พิมพ์

[raponsan]

รู้จัก ‘เนปาล’ ที่มากกว่าลุมพินีวัน ไฟลต์บินตรงแห่งความหวัง ตามรอยพระพุทธเจ้า

Summary

    - สถานเอกอัครราชทูตฯ เนปาลประจำประเทศไทย และการท่องเที่ยวเนปาล จัดงาน ‘Nepal Evening - Lumbini and Beyond’ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเนปาลและไทย

    - คเณศ ประสาท ธกาล เอกอัครราชทูตฯ เนปาลประจำประเทศไทย ผลักดันในเรื่องการเพิ่มสายการบินใหม่ รวมถึงนำเสนอสนามบินเปิดใหม่ที่พร้อมรองรับการมาเยือนของนักท่องเที่ยว และมาตรการการรับนักท่องเที่ยวที่เสริมความปลอดภัยมากขึ้น

    - PATA ประกาศจัดงาน ‘PATA annual summit & adventure mart 2023’ ที่ เมืองโปขรา ประเทศเนปาล ในวันที่ 29 พฤษภาคม ถึงวันที่ 2 มิถุนายน โดยจะมีการหารือในเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ อีกด้วย


เมื่อการท่องเที่ยวกลับมาคึกคักอีกครั้งภายหลังสถานการณ์โควิดที่เคยทำการท่องเที่ยวซบเซาอย่างน่าใจหาย หนึ่งในประเทศที่เปิดตัวต้อนรับการท่องเที่ยวเป็นที่แรกๆ คือ ‘เนปาล’

หากย้อนกลับไป เนปาลเคยมีแคมเปญ Visit Nepal 2020 หลังเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่และสร้างความเสียหายอย่างหนัก เมื่อปี 2558 แต่ต้องหยุดชะงักลงเมื่อเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่หลายประเทศไม่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ ความหวังที่จะกลับมาฟื้นคืนประเทศในภาคธุรกิจการท่องเที่ยวกลายเป็นแผนที่ต้องพับเก็บไว้ก่อน

แต่เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว เนปาลประกาศกลับมาต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยรวบรวมภาคีการท่องเที่ยวแบบจัดเต็ม ทั้งไทยและเนปาล ร่วมวางแผนพูดคุยธุรกิจ ทั้งสถานเอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาลประจำประเทศไทย บริษัทธุรกิจสายการบิน บริษัทตัวแทนนำเที่ยวและโรงแรมต่างๆ โดยหนึ่งในนั้นมี สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (PATA) ทั้งสำนักงานใหญ่และสาขาในประเทศไทยที่ร่วมโปรโมตเนปาลมาอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด สถานเอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาลประจำประเทศไทย และการท่องเที่ยวเนปาล ได้กลับมาจัดงานเป็นครั้งแรกในปีนี้ คือ ‘Nepal Evening - Lumbini and Beyond’ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเนปาลและไทย ที่โรงแรมแบรนดท์ โฮเต็ล แอนด์ สวีท กรุงเทพฯ โดยได้มีการผลักดันในเรื่องการเพิ่มสายการบินใหม่ รวมถึงนำเสนอสนามบินเปิดใหม่ที่พร้อมรองรับการมาเยือนของนักท่องเที่ยว และมาตรการการรับนักท่องเที่ยวที่เสริมความปลอดภัยมากขึ้น



เที่ยวบินตรงสู่ลุมพินีวัน แลนดิ้งสนามบินใหม่พระโคตมพุทธเจ้า

คเณศ ประสาท ธกาล (H.E. Mr. Ganesh Prasad Dhakal) เอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาลประจำประเทศไทย เล่าว่า เดิมทีเรามีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ ไป กาฐมาณฑุ (Kathmandu) เราจึงคาดหมายว่าจะมีเที่ยวบินตรงใหม่ ไปที่ลุมพินีวัน ซึ่งคือสนามบินนานาชาติพระโคตมพุทธเจ้า (Gautam Buddha International Airport) หรือที่รู้จักในชื่อ ‘สนามบินไภรวะ’ (Bhairahawa Airport) ซึ่งไภรวะเป็นชื่อเมืองที่ใกล้เคียงกับลุมพินีวัน ระยะห่างประมาณ 20 กิโลเมตร ที่เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อปีที่แล้ว

นอกจากนี้ อาจยังสามารถขยายการท่องเที่ยวต่อไปทั้ง 4 สังเวชนียสถาน ได้แก่ ลุมพินีวัน สถานที่เกิด ในเนปาล และอีก 3 แห่งในอินเดียคือ พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้, สารนาถ สถานที่แสดงปฐมเทศนา และ กุสินารา สถานที่ปรินิพพาน

“อีกที่คือสนามบินนานาชาติโปขรา (Pokhara International Airport) ในเมืองโปขรา (Pokhara) ซึ่งอยู่ระหว่างลุมพินีวันและกาฐมาณฑุ และเป็นสนามบินใหม่ เราจึงหวังให้ทางประเทศไทยมีเที่ยวบินตรงมายังท่าอากาศยานนานาชาติโปขรา และผลักดันเรื่องนี้ รวมถึงเพิ่มอุปสงค์กับสายการบินไทย และทำให้เกิดตลาดและธุรกิจ

“แต่ตอนนี้ไม่มีเที่ยวบินรายวันไปที่สนามบินไภรวะ นั่นคือสิ่งที่เราหวังให้มีขึ้น ซึ่งตอนนี้มีแต่เที่ยวบินรายวันภายในประเทศ จึงอยากเชิญชวนให้มาท่องเที่ยวเพราะคนไทยเป็นชาวพุทธ และลุมพินีวันเป็นสถานที่เกิดของพระโคตมพุทธเจ้า”



คเณศ เสริมอีกว่า คนชอบไปลุมพินีวัน แต่ไม่มีสายการบินตรงไปที่นั้น ซึ่งต้องใช้เที่ยวบินจากกรุงเทพฯ ไปกาฐมาณฑุ และไปต่อด้วยเครื่องบินเล็กของเที่ยวบินในประเทศ หรือต่อด้วยวิธีอื่นทางถนน ซึ่งระหว่างกาฐมาณฑุ และลุมพินีมีระยะห่างถึง 300 กิโลเมตร ซึ่งถ้าสามารถบินตรงไปที่สนามบินไภรวะได้ ก็จะมีระยะทางไปยังลุมพินีเพียง 2 กิโลเมตร ในขณะที่หากบินตรงไปสนามบินโปขราจะเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการทำกิจกรรมแนวผจญภัย (adventure activities) ซึ่งโปขราห่างจากกาฐมาณฑุ 200 กิโลเมตร

“ผมได้รับคำตอบแบบเดิมทุกปี คือเขาปฏิเสธ การไปลุมพินีวันเป็นการดำเนินงานร่วมกันทั้งธุรกิจสายการบิน รวมไปถึงบริษัทตัวแทนท่องเที่ยว เพื่อให้คนเขามาท่องเที่ยวในเมือง ซึ่งการมีเที่ยวบินตรงจะทำให้เดินทางได้ง่ายขึ้น แต่ตอนนี้ยังไม่มี เป็นคำถามว่าต้องรออะไรอีก เพราะเรามีข้อตกลงระหว่างรัฐบาล (executive agreement) ทั้ง 2 ประเทศอยู่แล้ว”

คเณศ ย้ำว่า สิ่งที่สำคัญคือเนปาลเปิดประเทศเต็มที่ และเข้ามาท่องเที่ยวได้ง่าย โดยเฉพาะเรื่องการขอวีซ่าเข้าประเทศที่ง่ายและรวดเร็ว



“ประเทศไทยและเนปาลยังมีวัฒนธรรมที่โดดเด่นและเชื่อมโยงทางด้านประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,000 ปี ซึ่งคือพระโคตมพุทธเจ้า รวมไปถึงพุทธศาสนิกชน เนปาลและไทยมีความคล้ายในอีกหลายสิ่ง ในแง่ของธรรมเนียมประเพณีและภาษา เช่น บาลี-สันสฤต”



    “ประเทศไทยและเนปาลยังมีวัฒนธรรมที่โดดเด่นและเชื่อมโยงทางด้านประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,000 ปี ซึ่งคือพระโคตมพุทธเจ้า รวมไปถึงพุทธศาสนิกชน เนปาลและไทยมีความคล้ายในอีกหลายสิ่ง ในแง่ของธรรมเนียมประเพณีและภาษา เช่น บาลี-สันสฤต” -- คเณศ ประสาท ธกาล เอกอัครราชทูตฯ เนปาลประจำประเทศไทย

คเณศ เปิดเผยว่า แม้ในช่วงสถานการณ์โควิด แต่จากความร่วมมือของธุรกิจท่องเที่ยว ได้นำนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาและเดินทางออกไประหว่างประเทศเนปาลและประเทศไทย ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามายังเนปาลเมื่อเดือนก่อนเพิ่มขึ้นอย่างมาก และในขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวชาวเนปาลในไทยก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน

“เรายังที่จะเดินหน้าต่อในการส่งเสริมการท่องเที่ยว เราได้เปิดการท่องเที่ยวตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว แต่จากที่สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด เราเปิดประเทศเดียวนั้นไม่เพียงพอ และเมื่อปีที่แล้วก็มีการเปิดเที่ยวบินตรงกรุงเทพฯ ไปเนปาล 3 เที่ยวต่อสัปดาห์ของเนปาล เราจึงคาดหวังให้มีเที่ยวบินที่เพิ่มมากขึ้น”



เนปาล ประเทศแห่งความหลากหลาย แหล่งท่องเที่ยวผจญภัย ศาสนา และธรรมชาติ

ศราดดา เชรสธา (Shradha Shrestha) ผู้จัดการคณะกรรมการการท่องเที่ยวเนปาล ให้ข้อมูลว่า สำหรับประเทศเนปาลมีความหลากหลายเป็นอย่างมาก โดยมีกลุ่มชาติพันธุ์กว่า 123 กลุ่ม และมีภาษาพูดถึง 125 ภาษา

ส่วนกิจกรรมในการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุด กว่า 68% คือการท่องเที่ยวตามแนวเขา เช่น การเดินทางสำรวจเมืองเก่า, งานเทศกาล, กีฬาผจญภัย เป็นต้น ส่วนอื่นๆ เป็นกิจกรรมการเดินป่าเดินเขา และกิจกรรมทางวัฒนธรรม สวนสัตว์และกาสิโน เป็นต้น

โดยสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญคือ ลุมพินีวัน ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก(UNESCO World Heritage Site) และเป็นสถานที่แห่งความสงบ อีกทั้งจากสถิติของนักท่องเที่ยวในเนปาลมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 

นอกจากนี้ ในทางธรรมชาติ เนปาลประสบความสำเร็จในด้านการอนุรักษ์สัตว์ใกล้สูญพันธุ์ เช่น แรด และโดยเฉพาะเสือโคร่งเบงกอล ที่เป็นประเทศแรกและประเทศเดียวที่สามารถเพิ่มจำนวนได้ถึง 2 เท่า



มาตรการไม่รับนักท่องเที่ยวคนเดียวเพื่อความปลอดภัย PATA เปิดอีเวนต์ใหญ่กลางปีนี้ที่โปขรา

ศิเวก สัจเดว (Shivek Sachdev) อุปนายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (Thai Travel Agents Association : TTAA) เล่าว่า เมื่อปีที่แล้ว ประเทศแรกที่มาติดต่อและปรึกษาว่าจะส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศอย่างไร คือ เนปาล แต่ด้วยในช่วงเวลาที่โควิดระบาด ทำให้ไม่สามารถจัดกิจกรรมได้ อย่างไรก็ตาม เขามองว่านั่นเป็นอุปสรรค และคิดว่าจะสามารถทำผ่านช่องทางออนไลน์ได้  จนกระทั่งปัจจุบันคิดว่าแนวทางที่ทำมาเป็นไปในลักษณะที่ดี โดยการเน้นโปรโมตลุมพินีวันอย่างเดียวเป็นเรื่องที่ดี

“ผมเข้าใจว่าสนามบินเปิดแล้วตั้งแต่ช่วงโควิด และตอนนี้เราเริ่มเห็นเส้นทางในการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว และเพิ่งทราบข่าวว่าเนปาลไม่รับนักท่องเที่ยวที่มาเดินป่า (trekking) คนเดียว คิดว่านี่เป็นมาตรการที่ชัดเจน ในแง่หนึ่งอาจเป็นการลดจำนวนนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาเดินป่าคนเดียว แต่ก็เป็นการประกาศชัดว่าเนปาลให้ความสำคัญในการรับผิดชอบเป็นผลดีต่อประเทศมากกว่า”

พอล ปรวงคาร์น (Paul Pruangkarn) หัวหน้าคณะทำงาน สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (PATA) ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า PATA เป็นองค์กรที่ไม่หวังผลกำไร ก่อตั้งเมื่อปี 1951 และมีสาขาที่ประเทศไทย และมีบทบาทในการพัฒนาการท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

“เมืองโปขรา ประเทศเนปาล ที่เป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมและควรแก่การไปท่องเที่ยวสักครั้ง ซึ่งในวันที่ 29 พฤษภาคม ถึงวันที่ 2 มิถุนายน จะมีการจัดงาน ‘PATA annual summit & adventure mart 2023’ ที่นั่น โดยจะมีการหารือในทั้งเรื่อง แนวโน้มเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ ด้วย”





thank to : https://plus.thairath.co.th/topic/everydaylife/102929
Thairath Plus › Everyday Life › Events › Lifestyle
21 มี.ค. 66 | creator : ณัฏฐ์นรี เฮงสาโรชัย