ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: คติธรรม "บุญ-บาป" หลวงพ่อองค์ดำบันดาลสุข  (อ่าน 921 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



คติธรรม "บุญ-บาป" หลวงพ่อองค์ดำบันดาลสุข

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานคติธรรมเนื่องใน “วันมาฆบูชา” วันจันทร์ที่ 6 มีนาคม 2566 ความว่า...

ดิถีมาฆบูชาได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว ดิถีเช่นนี้ชวนให้พุทธบริษัททุกหมู่เหล่ารำลึกถึงเหตุการณ์ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ ประทานแก่พระอรหันตสาวก 1,250 รูป ซึ่งล้วนอุปสมบทโดยวิธีเอหิภิกขุ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ณ ดิถีเพ็ญเดือน 3

อย่างไรก็ดี หากปีใดเป็นปีอธิกมาส วันมาฆบูชาจะตรงกับดิถีเพ็ญเดือน 4 ดังเช่นที่เกิดขึ้นในปีนี้




สารัตถะประการหนึ่งในโอวาทปาติโมกข์นั้นคือ การไม่ทำบาปทั้งปวง อันเป็นหัวใจพระศาสนาประการต้นที่พุทธบริษัททั่วหน้า พึงยึดถือเป็นหลักประพฤติให้ได้ ก่อนจะก้าวไปสู่การบำเพ็ญความดีและการชำระใจให้บริสุทธิ์ บาปทั้งปวงตามหลักพระพุทธศาสนานั้น ประมวลอยู่ในอกุศลกรรมบถ 10 ประการ

จำแนกเป็น กายกรรม 3 กล่าวคือการฆ่า การเอาของที่เจ้าของไม่ได้ให้ และการประพฤติผิดในกาม วจีกรรม 4 กล่าวคือ คำโกหก คำส่อเสียด คำหยาบคาย คำเพ้อเจ้อ และ มโนกรรม 3 กล่าวคือ การเพ่งเล็งอยากได้ของเขา การคิดปองร้ายผู้อื่น และความเห็นผิด

ครั้นเมื่อได้กระทำกรรมใดกรรมหนึ่งในอกุศลกรรมบถ 10 จึงถูกจัดว่าเป็นบาป

พุทธศาสนิกชนจึงมีหน้าที่ลด ละ และเลิกการกระทำบาปทั้งปวงแม้เล็กน้อย ซึ่งล้วนให้ผลเป็นความทุกข์ทำให้จิตใจเสื่อมคุณภาพ ยังอุปนิสัยให้กลายเป็นคนถนัดทำชั่ว จนท่วมท้นไปด้วยบาป ดั่งพระพุทธพจน์ที่ว่า...

อุทพินฺทุนิปาเตน อุทกุมฺโภปิ ปูรติ อาปูรติ พาโล ปาปสฺส โถกํ โถกํปิ อาจินํ
แปลความว่า “แม้หม้อน้ำยังเต็มด้วยหยาดน้ำฉันใด คนเขลาสั่งสมบาปแม้ทีละน้อยๆก็เต็มด้วยบาปฉันนั้น”

ด้วยเหตุนี้ ทุกท่านพึงขวนขวายบริจาคทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา อันเป็นบุญที่เป็นชื่อของความสุข ขอให้เชื่อมั่นว่าบาปที่ทำลงแล้วจะอำนวยผลดีไม่ได้




และในขณะเดียวกัน บุญที่ทำลงแล้ว จะอำนวยผลร้ายก็ไม่ได้เช่นกัน เมื่อมั่นใจในหลักของการกระทำแล้ว ย่อมจะมีกำลังใจมุ่งมั่น ไม่ท้อถอยต่อการบำเพ็ญคุณงามความดีต่อไป ผลแห่งบุญทั้งปวงย่อมจะตามเยียวยาแก้ไขปัญหา พิทักษ์รักษา และดลบันดาลความสุขความเจริญมาสู่ผู้สั่งสมบุญไว้ดีแล้วอย่างแน่แท้

ขอพระสัทธรรมของสมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้า จงดำรงมั่นคงอยู่ในโลกนี้ตลอดกาลนาน และขอพุทธบริษัททั้งหลายจงพร้อมเพรียงกัน ศึกษาพระสัทธรรมนั้น เพื่อบรรลุถึงความรุ่งเรือง ไพบูลย์ยิ่งๆขึ้นสืบไปเทอญ

@@@@@@

วัดมิ่งเมือง ถนนไตรรัตน์ ตำบลเวียง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย วัดเก่าแก่อีกแห่งที่คาดกันว่ามีมาตั้งแต่มีการสร้างเมืองเชียงราย ตามประวัติหลักฐานบวกกับคำบอกเล่าบันทึกไว้ว่าผู้สร้างวัดแห่งนี้นั้นก็คือ “มหาเทวีอุษาปายะโค” ซึ่งเป็นมเหสีของพ่อขุนเม็งราย ซึ่งเป็นธิดาของกษัตริย์พม่าเมืองหงสาวดี

ข้างต้นนี้ปรากฏบันทึกไว้ในแผ่นทองคำจารึกเป็นภาษาพม่า อีกทั้งวัดมิ่งเมืองแห่งนี้ยังเป็นที่ปฏิรูปธรรมของ “พระนางเทพคำขยาย” พระมารดาของพ่อขุนเม็งราย โดยพระองค์จะเสด็จมาปฏิบัติธรรมเป็นประจำและเป็นที่บรรจุพระอัฐิของพระองค์ด้วย




น่าสนใจด้วยว่าวัดมิ่งเมืองยังมีชื่อเรียกว่า “วัดเงี้ยว”...ตามแบบไทใหญ่ หรือชาวเชียงรายเรียกว่า “วัดจ๊างมูบ (ช้างหมอบ)”

นักโบราณคดีสันนิษฐานว่า ในคราวที่จะอัญเชิญพระแก้วมรกตจากเชียงรายไปเชียงใหม่ ช้างทรงของพระแก้วได้หมอบคอยอยู่หน้าวัดมิ่งเมืองก่อนที่จะเคลื่อนขบวนไปยังเชียงใหม่

จึงทำให้ชาวบ้านเรียกว่า “วัดช้างมูบ”

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็รกร้างผ่านไปตามกาลเวลา กระทั่งได้รับการบูรณะโดยกลุ่มชนชาวไทใหญ่ที่ถูกกวาดต้อนมาจากนโยบาย...เก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง




...อันหมายถึงในยุคนั้นมีการโยกย้ายผู้คนจากเมืองอื่นๆเข้ามาเพื่อฟื้นฟูเมืองล้านนา เพราะในยุคนั้นอาณาจักรล้านนาเกือบจะเป็นเมืองร้าง หลังจากการกอบกู้เอกราชคืนจากพม่าได้

ด้วยว่ากันว่า...ก่อนที่จะมีการเข้ามาซ่อมแซมบูรณะอย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน “วัดมิ่งเมือง” มีรูปทรง รวมทั้งสิ่งก่อสร้างเป็นแบบไทใหญ่ทั้งหมด นอกจากนี้ยังพบศิลปะพม่าในช่วงแรกที่สร้างวัดอีกด้วยเช่นกัน

@@@@@@

“หลวงพ่อพระศรีมิ่งเมือง” องค์พระประธานวัดมิ่งเมืองหน้าตักกว้าง 80 นิ้ว ศิลปะเชียงแสนสิงห์ 1 อายุกว่า 400 ปี พุทธลักษณะงดงาม แกะสลักจากหินแก้วจุยเจีย (แก้วโป่งขาม)...เป็นศูนย์รวมศรัทธาผู้คนยิ่ง

อีกทั้งยังมีศรัทธาสุดท้ายที่ผู้คนไม่น้อยต่างมุ่งหวังขอพรกราบสักการะ ให้สุขสมหวังดังประสงค์ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงิน การงาน โชคลาภ ความสำเร็จ นั่นก็คือ “หลวงพ่อองค์ดำ”




เล่าลือกันว่าหากได้มาแล้ว...ก็อย่าลืมแวะเวียนเข้าไปกราบขอพร เพราะเชื่อศรัทธากันเป็นอย่างยิ่งว่าท่านศักดิ์สิทธิ์ ขอพรได้ดั่งใจ...

บูชา “หลวงพ่อองค์ดำ”

นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (สวด 3 จบ) อิติปิโส ภะคะวา กาฬะ วัณณะ พุทธะ ปะฏิมัง อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะ สัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะธัมมะสาระถิ สัตถาเทวา มนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ (9 จบ)

ขอพุทธานุภาพ ธัมมานุภาพ สังฆานุภาพ พุทธบารมี สมเด็จหลวงพ่อองค์คำ ที่ข้าพเจ้า (ชื่อ) ได้บูชาแล้วจงมีพลานุภาพอันยิ่งใหญ่ จงบันดาลส่งผลให้ข้าพเจ้าและครอบครัวทุกท่านพร้อมด้วยผู้มีพระคุณทั้งหลาย ขอให้ธุรกิจการงานของข้าพเจ้า จงชนะตลอด ปลอดภัยตลอด ร่ำรวยตลอด ไม่จนตลอด โชคดีตลอด




ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บตลอดชีวิต ขอให้ข้าพเจ้าจงมีพลานามัยที่สมบูรณ์ยิ่งในที่สุด ขอให้ข้าพเจ้ามีปัญญา ได้ดวงตาเห็นธรรม รู้แจ้งเห็นจริงในอริยสัจ 4 ตลอดกาลนานเทอญ

“ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.

                                     รัก-ยม





Thank to : https://www.thairath.co.th/lifestyle/culture/2651108
12 มี.ค. 2566 | 06:20 น. | รัก-ยม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 13, 2023, 06:19:05 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ