

มหากัจจายนเถรคาถา ว่าด้วย คาถาสุภาษิตของพระมหากัจจายนเถระเหตุการณ์ : ภาษิตของพระมหากัจจายนเถระ ท่านพระมหากัจจายนะกล่าวสอนพระภิกษุทั้งหลาย ว่าดังนี้
ภิกษุไม่ควรทำการงานให้มาก ควรหลีกเร้นหมู่ชน ไม่ควรขวนขวายเพื่อยังปัจจัยให้เกิด
ภิกษุผู้ติดรสอาหาร ภิกษุนั้นชื่อว่าเป็นผู้ขวนขวายเพื่อยังปัจจัยให้เกิด และชื่อว่าละทิ้งประโยชน์อันจะนำความสุขมาให้
การไหว้การบูชาในสกุลทั้งหลาย เป็นเปือกตม ละได้ยาก
ไม่ควรแนะนำสัตว์อื่นให้ทำกรรมอันเป็นบาปและไม่พึงส้องเสพกรรมนั้นด้วยตนเอง
คนเราย่อมไม่เป็นโจรหรือเป็นมุนีเพราะคำของบุคคลอื่น บุคคลรู้จักตนเองว่าเป็นอย่างไร เทพเจ้าทั้งหลายก็รู้จักบุคคลนั้น ว่าเป็นอย่างนั้น
พวกใดรู้ตัวว่าจักพากันไปสู่มัจจุราช ความทะเลาะวิวาทย่อมระงับไปเพราะพวกนั้น
บุคคลผู้มีปัญญาถึงจะสิ้นทรัพย์ก็ยังเป็นอยู่ได้ ผู้มีปัญญาถึงมีตาดี ก็ทำเหมือนคนตาบอด ถึงมีหูดีก็ทำเป็นดังคนหูหนวก ถึงมีปัญญาก็ทำดังคนใบ้ ถึงมีกำลังก็ทำเป็นดังคนทุรพล แต่เมื่อประโยชน์เกิดขึ้น ถึงจะนอนอยู่ในเวลาใกล้ตาย ก็ยังทำประโยชน์นั้นได้ ขอขอบคุณ :-
อ้างอิง : มหากัจจายนเถรคาถา พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๖ ข้อที่ ๓๖๖
URL :
https://uttayarndham.org/node/2258
อีกสำนวนหนึ่ง....
๑. มหากัจจายนเถรคาถา ภาษิตของพระมหากัจจายนเถระ
(พระมหากัจจายนเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ว่า)
[๔๙๔] ภิกษุไม่พึงทำงานก่อสร้างให้มาก(๑-) พึงเว้นห่างหมู่ชน ไม่พึงขวนขวายเพื่อประจบสกุล ภิกษุผู้ขวนขวายนั้นชื่อว่าติดในรส ย่อมละทิ้งประโยชน์ที่จะนำความสุขมาให้
[๔๙๕] ด้วยว่านักปราชญ์มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ได้กล่าวการไหว้และการบูชาในตระกูลทั้งหลายว่า เป็นเปือกตม เป็นลูกศรอันแหลมคมซึ่งถอนขึ้นได้ยาก เป็นสักการะที่คนชั่วละได้ยาก
[๔๙๖] ภิกษุไม่พึงแนะนำให้คนอื่นกระทำกรรมชั่ว และไม่พึงส้องเสพกรรมชั่วนั้นเสียเอง เพราะสัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์
[๔๙๗] คนเราจะเป็นโจรเพราะคำพูดของผู้อื่นก็หาไม่ จะเป็นมุนีเพราะคำพูดของผู้อื่นก็หาไม่ และบุคคลรู้จักตนเองว่าเป็นอย่างไร แม้เทพทั้งหลายก็รู้จักเขาว่าเป็นอย่างนั้น
[๔๙๘] พวกอื่นย่อมไม่รู้ว่า พวกเราย่อยยับอยู่ในโลกนี้ บรรดาชนเหล่านั้น ชนเหล่าใดรู้แจ้งอยู่ ความทะเลาะวิวาทกันย่อมระงับได้จากสำนักของคนเหล่านั้น
[๔๙๙] ผู้มีปัญญาถึงจะสิ้นทรัพย์ ก็เป็นอยู่ได้ ส่วนคนมีทรัพย์ แต่ไม่มีปัญญา ก็เป็นอยู่ไม่ได้
[๕๐๐] บุคคลย่อมได้ยินเสียงทุกอย่างด้วยหู ย่อมเห็นรูปทุกอย่างด้วยตา ส่วนนักปราชญ์ไม่พึงละทิ้งทุกอย่างที่ได้เห็น ที่ได้ยิน
[๕๐๑] ผู้เป็นปราชญ์นั้นถึงมีตาดี ก็พึงทำเป็นเหมือนคนตาบอดถึงมีหูดี ก็พึงทำเป็นเหมือนคนหูหนวก ถึงมีปัญญา ก็พึงทำเป็นเหมือนคนใบ้ ถึงมีกำลัง ก็พึงทำเป็นเหมือนคนอ่อนแอ ครั้นเมื่อประโยชน์เกิดขึ้นแล้ว ถึงจะนอนในเวลาใกล้จะตาย ก็ยังทำประโยชน์ให้สำเร็จได้เชิงอรรถ : (๑-) ไม่พึงเริ่มงานก่อสร้างใหม่ ที่ใหญ่ เช่นการสร้างวัดใหม่เป็นต้น ซึ่งขัดต่อการบำเพ็ญสมณธรรม แต่งานปฏิสังขรณ์เสนาสนะที่ทรุดโทรม ซึ่งใช้ความพยายามเล็กน้อย ควรทำแท้ เพื่อปฏิบัติบูชาพระดำรัสของพระศาสดา (ขุ.เถร.อ. ๒/๔๙๔/๑๖๔)ที่มา : พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตถุ เถร-เถรีคาถา
website :
https://84000.org/tipitaka/attha/m_siri.php?B=26&siri=366ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=26&i=366