณวัดของท่านด้วย

หนังสือ 2 เล่มของ พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก ได้เลือกเอาเล่มเล็ก ที่ชื่อว่า สันโดษ-เคล็ดลับของความสุข มากล่าวในที่นี้ ในหนังสือเล่มนี้ ท่านผู้เขียนได้ฝากข้อคิดต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องสันโดษไว้หลายประการ ขึ้นต้นท่าน ก็บอกง่ายๆ ว่า “ความสันโดษ อันเป็นบ่อเกิดของความพอใจสุขใจ มันก็ผุดขึ้นมาเอง โดยอัตโนมัติ ที่นี่ เดี๋ยวนี้”

คิดดูแล้วก็เป็นความจริงอย่างที่ท่านกล่าว คนเรามีสันโดษเสียอย่าง ความพอใจและความสุขใจมันก็เกิดตามขึ้นมาเอง.!


@@@@@@@

ท่านอธิบายต่อไปว่า “สันโดษ มาจากภาษาบาลีว่า สันโตสะ สัน แปลว่า ตน โตสะ แปลว่า ยินดี สันโดษจึงแปลว่า ยินดี พอใจ อิ่มใจ สุขใจ กับของของตน”

ท่านกล่าวด้วยว่า สันโดษคือการให้รู้จักพอ ให้รู้จักประมาณตน ลักษณะของสันโดษ มี 3 ประการ คือยินดีตามมี ยินดีตามได้ และยินดีตามควร ซึ่งได้แก่ควรแก่ฐานะ ควรแก่ความสามารถ และควรแก่ศีลธรรม

เมื่อพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก พูดถึงสันโดษ คือความรู้จักพอ ทำให้อดคิดถึงคุณอากร ฮุนตระกูลไม่ได้ คุณอากรได้ล่วงลับไปหลายปีแล้ว คุณอากรเคยเป็นเจ้าของและผู้ประกอบการโรงแรมใหญ่ๆ กลางกรุงเทพฯ หลายแห่ง อย่างเช่น โรงแรมอิมพีเรียล ควีนส์ปาร์ค โรงแรมธารา และโรงแรมอื่นๆ กลางเมืองอีกหลายแห่ง

วันดีคืนดีคุณอากรลุกขึ้นประกาศขายโรงแรมเหล่านั้นทั้งหมด เว้นแต่โรงแรมที่เกาะสมุยและโรงแรมเล็กๆ อีกแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ

ครั้งนั้นคุณอากรประกาศว่า “พอแล้ว.!” และได้เปิดเผยด้วยว่าแพทย์ได้ตรวจพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งลำไส้ คุณอากรขยายความด้วยว่า คนเราต้องรู้จักพอ.! รู้จักหยุดเสียบ้าง.! ไม่ใช่ทุ่มเทกับการทำมาหากิน หาเงินหาทองตลอดไป ไม่มีวันหยุด.!

@@@@@@@

ผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมคุณอากรครั้งหนึ่งที่สมุย ทั้งที่ร่างกายต้องต่อสู้กันโรคร้ายซึ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แต่คุณอากร ก็สามารถดำรงชีวิตอย่างเต็มไปด้วยความสุข กินข้าวกินปลาได้อย่างร่าเริง หลังอาหารเย็นแล้วยังร่วมร้องเพลง และพูดเล่นหยอกเอินกับแขกชาวต่างประเทศที่มาพักที่โรงแรม เป็นประจำ

นี่เป็นตัวอย่างของความสุขที่เกิดจากความรู้จักพอ หรือความสันโดษ.!

ต่อมาเกิดวิกฤตเศรษฐกิจฟองสบู่แตก บรรดาผู้ประกอบการธุรกิจต่างต้องเผชิญกับมหัตภัยทางเศรษฐกิจครั้งนั้นกันเกือบถ้วนหน้า แต่คุณอากรรอดตัวไปได้.! ไม่เดือดเนื้อร้อนใจเหมือนคนอื่นเขา.!

ผมมีโอกาสพูดโทรศัพท์กับคุณอากรครั้งหนึ่ง ผมบอกว่า ตัวแกเองรอดพ้นจากความพินาศทางเศรษฐกิจครั้งนี้ เพราะความ “รู้จักพอ” แท้ๆ ทีเดีย.ว!

คุณอากรหัวเราะพูดตอบมาทางโทรศัพท์ว่า “เออ.! จริงๆ ด้วย.! ผมรอดตัวมาได้ก็เพราะผมรู้จักพอนั่นเอง.!”

ครั้งนั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้พูดคุยกับคุณอากร เพราะหลังจากนั้นไม่นานแกก็เสียชีวิต.!

นี่เป็นตัวอย่างของชีวิตที่ประกอบด้วยความสันโดษ.!

@@@@@@@

กลับไปยังหนังสือเรื่อง สันโดษ-เคล็ดลับของความสุข ของพระอาจารย์ มิตซูโอะ คเวสโก อันที่จริงในบ้านเรา เคยมีความเข้าใจผิด คิดว่า ความสันโดษเป็นศัตรูที่ขัดขวางความเจริญก้าวหน้าของบ้านเมือง ไปคิดกันเสียว่าสันโดษเป็นหลักธรรมที่สอนให้เป็นคนที่ขาดความรู้สึกกระตือรือร้น ทำให้คนเฉื่อยชา

สมัยหนึ่งในยุคพัฒนาของ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ถึงกับมีการห้ามมิให้พระเทศนาสั่งสอนเรื่องสันโดษ เพราะยุคนั้นเชื่อว่า “งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข” ครั้งนั้นเชื่อกันว่า การสอนหลักธรรมเรื่องสันโดษ จะทำให้คนไทยเป็นคนเฉื่อยชา ไม่มีแรงผลักดันในการพัฒนาประเทศ.!

ในเรื่องนี้พระอาจารย์มิตซูโอะ ได้ชี้ให้เห็นว่า “คำสอนของพระพุทธเจ้าเรื่องสันโดษ ไม่ได้สอนให้คนเกียจคร้านท้อถอย ไม่ขยันหมั่นเพียรในการทำหน้าที่การงาน ซึ่งเป็นอุปสรรคขวางกั้นความเจริญอย่างที่มีการเข้าใจผิดกัน”

ตรงกันข้ามพระพุทธศาสนามีหลักคำสอนเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเทเอาจริงเอาจังกับกิจการต่างๆ ของชีวิตทุกด้าน คือหลักอิทธิบาท 4

หลักอิทธิบาท 4 มีองค์ประกอบ 4 ประการ ประการแรกเรียกว่า ฉันทะ คือมีความพอใจในสิ่งที่ทำ ประการที่สอง คือ วิริยะ คือความเพียรพยายามตั้งใจทำ ประการที่สาม คือ จิตตะ คือความเอาใจใส่กับสิ่งที่ทำอยู่ และประการสุดท้าย คือ วิมังสา คือการใช้ปัญญาใคร่ครวญหาช่องทางพัฒนาให้สิ่งที่ทำดียิ่งขึ้น

พระอาจารย์มิตซูโอะ ถึงแม้จะเป็นชาวต่างประเทศ แต่ได้สรุปหลักธรรมเป็นภาษาไทย ได้อย่างสละสลวยและสอดคล้องเป็นอย่างยิ่ง ท่านบอกว่า “อิทธิบาท 4 เป็นการสร้างเหตุที่ดีของการกระทำ เพื่อให้ประสบความสำเร็จ สันโดษ เป็นความยินดีพอใจในผลที่ได้รับ”

@@@@@@@

ท่านยังบอกด้วยว่า “เมื่อเราตั้งใจทำดีด้วยใจที่สงบ เราได้ทำเหตุที่ดีแล้ว ก็ต้องยอมรับผลด้วยใจที่สงบเหมือนกัน จึงจะเรียกว่าทำงานด้วยความปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่น”

ขอให้ระลึกว่า ผู้เขียนได้อธิบายหลักธรรมในพระพุทธศาสนาอย่างกระจ่างชัดถึงเพียงนี้ เป็นพระภิกษุชาวญี่ปุ่น ซึ่งใช้ชีวิตของท่านในช่วงเวลา 30 ปีที่ผ่านมา เป็นพระป่าอยู่ที่อุบลราชธานีและต่อมาก็ที่กาญจนบุรี

นอกจากนี้พระอาจารย์ มิตซูโอะ คเวสโก ยังเป็นผู้ที่นำเอาหลักธรรมสองประการ คือหลักอิทธิบาท 4 มาประกบกับหลักธรรมเรื่องสันโดษ ทำให้เราได้เห็นแนวทางการดำรงชีวิตที่สมบูรณ์ของพุทธศาสนิกชนนั้นควรเป็นอย่างไร

เมื่อพิจารณาคำอธิบายหลักเรื่องสันโดษ กับหลักอิทธิบาท 4 ของท่านอาจารย์มิตซูโอะแล้ว ทำให้รำลึกถึงแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง จะเห็นได้ว่าแนวพระราชดำริเรื่องนี้ ต้องมีพื้นฐานของหลักธรรมสันโดษ เพราะคนเราต้องรู้จักความ “พอ” เสียก่อน จึงจะเกิดความ “พอเพียง” ขึ้นได้

นอกจากนี้ยังต้องมีหลักอิทธิบาท 4 อีกด้วย เพื่อให้ในระบบเศรษฐกิจดังกล่าว สามารถมีพลังขับเคลื่อนได้ด้วยความพอประมาณของผู้คนในระบบ เศรษฐกิจพอเพียงนั่นเอง

ฉะนั้น หลักธรรมเรื่อง สันโดษ และหลักธรรมเรื่อง อิทธิบาท 4 จะทำให้เราเกิดความเข้าใจซาบซึ้งในแนวพระราชดำริ เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น


@@@@@@@

ในอีกตอนหนึ่งของหนังสือเล่มเล็กเล่มนี้ พระอาจารย์มิตซูโอะ ได้ชี้ให้เห็นถึงศัตรูของความสันโดษ มีอยู่ 4 ประการ

ประการแรก คนเรามักไม่รู้จักพอ ไม่รู้จักประมาณ ในอำนาจยศและตำแหน่ง ได้เท่าใดก็ไม่รู้จักพอ อย่างให้ได้เพิ่มในอำนาจในยศในตำแหน่งอีกไม่รู้จบ อย่างเช่นเป็นผู้นำประเทศด้วยรัฐบาลเสียงข้างมากมา 4 ปีแล้ว ก็ยังยากเป็นต่ออีก 4 ปี แถมเป็นรัฐบาลพรรคเดียวเสียด้วย ได้ 8 ปีแล้วก็คงไม่พอ อยากเป็นผู้นำประเทศยาวนานถึง 20 ปีทีเดียว อย่างนี้เรียกว่าไม่มีความสันโดษในการแสวงหาอำนาจยศศักดิ์และตำแหน่ง

ประการที่สอง คนเราไม่รู้จักพอ ไม่รู้จักประมาณในเรื่องทรัพย์สมบัติ ยิ่งมีมากเท่าใด ยิ่งต้องการให้ความมั่งคั่งได้เพิ่มพูนขึ้นมาอีกอย่างไม่รู้จบ.! คนเป็นมหาเศรษฐีแล้ว แต่ก็ยังตั้งหน้าตั้งตากอบโกยความร่ำรวยมั่งคั่งไม่รู้จบรู้สิ้น! เรียกว่าไม่รู้จักพอ ตั้งหน้าตั้งตากอบโกยความมั่งคั่งอย่างไม่หยุดยั้ง

ประการที่สาม คนเรามักไม่มีความพอประมาณ ไม่รู้จักพอ ในการเสพกามคุณ มักแสวงหาความพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัสทางกาย ไม่รู้จบไม่รู้สิ้น

ประการที่สี่ คนเรามักไม่รู้พอ ไม่รู้จักการพอประมาณในการบริโภคอาหาร อันที่จริงเรื่องความสันโดษในการบริโภค สามารถเป็นการลดความอ้วนได้ดีที่สุด ซึ่งจะทำให้มีสุขภาพที่แข็งแรงอีกด้วย

@@@@@@@

ยุคปัจจุบันเป็นยุคของลัทธิบริโภคนิยม เป็นยุคที่มีการกระตุ้นให้มีการกำเริบในการบริโภคด้วยวิธีการการตลาด หลักธรรมเรื่องความสันโดษ เป็นพลังที่ต่อต้านลัทธิบริโภคนิยม แต่จะต่อต้านได้เพียงไหน ก็ต้องดูกันต่อไป.!






Thank to : https://mgronline.com/daily/detail/9480000078934
เผยแพร่ : 13 มิ.ย. 2548 20:41 , โดย : เกษม ศิริสัมพันธ์
Photo : pinterest
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 12, 2022, 06:10:35 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ