ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ความเชื่อจันทรุปราคา พลังราหู...กบกินเดือน  (อ่าน 936 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0




ความเชื่อจันทรุปราคา พลังราหู...กบกินเดือน

“กบกินเดือน : คติความเชื่อดั้งเดิมเรื่องจันทรคราสของคนไท ที่ถูกลืมเลือน” งานวิจัยของ สุภาพร คงศิริรัตน์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำสาขาวิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์ ม.นเรศวร บันทึกเรื่องราวนี้ไว้น่าสนใจ ระบุว่า...“กบกินเดือน” หรือ “จันทรุปราคา” เป็นคติความเชื่อดั้งเดิมของกลุ่มชาติพันธุ์ไทก่อนที่พุทธศาสนาจะเข้ามาในแถบเอเชียอาคเนย์

นิทานและแบบเรื่องของนิทานเรื่องนี้นอกจากจะสะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการความเชื่อของกลุ่มชาติพันธุ์ไทแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ไทต่างๆด้วย

“จันทรุปราคา” หรือ “จันทราคราส” เป็นปรากฏการณ์ที่ดวงจันทร์โคจรผ่านเข้าไปในเงาของโลก เราจึงมองเห็นดวงจันทร์ค่อยๆ แหว่งมากขึ้นจนลับหมดดวงและกลับโผล่ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง โดยมักจะเกิดขึ้นในคืนวันเพ็ญ 15 ค่ำ...คนสมัยโบราณเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า...“ราหูอมจันทร์” บ้าง เรียกว่า...“กบกินเดือน” บ้าง




นิทาน “กบกินเดือน” มาจากนารายณ์ อวตารปางหนึ่ง ซึ่งเป็นปางย่อยที่แทรกอยู่ในปางที่สองของ “กูรมาวตาร”...อวตารเป็นเต่า ด้วยว่า “เทวดา” กับ “อสูร” นั้นต้องการความเป็นอมตะ จึงยุติเทวาสุรสงครามการสู้รบกันชั่วคราว หันมาร่วมใจกันกวนน้ำอมฤต โดยใช้เกษียร สมุทรเป็นกระทะ ใช้ภูเขามันทระเป็นไม้พาย... และให้พญานาคเศษะขนดพันรอบเขาแทนเชือก โดยเทวดาจะจับส่วนหาง แล้วให้อสูรจับส่วนหัวของพญานาค

ปรากฏว่าเมื่อกวนไปๆเกิดความร้อนพุ่งขึ้นมาพระนารายณ์เกรงว่าโลกจะทะลุจึงอวตารเป็นเต่าไปรองรับเขามันทระไว้ เมื่อได้ “น้ำอมฤต” มาแล้วเหล่าเทวดาก็เกรงว่าหากบรรดาอสูรได้ดื่มแล้วจะเป็นอมตะพระนารายณ์จึงอวตารเป็นเทพอัปสรที่งดงามมาลวงหลอกให้เคลิบเคลิ้มงงงวย ปล่อยให้เทวดาดื่มอยู่ฝ่ายเดียว

แต่...อสูร “สุรินทรราหู” ก็ฉลาดได้แปลงกายเป็นเทวดาแฝงเข้าไปร่วมดื่มด้วย เผอิญพระอาทิตย์กับพระจันทร์ทราบเข้าจึงนำความไปบอกพระนารายณ์ จึงขว้างจักราวุธตัดตัวราหูออกเป็นสองท่อน

ทว่าราหูก็ไม่ตายด้วยฤทธิ์น้ำอมฤต ทำให้ร่างส่วนบนเป็น “ราหู” ส่วนล่างเป็น “พระเกตุ” หรือดาวเกตุ ราหูผูกใจเจ็บพระอาทิตย์และพระจันทร์จึงตามจองอาฆาตคอยกลืนกินกลายเป็นสุริยคราส ...จันทราคราส




คติความเชื่อเกี่ยวกับจันทรคราสมี 2 ลักษณะด้วยกัน...ด้านบวก เมื่อเกิดจันทรคราสหรือกบกินเดือนจะบันดาลให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ชาวบ้านจะพากันตีเกราะเคาะไม้ จุดประทัด ฯลฯ...ขับไล่สิ่งชั่วร้ายต่างๆ

ส่วน...ด้านลบ กล่าวกันว่าการเกิดคราสจะนำมาซึ่งพิบัติภัยต่างๆทั้งยังมีคำทำนายด้วยว่า... ถ้ากบกินเดือน วันอาทิตย์ จะเกิดอุบาทว์แก่บ้านเมืองสัตว์สี่เท้าจะตาย...ถ้าเป็น วันจันทร์ คนอื่นจะพินาศ...วันอังคาร ข้าวน้ำไร่นาไม่ดี...วันพุธ เกิดอุบาทว์ ขุนหอแสง หอเงิน หอคำ อุบาทว์ใหญ่...วันพฤหัสบดี เคราะห์กิ่วบ้านกิ่วเมืองมาก...วันศุกร์ น้ำใหญ่ ไฟแรง ลมหนัก คนกบฏ...วันเสาร์ น้ำมาก จะกบฏ เดือดร้อน

0 0 0 0

คัดลอกตัดตอนมาจาก “ภูมิปัญญาและความเชื่อจากปรากฏการณ์บนท้องฟ้า” บุญพีร์ พันธ์วร Think Earth: Think Sky (www.narit.or.th) ในความเชื่อของชาวกะเหรี่ยงในอำเภอแม่แจ่มเรียกว่า “ตาชื่อมื่อ” มีความเชื่อว่าแผ่นดินกินพระอาทิตย์ เพราะฉะนั้นจะต้องช่วยพระอาทิตย์ โดยการตีเกราะ ตีกลอง การเป่าเขาควายเขาโค เพื่อจะไล่ตรงนี้ออกไป นี่คืออีกหนึ่งความเชื่อของคนแต่ละเผ่าพันธุ์ ซึ่งจะแตกต่างกันไป

บางเผ่าในทวีปอเมริกาใต้ที่รบราฆ่าฟันกันมาเป็นเวลานานก็เลิกรบกัน เพราะคิดว่าพระเจ้าพิโรธ ชนเผ่าเล็กๆบางเผ่าจะมีพิธีบูชายัญเมื่อเกิดปรากฏการณ์นี้

ส่วนในประเทศจีน มีคติความเชื่อเรื่องการเกิดสุริยุปราคาอยู่ในเรื่อง “ไคเภ็ค” อันเป็นพงศาวดารการสร้างโลกของจีน ในพงศาวดารนั้นกล่าวว่า ...พระอาทิตย์ (เพศชาย) นั้นเป็นเทวดามีชื่อคัย แซ่ซึง ส่วนพระจันทร์ (เพศหญิง) เป็นเทพธิดาชื่อบี้ แซ่ถัง เป็นสามีภรรยาที่รักกันมากไม่ค่อยยอมจากกัน

...เมื่อไม่ยอมจากกันจึงทำให้ไม่ค่อยยอมทำหน้าที่ให้แสงสว่างแก่มนุษย์ แต่เกรงบารมีของคุณต่อเป็งชาน้าติอ่องสีฮ่องเต้ จึงต้องจำใจจากกันไปทำหน้าที่คนละเวลากัน เมื่อเวลาพระอาทิตย์โคจรเร็วพบกับพระจันทร์เข้าด้วยความรักก็ต้องมีการออดอ้อนกันตามประสาก็จะเกิดจันทรคราส

แต่...ถ้าพระจันทร์โคจรเร็วทันพระอาทิตย์ก็ทำให้เกิดสุริยคราส คนจีนจึงต้องจุดประทัดตีม้า ตีฬ่อ ให้เกิดอาการตกใจจากกันไปทำหน้าที่ของตน

หรืออีกความเชื่อหนึ่งของจีนคือ การเกิดสุริยุปราคาและจันทรุปราคานั้นอาจหมายถึงการที่มังกรกำลังกลืนกินดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ก็มี จึงต้องทำให้เกิดเสียงดังเพื่อให้มังกรคลายออกมา

0 0 0 0

ตำนานทางโหราศาสตร์ “ราหู” นับเป็นดาวที่มีคุณทางให้กำลังเมื่อเกิดราหูอมจันทร์คือ เงาของโลกไปบดบังทับดวงจันทร์ดำมืดนั้นเองจะมีคุณทางให้กำลังเพิ่มอานุภาพภายใน ผลักดันให้เกิดความเพียรพยายาม ขัดแข็ง ในขณะเดียวกันก็บาปที่จะทำให้เกิดความลุ่มหลงมัวเมา

เช่น ผู้ใดมีราหูกุมลัคนาจะเป็นคนขยันมาก หมายถึงเป็นคนเอาจริงเอาจัง




อาจกล่าวได้ว่าตำนานการสร้าง “พระราหูอมจันทร์” นั้นมิได้เนื่องมาจากทางโหราศาสตร์ แต่เนื่องมาจากสิ่งเดียวเท่านั้นคือ “ความเป็นอมตะและเป็นนิรันดร์ของพระราหูที่ไม่รู้จักตาย”

อันเป็นแนวทางความเชื่อของบรรพชนโบราณที่อาศัยโฉลกนี้เป็นตัวกำหนด เป็นสูตรพิธีสร้างสรรค์สิ่งซึ่งใช้คุ้มครองตนให้มีชีวิตเป็นอมตะ รอดพ้นจากภยันตรายต่างๆ

อีกทั้งยังมีคุณวิเศษอื่นๆอีกมากมาย ด้วยว่าอานุภาพแห่งพระราหูนี้มีกล่าวไว้ในหลายๆ ตำราหลากหลายความเชื่อด้วยกัน ซึ่งแตกต่างกันไปตามแต่ละท้องถิ่น ทั้งพุทธ ฮินดู ไสยศาสตร์และโหราศาสตร์




เชื่อศรัทธากันเป็นอย่างยิ่งว่า...อานุภาพแห่ง “พระราหู” นั้นมีมาช้านานแล้ว

ดังที่ อาจารย์บุญส่ง สุขสำราญ ได้ประมวลสรุปถึงอานุภาพแห่งพระราหู ไว้ดังนี้ หนึ่ง...ใช้ป้องกันอาวุธ หอก ดาบ หน้าไม้ ปืน ตลอดจนภัยพิบัติต่างๆ สอง...เพื่อให้เกิดลาภผลและแก้วแหวนเงินทอง สาม...ป้องกันคุณไสยกระทำย่ำยี เสน่ห์ เสนียดจัญไร ผีปอบ ผีป่า สี่...เพื่อให้ผู้พบเห็นเกิดความเมตตา ปราณี รักใคร่

ห้า...เพื่อให้เกิดความเจริญก้าวหน้าเรื่องการงาน เป็นต้น

“ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.

                                     รัก–ยม





Thank to : https://www.thairath.co.th/lifestyle/culture/2700796
11 มิ.ย. 2566 06:14 น. | ไลฟ์สไตล์ > วัฒนธรรม > รัก-ยม
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ