ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: โกณฑัญญะ พราหมณ์ผู้พยากรณ์ทางเดียว  (อ่าน 818 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
โกณฑัญญะ พราหมณ์ผู้พยากรณ์ทางเดียว
« เมื่อ: ธันวาคม 13, 2022, 06:10:51 am »
0




โกณฑัญญะ พราหมณ์ผู้พยากรณ์ทางเดียว

หลังจากที่ท่านพระดาบสกาฬเทวิลได้เยี่ยมเยียนพระโอรสแล้ว ทำให้ทราบว่าตนมีบุญน้อยจะไม่ได้พบพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงร้องไห้ออกมา หลังจากนั้นท่านพระดาบสทำอย่างไร ติดตามต่อได้เลยครับ

ลำดับนั้น ท่านจึงใคร่ครวญดูว่า บรรดาพวกญาติของเรา ญาติผู้ใดจักได้ทันเห็นบุรุษนี้เป็นพระพุทธเจ้าบ้างไหม ก็ได้เห็นนาลกทารกผู้เป็นหลานของตน. ท่านจึงไปยังเรือนของน้องสาวแล้วถามว่า นาลกะบุตรของเจ้าอยู่ไหน.  น้องสาวตอบว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า เขาอยู่ในเรือนเจ้าค่ะ.

พระดาบสกล่าวว่า จงไปเรียกเขามา ครั้นให้เรียกมาแล้ว จึงพูดกะกุมารผู้มายังสำนักของตนว่า นี่แน่ะพ่อหลานชาย พระราชบุตรประสูติในราชสกุลของพระเจ้าสุทโธทนมหาราช พระราชบุตรนั่นเป็นหน่อเนื้อพุทธางกูร ล่วงไป ๓๕ ปีจักได้เป็นพระพุทธเจ้า เจ้าจักได้ทันเห็นพระองค์  เจ้าจงบวชเสียในวันนี้ทีเดียว.

ฝ่ายทารกผู้เกิดในตระกูลมีทรัพย์ ๘๗ โกฏิคิดว่า ท่านลุงจักไม่ชักชวนเราในสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ ทันใดนั้นเองจึงให้คนไปซื้อผ้ากาสายะและบาตรดินมาจากตลาด แล้วปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะประคองอัญชลีมุ่งหน้าไปทางพระโพธิสัตว์ โดยคิดว่า เราบวชอุทิศท่านผู้อุดมบุคคลในโลก ดังนี้แล้วกราบไหว้ด้วยเบญจางคประดิษฐ์  เอาบาตรใส่ถุงคล้องจะงอยบ่า เข้าป่าหิมพานต์ กระทำสมณธรรม.


@@@@@@@@

ท่านนาลกะนั้น เข้าไปเฝ้าพระตถาคตผู้ได้บรรลุพระปรมาภิสัมโพธิญาณแล้ว ขอให้ตรัสนาลกปฏิปทา แล้วกลับเข้าป่าหิมพานต์อีก บรรลุพระอรหัตแล้วปฏิบัติปฏิปทาอย่างอุกฤษฎ์ รักษาอายุอยู่ได้ ๗ เดือนเท่านั้นยืนพิงภูเขาทองลูกหนึ่ง อยู่ท่าเดียว ปรินิพพานแล้วด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ

ฝ่ายพระโพธิสัตว์แล พระประยูรญาติทั้งหลายให้สนานพระเศียรในวันที่ ๕ แล้วคิดกันว่า จักเฉลิมพระนาม จึงให้ฉาบทาพระราชมณเฑียรด้วยคันธชาติ ๔ ชนิด โปรยดอกไม้มีข้าวตอกเป็นที่ ๕ ให้จัดข้าวปายาสล้วนๆ แล้วเชิญพราหมณ์ ๑๐๘ คน ผู้เรียนจบไตรเพท ให้นั่งในพระราชมณเฑียร ให้ฉันโภชนะอย่างดี กระทำสักการะอย่างมากมายแล้วให้ทายพระลักษณะว่า อะไรจักเกิดมีหนอแล. บรรดาพราหมณ์เหล่านั้น

ครั้งนั้น พราหมณ์ ๘ คนนั้น คือ รามพราหมณ์ ธชพราหมณ์ ลักขณพราหมณ์ มันตีพราหมณ์ ยัญญพราหมณ์ สุโภชพราหมณ์ สุยามพราหมณ์ และสุทัตตพราหมณ์ เป็นผู้จบเวทางคศาสตร์มีองค์ ๖ กระทำให้แจ้งซึ่งมนต์แล้ว  ด้วยประการฉะนี้


พราหมณ์ได้รับเชิญมาพยากรณ์พระกุมาร

พราหมณ์เฉพาะ ๘ คนนี้นี่แล ได้เป็นผู้ทำนายพระลักษณะ. แม้พระสุบินในวันที่ถือปฏิสนธิ พราหมณ์ทั้ง ๘ คนนี้นั่นแหละ ก็ได้ทำนายแล้ว. บรรดาพราหมณ์ทั้ง ๘ คนนั้น ๗ คนชูขึ้น ๒ นิ้ว ทำนายพระโพธิสัตว์นั้นเป็น ๒ สถานว่า ผู้ประกอบด้วยพระลักษณะเหล่านี้ ถ้าอยู่ครองเรือนจักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ถ้าบวชจักได้เป็นพระพุทธเจ้า แล้วบอกสิริสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิทั้งหมด.

แต่มาณพชื่อโกณฑัญญะ โดยโคตรเป็นหนุ่มกว่าพราหมณ์เหล่านั้นทั้งหมด ตรวจดูลักษณสมบัติอันประเสริฐของพระโพธิสัตว์แล้ว ชูขึ้นนิ้วเดียว พยากรณ์โดยสถานเดียวเท่านั้นว่า พระกุมารนี้ไม่มีเหตุที่จะดำรงอยู่ท่ามกลางเรือน พระกุมารนี้จักได้เป็นพระพุทธเจ้า มีกิเลสดุจหลังคาอันเปิดแล้วโดยส่วนเดียว.

อันโกณฑัญญมาณพนี้ได้กระทำบุญญาธิการไว้ เป็นสัตว์ผู้จะเกิดในภพสุดท้าย มีปัญญาเหนือคนทั้ง ๗ นอกนี้ ได้เห็นคติเดียวเท่านั้นกล่าวคือ พระโพธิสัตว์ผู้ประกอบด้วยลักษณะเหล่านี้จะเป็นพระพุทธเจ้าโดยแน่นอน เพราะเหตุนั้น จึงชูขึ้นนิ้วเดียวแล้วพยากรณ์อย่างนั้น.

ลำดับนั้น พราหมณ์ทั้งหลายเมื่อจะเฉลิมพระนามของพระโพธิสัตว์นั้น จึงขนานพระนามว่า สิทธัตถะ เพราะกระทำให้สำเร็จความต้องการแก่โลกทั้งปวง



พราหมณ์โกณฑัญญะพยากรณ์พระกุมารต้องได้เป็นพระพุทธเจ้าแน่นอน

ลำดับนั้น พราหมณ์เหล่านั้นจึงไปยังเรือนของตนๆ เรียกลูกๆ มาบอกว่า นี่แน่ะพ่อทั้งหลาย พวกเราเป็นคนแก่ จะอยู่ถึงพระราชบุตรของพระเจ้าสุทโธทนมหาราชบรรลุพระสัพพัญญุตญาณหรือไม่(ก็ไม่รู้) เมื่อพระราชกุมารนั้นบรรลุพระสัพพัญญุตญาณแล้ว พวกเจ้าพึงบวชในสำนักของพระองค์. พราหมณ์ทั้ง ๗ คนนั้นดำรงอยู่ตราบชั่วอายุแล้วได้ไปตามกรรม ส่วนโกณฑัญญมาณพเท่านั้นยังมีชีวิตอยู่.

โกณฑัญญมานพนั้น เมื่อพระมหาสัตว์อาศัยความเจริญแล้วออกมหาภิเนษกรมณ์บวชแล้ว เสด็จถึงอุรุเวลาประเทศโดยลำดับ ทรงพระดำริว่า ภูมิภาคนี้น่ารื่นรมย์จริงหนอ ที่นี้สมควรที่จะบำเพ็ญเพียรของกุลบุตรผู้มีความต้องการจะบำเพ็ญเพียร จึงเสด็จเข้าไปอยู่ ณ ที่นั้น เขาได้ฟังข่าวว่า พระมหาบุรุษทรงผนวชแล้ว จึงเข้าไปหาพวกบุตรของพราหมณ์เหล่านั้น กล่าวอย่างนี้ว่า

    "ได้ยินข่าวว่า พระสิทธัตถกุมารทรงผนวชแล้ว พระองค์จักได้เป็นพระพุทธเจ้าโดยไม่ต้องสงสัย ถ้าบิดาของท่านทั้งหลายยังมีชีวิตอยู่ ก็จะพึงออกบวชวันนี้ ถ้าแม้ท่านทั้งหลายจะต้องการจงมาซิ พวกเราจักบวชตามพระมหาบุรุษนั้น"

พวกเขาทั้งหมดไม่สามารถจะมีฉันทะเป็นอันเดียวกันได้ บรรดาชนทั้ง ๗ นั้น ๓ คนไม่บวช ๔ คนนอกนี้บวช โดยตั้งให้โกณฑัญญพราหมณ์เป็นหัวหน้า พราหมณ์ทั้ง ๕ คนนั้น  จึงมีชื่อว่า พระปัญจวัคคีย์เถระ


@@@@@@@

ก็ในครั้งนั้น พระเจ้าสุทโธทนะไม่ต้องการให้พระกุมารออกบวช จึงตรัสถามว่า
    บุตรของเราเห็นอะไรจึงจักบวช 
    พวกอำมาตย์กราบทูลว่า เห็นบุพนิมิตทั้ง ๔.
    ตรัสถามว่า บุพนิมิตอะไรบ้าง.
    กราบทูลว่า คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และบรรพชิต.

พระราชาตรัสว่า จำเดิมแต่นี้ไป พวกท่านอย่าได้ให้คนเห็นปานนี้ เข้าไปยังสำนักแห่งบุตรของเรา  เราไม่มีกิจกรรมที่จะให้บุตรของเราเป็นพระพุทธเจ้า เรามีความประสงค์จะเห็นบุตรของเรา ครอบครองราชสมบัติจักรพรรดิ อันมีความเป็นอิสริยาธิบดีในทวีปทั้ง ๔ มีทวีปน้อยสองพันเป็นบริวาร ห้อมล้อมด้วยบริษัทอันมีปริมณฑล ๓๖ โยชน์ ท่องเที่ยวไปในพื้นท้องฟ้า

ก็แหละครั้นตรัสอย่างนี้แล้ว เพื่อที่จะห้ามมิให้บุพนิมิตทั้ง ๔ ประการนี้ มาสู่คลองจักษุพระกุมาร จึงทรงตั้งการอารักขาไว้ในที่ทุกๆ คาวุตในทิศทั้ง ๔



ปราสาทในเมืองกบิลพัสดุ์ ปัจจุบันยังคงเห็นร่องรอยความยิ่งใหญ่ในอดีต


เมืองกบิลพัสดุ์ในปัจจุบัน จากดาวเทียม ยังเห็นบริวเวณเมืองและปราสาทเก่าได้

ก็วันนั้น เมื่อตระกูลพระญาติแปดหมื่นตระกูลประชุมกันในมงคลสถานแล้ว พระญาติองค์หนึ่งๆ ได้อนุญาตบุตรคนหนึ่งๆว่า พระราชกุมารนี้ จะเป็นพระพุทธเจ้าหรือเป็นพระราชาก็ตาม พวกเราจักให้บุตรคนละคน  ถ้าแม้จักได้เป็นพระพุทธเจ้า จักเป็นผู้อันหมู่ขัตติยสมณะห้อมล้อมเที่ยวไป ถ้าแม้จักเป็นพระราชาจักเป็นผู้อันขัตติยกุมารห้อมล้อมกระทำไว้ในเบื้องหน้าเที่ยวไป. ฝ่ายพระราชาก็ทรงตั้งนางนมผู้ปราศจากสรรพโรค สมบูรณ์ด้วยรูปอันอุดมแก่พระโพธิสัตว์. พระโพธิสัตว์เจริญด้วยบริวารใหญ่ ด้วยสิริโสภาคย์อันยิ่งใหญ่

อยู่มาวันหนึ่ง พระราชาทรงมีงานพระราชพิธีชื่อว่า วัปปมงคล วันนั้นประชาชนต่างประดับประดาพระนครทั้งสิ้น  ประดุจเทพนครคนทั้งหมดมีทาสและกรรมกรเป็นต้น นุ่งห่มผ้าใหม่ ประดับด้วยของหอมและดอกไม้ เป็นต้น   ประชุมกันในราชสกุล เทียมไถถึงพันคันในงานพระราชพิธี.

ก็ในวันนั้น ไถ ๑๐๘ คัน หย่อนไว้คันหนึ่ง(คือ ๑๐๗  คัน) พร้อมทั้งโคผู้ผูกเชือกสายตะพาย หุ้มด้วยเงิน. ส่วนไถที่พระราชาทรงถือ หุ้มด้วยทองคำสุกปลั่ง. แม้เขา  เชือกสายตะพาย และปฏักของโคผู้ทั้งหลาย หุ้มด้วยทองคำทั้งนั้น.

พระราชาเสด็จออกด้วยบริวารใหญ่ ได้ทรงพาพระราชบุตรไปด้วย ในสถานที่ประกอบพระราชพิธี มีต้นหว้าต้นหนึ่ง  มีใบหนาแน่น มีร่มเงาชิดสนิท. พระราชาทรงให้ปูลาดพระที่บรรทมของพระกุมาร ณ ภายใต้ต้นหว้านั้น ให้ผูกเพดานขจิตด้วยดาวทองไว้เบื้องบน ให้แวดวงด้วยปราการคือพระวิสูตร วางการอารักขาเสร็จแล้ว พระองค์ทรงประดับเครื่องราชอลังการทั้งปวง ห้อมล้อมด้วยหมู่อำมาตย์เสด็จไปยังสถานที่จรดพระนังคัล


@@@@@@@

ณ ที่นั้นพระราชาทรงถือพระนังคัลทองคำ อำมาตย์ทั้งหลายถือไถเงิน ๑๐๗ คัน พวกชาวนาถือไถที่เหลือ. พวกเขาถือไถเหล่านั้นไถไปรอบๆ ส่วนพระราชาทรงไถจากด้านในไปสู่ด้านนอก ไถจากด้านนอกไปสู่ด้านใน. ในที่แห่งหนึ่ง มีมหาสมบัติ. พวกนางนมที่นั่งห้อมล้อมพระโพธิสัตว์ คิดว่าจักไปดูสมบัติของพระราชา จึงออกจากพระวิสูตรไปข้างนอก

พระโพธิสัตว์ทรงแลดูไปรอบๆ ไม่เห็นมีใครเลย จึงเสด็จลุกขึ้นโดยเร็ว ทรงนั่งขัดสมาธิกำหนดลมหายใจเข้าออก  ทำปฐมฌานให้เกิดขึ้นแล้ว. พวกนางนมเที่ยวไปในระหว่างเวลากินอาหาร จึงชักช้าไปหน่อยหนึ่ง. เงาของต้นไม้ที่เหลือคล้อยไป แต่เงาของต้นหว้านั้นคงตั้งอยู่เป็นปริมณฑล.

พวกนางนมคิดได้ว่า พระลูกเจ้าประทับอยู่พระองค์เดียวจึงรีบยกพระวิสูตรขึ้นเข้าไปภายใน เห็นพระโพธิสัตว์นั่งขัดสมาธิบนพระที่บรรทม และเห็นปาฏิหาริย์นั้น จึงไปกราบทูลแด่พระราชาว่าข้าแต่สมมติเทพ พระกุมารประทับนั่งอย่างนี้ เงาของต้นไม้อื่นๆ คล้อยไปแล้ว แต่เงาของต้นหว้าคงตั้งเป็นปริมณฑลอยู่. พระราชารีบเสด็จมาทรงเห็นปาฏิหาริย์ จึงทรงไหว้พระโอรสโดยตรัสว่า นี่แน่ะพ่อ นี้เป็นการไหว้เจ้าครั้งที่สอง



พระโพธิสัตว์ประทับนั่งสมาธิใต้ต้นหว้า ทำปฐมฌาณให้เกิดขึ้น

ทั้งหมดนี้เป็นเหตุการณ์ขณะที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรายังเป็นพระกุมารอยู่ ต่อไปเมื่อพระกุมารเจริญพระชมม์จนอายุ 16 พรรษา จะมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นต่อไปนั้น ต้องติดตามต่อไป

ขออนุโมธนาผู้มีบุญมากทุกท่าน ขออภัยท่านเจ้าของรูปหลายรูปที่นำมาเผยแพร่โดยไม่ได้บอกกล่าว ขออานิสงค์ในการเผยแผ่พระศาสนาจงเกิดแก่ท่านเจ้าของรูปภาพ ผู้ศึกษาธรรม และศึกษาพุทธประวัติด้วยเทอด





Thank to : https://dhammaweekly.wordpress.com/2010/03/07/โกณฑัญญะ-พราหมณ์ผู้พยาก/
มีนาคม 7, 2010 ที่ 12:10 pm (พุทธประวัติ)
ขอบคุณภาพจาก ลานธรรมจักร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 13, 2022, 06:43:14 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ