ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ประวัติหลวงพ่อโอภาสี พระเกจิดัง ผู้ถือเตโชกสิณเป็นสรณะ  (อ่าน 1101 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0




ประวัติหลวงพ่อโอภาสี พระเกจิดัง ผู้ถือเตโชกสิณเป็นสรณะ

วันนี้ปาฏิหาริย์ตำนานดัง จะพาทุกคนไปทำความรู้จัก ประวัติหลวงพ่อโอภาสี พระเกจิดัง ผู้ถือเตโชกสิณเป็นสรณะ และผู้สร้าง อาศรมบางมด หรือ วัดหลวงพ่อโอภาสี

ประวัติหลวงพ่อโอภาสี สมัยเมื่อประมาณปี 2485 ย่านบางมด ฝั่งธนบุรี พื้นที่ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยสวนส้มอันขึ้นชื่อ ที่เรียกกันว่า "ส้มบางมด" ได้มีพระภิกษุรูปหนึ่งเดินธุดงค์มาปักกลด ด้วยปฏิปทาอันน่าศรัทธาเลื่อมใสชาวบ้านจึงพากันไปกราบไหว้เป็นประจำ จนเศรษฐีเจ้าของที่ดินได้ยกที่ดินให้สร้างเป็น อาศรมบางมด และได้นิมนต์ให้ท่านอยู่เป็นการถาวร

นี่คือจุดเริ่มต้นของที่มาแห่ง พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง รูปหนึ่งของเมืองไทย คือ หลวงพ่อโอภาสี พระภิกษุผู้มีอิทธิปาฏิหาริย์เป็นที่กล่าวขวัญอย่างกว้างขวาง รวมทั้งวัตถุมงคลหลากหลายรูปแบบของท่านที่สร้างชื่อเสียงโด่งดังทางด้านพุทธคุณ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอยู่ยงคงกระพันชาตรี หรือเมตตามหานิยม และที่ยอมรับกันเป็นอย่างมาก คือ การค้าขายให้เจริญรุ่งเรือง จนเรียกได้ว่าท่านเป็นพระอาจารย์รูปหนึ่งที่มีชาวไทยเชื้อสายจีน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันที่ประกอบกิจการค้าขาย นับถือท่านเป็นที่สุด เพราะเชื่อกันว่า ได้กราบไหว้ขอพรจากท่านแล้ว จะประสบความสำเร็จสมหวังเสมอ โดยเฉพาะเรื่องของธุรกิจการค้า จะเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นตลอดเวลา




หลวงพ่อโอภาสี เดิมชื่อ ชวน มะลิพันธ์ ถือกำเนิดที่ บ้านตรอกไฟฟ้า อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ได้เล่าเรียนอักขระสมัยในสำนักวัดใต้ นครศรีธรรมราช แต่เนื่องจากวัดใต้ไม่มีสำนักเรียนในในสำนักวัดโพธิ์ สามเณรชวนจึงได้ถือกำเนิด ณ พัทธสีมาวัดโพธิ์นี้เอง ในสำนักเรียนพระปริยัติในวัดโพธิ์สามเณรชวนเล่าเรียนปริยัติด้วยความขยันขัน แข็ง และฉลาดเฉลียวเป็นที่พอใจของเจ้าสำนักบาลีเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับออกปากว่าสิ้นประโยคนักธรรมในวัดแล้วจะส่งมาเรียนในกรุงเทพฯ ให้ถึงที่สุด สามเณรชวนได้รับการนำมาถวายตัวเป็นศิษย์ในองค์สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญานวงศ์ซึ่งได้รับไว้ในพระอุปการะ และทรงทำการอุปสมบทให้เป็นภิกษุในพัทธสีมาวัดบวร

โดยทรงนั่งเป็นพระอุปัชฌาย์ พระภิกษุชวนเล่าเรียนพระปริยัติจนสอบได้เปรียญ 7 ประโยค เข้ารับพระราชทานพัดจากพระหัตถ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเรียกกันติดปากคนทั่วไปว่า มหาชวนเปรียญเอก หลังจากได้พบกับหลวงพ่อกบแล้ว พระมหาชวนก็เก็บตัวนั่งวิปัสสนาตลอดวัน ออกบิณฑบาต และฉันเช้าเพียงครั้งเดียว จะเปิดกุฏิก็ตอนบ่าย เปิดมาก็เอาสิ่งของต่างๆ มาเผา ตอนแรกก็น้อยๆ ก่อน คนจีนแถวบางลำพูเห็นเข้าก็เรียกท่านว่า "เซียน" จึงพากันมาถวายของให้เผาเป็นการใหญ่

จากการที่ท่านได้กลับมาอยู่วัดบวรฯ อีกครั้งหนึ่ง และได้ทำพิธีบูชาเพลิง ทำให้ไม่สะดวกในการประกอบพิธี เพราะเริ่มมีลูกศิษย์ที่นับถือต่างเดินทางมาหาท่านที่วัดมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนได้พบเห็นปาฏิหาริย์ต่างๆ ที่หลวงพ่อได้ช่วยเหลือในหลายๆ เรื่อง ท่านเห็นว่าเป็นการไม่เหมาะสมที่จะอยู่ในวัดหลวงแห่งนี้ต่อไป จึงได้เดินทางธุดงค์ไปอยู่ที่ย่านบางมด ก็ยังลูกศิษย์ติดตามไปทำบุญกับท่านมากมายเหมือนเดิม




สมัยปี 2485 ย่านบางมด ฝั่งธนบุรี พื้นที่ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยสวนส้มอันขึ้นชื่อ ที่เรียกกันว่า "ส้มบางมด" ได้มีพระภิกษุรูปหนึ่งเดินธุดงค์มาปักกลด ด้วยปฏิปทาอันน่าศรัทธาเลื่อมใสชาวบ้านจึงพากันไปกราบไหว้เป็นประจำ จนเศรษฐีเจ้าของที่ดินได้ยกที่ดินให้สร้างเป็น อาศรมบางมด และได้นิมนต์ให้ท่านอยู่เป็นการถาวร

ชาวบ้านในพื้นที่ก็ให้ความเคารพนับถือหลวงพ่อมาก จึงได้สร้าง สำนักสงฆ์อาศรมบางมด ขึ้นถวายท่านให้อยู่อย่างถาวรสืบไป ทำให้สำนักสงฆ์แห่งนี้เจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับ จนถึงทุกวันนี้ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็น วัดหลวงพ่อโอภาสี ด้วยมีผู้นับถือเดินทางมาหาขอให้ท่านช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ ซึ่งหลวงพ่อได้เมตตาสงเคราะห์ให้ตามที่เห็นสมควร ผู้คนที่มาขอให้หลวงพ่อช่วยเป็นที่พึ่ง มีทั้งชาวบ้านชาวสวน รวมถึงคหบดี เจ้าสัวจากย่านเยาวราช สำเพ็ง บางลำพู ฯลฯ แม้แต่เจ้านายชั้นผู้ใหญ่ เช่น จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก็ได้ไปกราบไหว้ท่าน พร้อมทั้งร่วมทำบุญสร้างวัดกับท่านเป็นประจำ

เรื่องการบูชาเพลิงนั้น นับเป็นเรื่องที่สร้างความสงสัย และเป็นปาฏิหาริย์ที่มีผู้ประสบกับตัวเองเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะถวายสิ่งของมีค่าใดๆ ให้ท่าน หลังจากนั้นไม่นานการงานการค้าจะเจริญด้วยดี เงินทองจะเพิ่มพูนขึ้นจนน่าแปลกใจ แต่ถ้าผู้ใดเกิดเสียดายของ เวลาที่เห็นท่านโยนเข้ากองไฟ เมื่อกลับมาถึงบ้าน จะเห็นสิ่งของหรือเงินที่ถวายแล้วท่านเผาไฟกลับมาอยู่ภายในบ้านได้เองอย่างมหัศจรรย์ เรื่องนี้เป็นที่ร่ำลือต่อๆ กันมา ในแต่ละวันจะมีผู้คนจำนวนมาก ไปกราบไหว้และร่วมทำบุญกับหลวงพ่อตลอดเวลา

หลวงพ่อโอภาสี มรณภาพเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2498 ปัจจุบัน วัดหลวงพ่อโอภาสี ยังมีประชาชนมากราบไหว้สรีระของท่านอยู่เสมอๆ เพื่อขอพรให้หลวงพ่อช่วยเหลือในเรื่องการค้าการขาย ซึ่งมักจะประสบความสำเร็จสมหวังเสมอ นับได้ว่าแม้ท่านจะมรณภาพไปแล้ว ก็ยังเป็นที่พึ่งของลูกศิษย์ตลอดเวลา

@@@@@@@

สำหรับวัตถุมงคลประเภทเหรียญที่หลวงพ่อปลุกเสก และเป็นที่แสวงหากันมาก จนมีราคาเช่าหาสูงขึ้นเรื่อยๆ ก็คือ
 
1.เหรียญรุ่นแรก สร้างเป็นที่ระลึกเมื่อ พ.ศ.2495 เป็นเหรียญรูปทรงกลม ด้านหน้ารูปหลวงพ่อครึ่งองค์ ด้านหลังเป็นยันต์สวัสดิกะ อันเป็นยันต์ประจำตัวของท่าน รอบๆ ขอบด้านหลัง มีคาถาที่หลวงพ่อมักให้ศิษย์ท่องจำเอาไว้เสมอ เพราะมีพุทธคุณดีในหลายๆ ด้าน คือ คาถา “อิติสุคะโต อะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ ปะฐะวีคงคา พระภุมมะเทวา ขะมามิหัง” นับเป็นคาถาที่ศิษย์หลวงพ่อโอภาสีทุกคนท่องจำจนขึ้นใจ เหรียญรุ่นนี้มีจำนวนการสร้างไม่แน่ชัด สร้างด้วยเนื้อทองแดงเพียงอย่างเดียว  ด้านหน้ามีแม่พิมพ์เดียว ด้านหลังมี 3 แม่พิมพ์ เหมือนๆ กัน ต่างกันที่ขนาดยันต์ตรงกลาง และตัวหนังสือเท่านั้น

2.เหรียญรุ่น 2 สร้าง พ.ศ.2496 เป็นเหรียญที่สร้างจำนวนน้อย และมักพบในย่านบางมดเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะชาวสวนรุ่นเก่า นิยมใส่เหรียญนี้กันมาก โดยกล่าวตรงกันว่า ดีทางป้องกันเขี้ยวจากงูพิษ มีผู้ถูกงูพิษกัดแต่ไม่เข้า เรื่องนี้เล่าลือกันมาก เท่าที่เคยพบ เหรียญรุ่นนี้มีเนื้อทองแดง และเนื้อเงิน (มีน้อยมาก) ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อครึ่งองค์ ด้านหลังเป็นยันต์ มีพญานาคคู่ และตัว “อ” รัศมี ย่อมาจากชื่อของหลวงพ่อ
 
3.เหรียญรุ่น 3 สร้าง พ.ศ.2497 มี 2 รูปแบบ ที่รู้จักและพบกันบ่อยๆ เป็นเหรียญด้านหน้าหลวงพ่อหันข้าง ด้านหลังเป็นรูปศาลา ตรงกลางเป็นพญาครุฑ ด้านล่างบอกปี พ.ศ.ที่สร้าง มีทั้งแบบด้านหลังที่เรียกว่า พิมพ์มีราวบันได และ พิมพ์ไม่มีราวบันได วิธีสังเกตให้ดูที่เส้นตั้งตรงที่ลูกรงบันไดทางเดินขึ้นศาลา เหรียญรุ่นนี้หลวงพ่อนำไปแจกที่บ้านเกิดของท่านด้วย คือ จ.นครศรีธรรมราช จำนวนมาก พบเห็นเฉพาะเนื้อทองแดง เพียงอย่างเดียว มีทั้งแบบรมดำและไม่รมดำ
 
4.เหรียญรุ่นสุดท้าย เป็นเหรียญรูปพญาครุฑแบกเสมา สร้าง พ.ศ.2498เหรียญรุ่นนี้สร้างจำนวนมาก ชาวบ้านในพื้นที่บางมดนิยมกันมาก เพราะหลวงพ่อได้กำชับให้เอาไว้ติดตัว พร้อมกับบอกเป็นนัยๆ ว่าเป็นรุ่นสุดท้ายของท่าน หลังจากนั้นไม่นานหลวงพ่อก็มรณภาพ เหรียญรุ่นนี้พบเห็นเฉพาะเนื้อทองแดงรมดำและไม่ได้รมดำ นอกจากนี้ยังมีเนื้อเงิน แต่มีจำนวนสร้างน้อยหายากมาก

ตลอดเวลาที่ท่านพำนักอยู่ที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ ลูกศิษย์จะเห็นว่า หลวงพ่อนับถือเลื่อมใสองค์พญาครุฑ และล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 เป็นอย่างยิ่ง
 
เหรียญหลวงพ่อโอภาสี ทุกรุ่น นับเป็นวัตถุมงคลที่มีพุทธคุณสูง น่าบูชาติดตัวเป็นอย่างยิ่ง เช่นเหรียญรุ่นแรก จัดเป็นเหรียญยอดนิยมอันดับต้นๆ ของวงการพระ มีราคาสูง เหรียญของท่านบูชาแล้วจะประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิต ชาวไทยเชื้อสายจีนนิยมกันมาก ร่ำลือว่าดียิ่งนักในเรื่องค้าขายรุ่งเรือง รวมถึงเรื่องแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี มีเรื่องราวให้ได้ยินมาเนิ่นนาน นับเป็นเหรียญพระเครื่องชั้นยอดที่น่าศรัทธาเชื่อถือ บูชาติดตัวได้อย่างมั่นใจในอานุภาพอันศักดิ์สิทธิ์




และนี่คือ ประวัติหลวงพ่อโอภาสี พระเกจิดัง ผู้สร้างอาศรมบางมด ที่ตั้ง ถนน พุทธบูชา แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร 10140



ขอบคุณ : https://www.thainewsonline.co/belief/monk-amulet/852964
14 พ.ค. 2566 เวลา 18:49 น.
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ