ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: การศึกษาไทยย้อนยุค ประวัติศาสตร์สุโขทัย ‘แดนเนรมิต’  (อ่าน 913 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
.

เมืองสุโขทัย “แดนเนรมิต” ของประวัติศาสตร์ไทยในการศึกษาไทยย้อนยุค


การศึกษาไทยย้อนยุค ประวัติศาสตร์สุโขทัย ‘แดนเนรมิต’ โดย สุจิตต์ วงษ์เทศ

พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ประกาศมอตโต้ หรือนโยบาย “เรียนดี มีความสุข”

นายสมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการด้านการศึกษา มองว่าคำประกาศนโยบายไม่ตรงกับข้อเท็จจริง และขัดแย้งกับสถานการณ์การศึกษาในขณะนี้ จะเห็นว่าเด็กไทยไม่ใช่เรียนดี มีความสุข แต่เป็นเรียนหนัก มีแต่ทุกข์ เพราะระบบการเรียนรู้เต็มไปด้วยเนื้อหาสาระ แข่งขัน และการสอบ โดยเด็กในไทยน่าจะเรียนหนัก และเรียนเยอะที่สุดในโลกแล้ว

มอตโต้ที่ประกาศกลับพาย้อนยุคไปสู่อดีตใน พ.ศ. 2503 ที่มีวิชาหน้าที่พลเมือง, วิชาประวัติศาสตร์, วิชาศีลธรรม, วิชาวิทยาศาสตร์, วิชาภาษาอังกฤษ, และวิชาภาษาไทย เป็นต้น

(ที่มา : มติชน ฉบับวันอังคารที่ 10 ตุลาคม 2566 หน้า 7)


@@@@@@@

ประเด็นกระทรวงศึกษาฯ พาย้อนยุค มีตัวอย่างหลักฐานในตำราวิชาประวัติศาสตร์ไทยทุกวันนี ประวัติศาสตร์ชาติไทย หนังสือของกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ตามคำสั่งคณะรัฐประหาร 2557 (พิมพ์เผยแพร่ครั้งแรก พ.ศ. 2558) ซึ่งเป็นแนวทางการเรียนการสอนทั่วประเทศชั้นมัธยมศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ

สุโขทัยเป็นราชธานีแห่งแรกของไทย ถูกถอดออกไปอย่างเงียบๆ (โดยไม่บอกความจริงแก่สาธารณะ) แต่แทนที่ด้วยสุโขทัยเป็นรัฐลำดับแรกของคนไทยในพุทธศตวรรษที่ 18 หรือ หลัง พ.ศ. 1700 ส่วนอยุธยาเป็นรัฐลำดับสองรองจากสุโขทัย

ลักษณะอย่างนี้เหมือน “เจ้าเล่ห์” แค่ไม่เอ่ย “ราชธานีแห่งแรก” แต่ก็เป็นรัฐลำดับแรกของไทย เนื้อหาทั้งหมดเหมือนเดิม หรือตามแนวคิดศตวรรษที่แล้วคือ สุโขทัยราชธานีแห่งแรกของไทย ทั้งๆ หลักฐานเปลี่ยนไปแล้ว

หนังสือประวัติศาสตร์ชาติไทย (พ.ศ. 2558 หน้า 76) บรรยายถึงสุโขทัยเหมือน “แดนเนรมิต” จะยกตัวอย่างมาเป็นพยาน ดังนี้

    “สุโขทัยเป็นราชอาณาจักรแรกๆ ที่ถือว่าเป็นอาณาจักรของคนไทย มีความเจริญรุ่งเรืองทุกๆ ด้าน เป็นรัฐในอดุมคติเนื่องจากเป็นรัฐที่มีความสงบสุข ผู้ปกครองมีความเมตตาเหมือนบิดาปกครองบุตร มีเสรีภาพในการประกอบอาชีพ เป็นเมืองแห่งพระพุทธศาสนา มีความงามเป็นเลิศทางด้านศิลปกรรม
     ดังปรากฏให้เห็นในรูปแบบของพระพุทธรูป และสถาปัตยกรรมในสมัยนี้ สมดังชื่อเมืองซึ่งมีความหมายว่า เมืองรุ่งอรุณแห่งความสุข อาณาจักรสุโขทัยมีอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18-20 ในช่วงแรกอาณาจักรสุโขทัยมีความยิ่งใหญ่ รุ่งเรือง และเจริญในทุกๆ ด้าน—-”


อ่านแล้ว “พาฝัน” ปานนิยานน้ำเน่า

@@@@@@@

เพื่อความเข้าใจตามหลักฐานวิชาการว่าสุโขทัยไม่เป็นอย่างนั้น จะขอยกบทความตอนหนึ่งของ อ.ศรีศักร วัลลิโภดม เขียนไว้ 52 ปีที่แล้ว ตั้งแต่ พ.ศ. 2514 ดังนี้

เรื่องการตั้งกรุงสุโขทัยเป็นราชธานีแห่งแรกของชนชาติไทย เนื้อความในประวัติศาสตร์ตอนนี้ มีอย่างย่อๆ ว่าชนชาติไทยอพยพเข้ามาในดินแดนประเทศไทยแล้วแต่ราวพุทธศตวรรษที่ 18 มาอยู่ภายใต้อำนาจการปกครองของพวกขอม ต่อมาเมื่อขอมเสื่อมอำนาจลงชาวไทยที่อยู่ทางตอนเหนือของลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาอันมีพ่อขุนผาเมืองเจ้าเมืองราด และพ่อขุนบางกลางหาวเจ้าเมืองบางยาง ได้ขับไล่ขุนนางขอมที่ปกครองเมืองสุโขทัยได้สำเร็จ แล้วตั้งตัวเป็นอิสระ มีพ่อขุนบางกลางหาวปกครองกรุงสุโขทัย ทรงพระนามว่าพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ แต่นั้นมาอำนาจของสุโขทัยก็แผ่ไปทั่วดินแดนในประเทศไทย จึงถือกันว่ากรุงสุโขทัยเป็นราชธานีแห่งแรกของเมืองไทย

เรื่องราวประวัติศาสตร์ตอนนี้ นักประวัติศาสตร์ท่านสร้างขึ้นจากข้อมูล 2 อย่างด้วยกัน

อย่างแรก เป็นเรื่องสมมุติขึ้นตามความเชื่อในเรื่องเชื้อชาติ และทฤษฎีในเรื่องชัยชนะ คือเรื่องที่ว่าคนไทยอพยพเข้ามาในดินแดนประเทศไทยแต่ราวพุทธศตวรรษที่ 18 แล้วเข้ามาอยู่ภายใต้อำนาจขอม เรื่องดังกล่าวนี้ไม่มีอยู่ในหลักฐานทั้งทางด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดีเลย

ข้อมูลอย่างที่สอง คือ เรื่องเกี่ยวกับพ่อขุนผาเมือง พ่อขุนบางกลางหาว และการก่อตั้งกรุงสุโขทัยนั้นมีอยู่ในศิลาจารึกหลักที่ 2 ของกรุงสุโขทัย

แต่ในเรื่องราวที่มีอยู่ในศิลาจารึกนั้นไม่มีอะไรเพียงพอเลยที่จะระบุว่า พ่อขุนผาเมืองและพ่อขุนบางกลางหาว รบพุ่งชิงเมืองสุโขทัยจากขุนนางขอมที่กรุงกัมพูชาส่งมาปกครองดินแดนในประเทศไทย หรืออีกนัยหนึ่งจารึกไม่ใด้กล่าวเลยว่า การรบพุ่งชิงเมืองสุโขทัยและการขึ้นครองราชย์ของพ่อขุนบางกลางหาวนั้นเป็นการที่คนไทยตั้งตัวเป็นอิสระจากพวกขอม

นักประวัติศาสตร์ท่านมีความลำเอียงและเชื่อในเรื่องเชื้อชาติและทฤษฎีแห่งชัยชนะอยู่แล้ว พอพบอะไรในจารึกที่เกี่ยวกับขอมหน่อยก็เลยลากเอาไปเข้าเป็นเรื่องเป็นราวปะติดปะต่อกับสิ่งที่ตนคิดไว้ก่อนแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้จึงละเลยข้อมูลอื่นๆ ที่มีอยู่ในจารึกที่เห็นว่าไม่เกี่ยวข้องเสีย


@@@@@@@

อันที่จริงถ้านักประวัติศาสตร์ท่านไม่หลงในเรื่องเชื้อชาติและทฤษฎีแห่งชัยนะแล้ว และพิจารณาข้อมูลในศิลาจารึกกรุงสุโขทัยหลักที่ 2 และหลักอื่นๆ ตลอดจนเอกสารในด้านตำนานและพงศาวดารให้ดีแล้ว ก็น่าจะพบเรื่องราวการรบพุ่งชิงเมืองสุโขทัยของพ่อขุนผาเมืองและพ่อขุนบางกลางหาวนั้น ตีความได้แต่เพียงว่า เป็นการรบพุ่งชิงบ้านเมืองกันเองในระหว่างบ้านเมืองในแคว้นสุโขทัยในดินแดนประเทศไทยเท่านั้น หาได้เกี่ยวข้องในเรื่องการที่กรุงกัมพูชามีอำนาจปกครองดินแดนในประเทศไทยไม่

การเกี่ยวข้องกับกรุงกัมพูชานั้นเป็นในด้านไมตรีและการแต่งงานระหว่างกษัตริย์ในดินแดนประเทศไทยกับกัมพูชาเท่านั้น ข้อขัดแย้งในเรื่องการแปลความเรื่องราวในศิลาจารึกกรุงสุโขทัยไปในทำนองที่มีอำนาจทางการเมืองของขอมในดินแดนประเทศไทยนี้ ผู้เขียนได้เคยเขียนบทความโต้แยังคัดค้านไว้แล้วในวารสารช่อฟ้า

ความหลงเชื่อในแนวความคิดเรื่องเชื้อชาติ และทฤษฎีแห่งชัยชนะของนักประวัติศาสตร์นั้นทำให้บานปลายใหญ่ จะเห็นว่าท่านเชื่อไปว่าพอคนไทยตั้งตัวเป็นอิสระจากพวกขอมแล้ว พอถึงรัชกาลพ่อขุนรามคำแหงก็ปรากฏว่า กรุงสุโขทัยมีอำนาจยิ่งใหญ่เหนือดินแดนประเทศไทยทั้งหมด นอกจากนั้นยังกินเลยเข้าไปในเมืองเมาะตะมะหงสาวดี และเวียงจันทน์เวียงคำในดินแดนประเทศลาวอีกด้วย

ท่านมองไปในลักษณะที่ว่าคนไทย ขับไล่ขอม ขอมหมดไป ดินแดนประเทศไทยจึงเป็นของกรุงสุโขทัยแต่ผู้เดียว ทั้งๆ ที่เรื่องราวในจารึกก็ดี ตำนานพงศาวดารในสมัยนั้นก็ดี ระบุอยู่ว่า สุโขทัยไม่ใช่เป็นทั้งหมดของดินแดนประเทศไทย ไมใช่ราชธานีแห่งแรกของชนชาติไทย

สมัยนั้นบ้านเมืองในดินแดนประเทศไทย แบ่งออกเป็นแคว้นๆ เช่น แคว้นอยุธยา แคว้นนครศรีธรรมราช แคว้นล้านช้าง และแคว้นลานนาไทย เป็นต้น โดยเฉพาะแคว้นลานนาไทยนั้นประชาชนมีความเป็นคนไทยมากกว่าทางสุโขทัยเสียอีก ถ้าหากเชื่อในเรื่องที่ว่าคนไทยมาจากประเทศจีนแต่นับว่าแปลกประหลาดที่นักประวัติศาสตร์ท่านกลับถือว่าลานนาไทยเป็นลาวไป โดยเหตุนี้สุโขทัยจึงเป็นราชธานีแห่งแรกของชนชาติไทย นักเรียนเรียนกันแต่ประวัติศาสตร์สุโขทัย ส่วนลานนาไทยไม่ปรากฏว่าเรียกกัน

ผู้เขียนคิดว่านักประวัติศาสตร์ผู้สร้างประวัติศาสตร์ไทยตอนที่กล่าวมานี้ นอกจากงมงายในเรื่องเชื้อชาติและเรื่องทฤษฎีแห่งชัยชนะแล้ว ยังไม่มีการวัดค่าของข้อมูล โดยเฉพาะศิลาจารึกว่ามีความแน่นอนเพียงใด ความผันแปรเพียงใด ตามหลักของวิชาวิจัยอีกด้วย จึงคิดว่าอะไรๆ ที่มีอยู่ในศิลาจารึกเป็นเชื่อได้หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ทั้งนั้น

[จบข้อความคัดจาก อ. ศรีศักร วัลลิโภดม เขียนไว้ 52 ปีมาแล้ว]

@@@@@@@

ประวัติศาสตร์เฟกๆ อย่างประวัติศาสตร์สุโขทัย “แดนเนรมิต” เป็นปฏิปักษ์ต่อพลังสร้างสรรค์ของโลกอนาคต และไม่ซอฟต์ เพาเวอร์






Thank to : https://www.matichon.co.th/columnists/news_4236579
ผู้เขียน   : สุจิตต์ วงษ์เทศ | วันที่ 17 ตุลาคม 2566 - 18:21 น.   
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ