วัดฯพรฯธาตฯุดอฯยฯฅำ วัดพระธาตุดอยคำเปิดตำนานเก่าแก่กว่า 1300 ปี รูปปั้นยักษ์ “วัดพระธาตุดอยคำ”วัดพระธาตุดอยคำ เดิมมีชื่อว่า วัดสุวรรณบรรพต สร้างขึ้นในปี พ.ศ.1230 โดยเจ้ามหันตยศ และเจ้าอนันตยศ พระโอรสของพระนางจามเทวี เป็นวัดที่มีอายุเก่าแก่กว่า 1,300 ปี ตั้งอยู่บริเวณดอยคำ หลังอุทยานหลวงราชพฤกษ์ ต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
พระธาตุดอยคำอยู่บนยอดดอยเตี้ยๆ สูงกว่าระดับน้ำทะเล 200 เมตร บนเทือกเขาถนนธงชัย ถัดมาทางซ้ายของพระธาตุดอยสุเทพซึ่งอยู่บนยอดดอยสูง เยื้องๆ กับสนามบินเชียงใหม่ สามารถมองเห็นได้ทางด้านซ้ายเวลาเครื่องบินจะลงจอด
วัดพระธาตุดอยคำโอบล้อมด้วยธรรมชาติและป่าเขา อีกทั้งยังมีจุดชมวิวตรงระเบียงวัด ทำให้เราเห็นทิวทัศน์ของบ้านเมืองเชียงใหม่ได้อย่างชัดเจน ยิ่งถ้าไปในช่วงปลายฝนต้นหนาวถึงหน้าหนาว อากาศบนนี้จะเย็นสบาย เหมาะแก่การมาไหว้พระทำบุญ เอื้อให้จิตใจสงบร่มเย็น
วัดฯพรฯธาตฯุดอฯยฯฅำ อ่านเป็นภาษาล้านนาว่า วัดพระธาตุดอยคำภายในวัดมีเจดีย์พระธาตุดอยคำ ศาลาการเปรียญ กุฏิสงฆ์ พระพุทธรูป 2 องค์ที่มีการขุดพบโดยชาวบ้าน เมื่อ พ.ศ.2509 คือ พระรอดหลวง เป็นพระพุทธรูปหินทรายปิดทององค์ใหญ่ และพระสามหอม พระพุทธรูปเนื้อดิน แล้วนำมาไว้ที่วัดเพื่อสักการบูชา
มีรูปปั้นยักษ์ 2 ตน ซึ่งมีตำนานเล่าว่า ดอยคำเป็นที่อยู่ของยักษ์ผัวเมีย ชื่อ จิคำ และตาเขียว แต่ชาวบ้านเรียกว่า ปู่แสะ ย่าแสะ มีลูก 1 คน ชื่อ สุเทวฤๅษี มีเทวดานำพระเกศาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามอบให้กับปู่แสะย่าแสะเพื่อเก็บรักษาไว้ โดยฝังไว้บนดอยคำและก่อสถูปครอบไว้ เวลาต่อมาเมื่อโอรสของพระนางจามเทวีมาพบ จึงโปรดให้สร้างเจดีย์ครอบสถูปไว้ใน พ.ศ.1230
ดอฯกบ่าลิแก้บ฿นฯ ดอกมะลิแก้บนในวัดยังมีพระพุทธรูปที่สำคัญคือ พระเจ้าทันใจ หรือเรียกว่า หลวงพ่อทันใจ ซึ่งมีอายุเก่าแก่ และมีความเชื่อว่าหากได้ขอพรกับพระเจ้าทันใจแล้วจะสำเร็จตามต้องการทุกอย่าง ทำให้การบนบานกับพระธาตุดอยคำเป็นที่รู้จักของผู้คนอย่างกว้างขวาง
จึงมีผู้มีจิตศรัทธาหลั่งไหลกันมาขอพรเป็นจำนวนมาก ซึ่งในการขอพรจะมีการบนว่าเมื่อสำเร็จตามต้องการแล้วจะมาถวายดอกมะลิ จำนวนพวงดอกมะลิแล้วแต่จะบน 50 พวงขึ้นไป กระทั่งมากถึงสี่แสนพวงตามข่าวก็มี
กิจกรรมของทุกปีทางวัดพระธาตุดอยคำจะจัดงานพิธีสรงน้ำพระธาตุ ในวันแรม 7 ค่ำ 8 ค่ำ หลังวันวิสาขบูชา •ขอขอบคุณ :-
ที่มา : มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 17 - 23 กุมภาพันธ์ 2566
คอลัมน์ : ล้านนาคำเมือง
เผยแพร่ : วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566
URL :
https://www.matichonweekly.com/culture/article_648688