ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พุทธจริยศาสตร์ มี ๓ ระดับ  (อ่าน 848 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
พุทธจริยศาสตร์ มี ๓ ระดับ
« เมื่อ: ธันวาคม 14, 2022, 10:02:46 am »
0



พุทธจริยศาสตร์ มี ๓ ระดับ

พุทธจริยศาสตร์แบ่งออกเป็น 3 ระดับ ดังนี้ (พระมหามฆวินทร์ ปริสุตฺตโม, 2561: 199-200)

๑.จริยศาสตร์ขั้นมูลฐาน คือ
    เบญจศีล ได้แก่ ศีล 5. และ
    เบญจธรรม ได้แก่ ธรรม 5
เป็นข้อปฏิบัติ ฝ่ายศีลและธรรมจุนเจือกัน คือ

เบญจศีล             
1. เว้นจากการฆ่าสัตว์                 
2. เว้นจากการลักทรัพย์               
3. เว้นจากการประพฤติผิดประเวณี   
4. เว้นจากการพูดปด                   
5. เว้นจากการดื่มสุราเมรัย 

เบญจธรรม
1. มีเมตตากรุณาในสัตว์
2. เลี้ยงชีวิตในทางที่ถูกต้อง
3. มีความสำรวมระวังในกาม
4. พูดแต่คำสัตย์จริง
5. มีสติรักษาตนไว้เสมอ

ที่เรียกว่า เป็นจริยศาสตร์ขั้นมูลฐาน เพราะเป็นข้อปฏิบัติเบื้องต้น เมื่อปฏิบัติขั้นสูงขึ้นไปได้ เป็นพื้นฐานรองรับคุณธรรมสูงๆ ขึ้นไป เช่นเดียวกับการลงรากเข็มไว้อย่างดี ย่อมสามารถรับน้ำหนักอาคารสูงใหญ่หลายชั้นได้ การที่จะดูพื้นฐานหรือความมั่นคงของบุคคล ก็สามารถจะอ่านกันได้ที่หลักเบญจศีลเบญจธรรมนี้

๐๐๐๐๐๐๐๐๐

๒. จริยศาสตร์ขั้นกลาง ได้แก่ หลักกุศลกรรมบถ 10 ประการ แยกเป็นทางกาย วาจาและใจ คือ


  • ทางกาย มี 3 คือ เว้นฆ่าสัตว์ เว้นการลักทรัพย์ เว้นประพฤติผิดในกาม
  • ทางวาจา มี 4 คือ เว้นพูดปด เว้นพูดส่อเสียด เว้นพูดเพ้อเจ้อไร้สาระ
  • ทางใจ มี 3 คือ ไม่โลภ อยากได้ของคนอื่น, ไม่คิดปองร้ายใคร, ไม่เห็นผิดจากทำนองครองธรรม คือ เห็นว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว พ่อแม้มีบุญคุณ สัตว์เกิดโดยจุติ มีพระอริยบุคคล มีพระอรหันต์มี

เหล่านี้เรียกว่า จริยศาสตร์ขั้นกลาง เพิ่มการใช้ถ้อยคำให้ประณีตขึ้น และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ เพิ่มข้อปฏิบัติทางใจเข้าด้วย เป็นข้อปฏิบัติที่สูงขึ้นที่เรียกว่า “กุศลกรรมบถ” นั้นแปลว่า “ทางแห่งกรรมดี” หรือ “ทางความดี” หมายความว่า การที่พุทธศาสนาสอนเรื่องความดีนั้นไม่ใช่ เพียงแต่สอนว่าให้ทำดี แต่ได้บอกวิธีการทำความดีกำกับไว้ด้วย เพื่อผู้รักที่จะทำดีจะได้ทำถูกทาง เป็นลักษณะการสอนที่สมบูรณ์ประการหนึ่ง และการปฏิบัติตามกุศลกรรมบถ 10 เหล่านี้ เป็นการสร้างความดีไว้กับตนทั้งสิ้น

๐๐๐๐๐๐๐๐๐

๓. หลักจริยศาสตร์ขั้นสูง คือ ข้อปฏิบัติสำหรับบรรลุมรรคผลนิพพานโดยตรง ข้อปฏิบัติในขั้นนี้เรียกว่า “อริยมรรค” แปลว่า “ทางอันประเสริฐ” หรือ “ทางที่ทำให้เป็นผู้ประเสริฐ” มีองค์ประกอบ 8 ข้อ คือ

    - สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ หมายถึง ความรู้เห็นอริยสัจ 4 ชัดแจ้งทุกประการ เชื่อมโยงเข้าสู่การตรัสรู้อริยสัจ
    - สัมมาสังกัปปะ ความดำริชอบ คือ ดำริปลดเปลื้องจิตจากอารมณ์โลกีย์ จากความพยาบาทจากการเบียดเบียน
    - สัมมาวาจา เจรจาชอบ หมายถึง วาจาสุจริต 4 ในกุศลกรรมบถตามที่กล่าวมาในจริยศาสตร์ขั้นกลาง
    - สัมมากัมมันตะ การงานชอบ หมายถึง การไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ และเป็นพรหมจารีบุคคลไม่เกี่ยวกับกาม
    - สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีพชอบ หมายถึง การเลี้ยงชีวิตไม่ผิดกฎหมายและศีลธรรม เว้นการเลี้ยงสัตว์เพื่อฆ่า
    - สัมมาวายามะ เพียรชอบ คือ เพียรไม่ให้ความชั่วเกิดขึ้น แต่ให้ความดีเกิดขึ้นแทน และเพียรรักษาความดีไว้
    - สัมมาสติ ระลึกชอบ หมายถึง ระลึกแล้วให้เกิดสติสมบูรณ์ขึ้น จนกลายเป็นปัญญาแก่กล้าสละตัดกิเลสได้
    - สัมมาสมาธิ ตั้งใจมั่นชอบ หมายถึง การบำเพ็ญฌานให้เกิดขึ้นเป็นพื้นฐาน การบรรลุอริยสัจในสัมมาทิฏฐิข้อต้น

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

สรุป พุทธจริยศาสตร์ คือ หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ที่มีจุดมุ่งหมายให้มนุษย์รู้จักทำความดีละเว้นจากความชั่ว ซึ่งพุทธจริยศาสตร์นั้นมีทั้งหมด 3 ระดับ กล่าวคือ ระดับต้นเป็นหลักความประพฤติสำหรับคฤหัสถ์ ระดับกลางเป็นหลักความประพฤติสำหรับนักบวช และระดับสูงเป็นหลักความประพฤติที่จะพัฒนาคุณธรรมของผู้ปฏิบัติ จนนำไปสู่จุดหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา คือ พระนิพพาน นอกจากนี้พุทธจริยศาสตร์ยังมีการตัดสินพฤติกรรมของมนุษย์ ที่ชี้ขาดลงไปถึงพฤติกรรมของมนุษย์





ขอขอบคุณ :-
ภาพ : pinterest
บทความ : วิเคราะห์ พุทธจริยศาสตร์ ที่ปรากฏในกูฏทันตสูตร โดย พศิน สินมา และพระมหาบุญไทย ปุญญมโน จาก วารสารปรัชญาปริทรรศน์ ปีที่ 27 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม – ธันวาคม2565 ,หน้าที่ 52-53
website : https://so05.tci-thaijo.org/index.php/phiv/article/view/257679/176364
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 14, 2022, 10:04:48 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ