.
.
การแพร่กระจายของ "คาถา-เยธัมมา" จากชมพูทวีปสู่สุวรรณภูมิ
A SPREADING OF YE DHAMMA STANZA FROM JAMBUDIPA TO SUVANNABHUMI
พระมหาดาวสยาม วชิรปญฺโญ
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณาชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
Phramaha Daosayam Vajirapanno
Mahachulalongkornrajavidyalaya University Khonkaen Campus, Thailnad
Email : starsiam45@hotmail.com
บทคัดย่อ
พระพุทธศาสนาได้ก่อกำเนิดขึ้นเมื่อ 2600 กว่าปีที่ผ่านมา ณ ดินแดนชมพูทวีป หรือประเทศอินเดียในปัจจุบัน โดยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ชาวพุทธเรียกกันติดปาก พระองค์มีนามจริงว่า สิทธัตถะ(สันสกฤต สิทธารถะ) นามสกุลว่า โคตรมะ (สันสกฤตว่า เคาตมะ) เมื่อทรงออกผนวช พระชันษา 29 ต้องใช้เวลาบำเพ็ญเพียรอยู่ถึง 6 ปี จึงได้บรรลุสัมมาสัมโพธิญาณ จากนั้นจึงได้แสดงธรรมครั้งแรกโปรดปัญจวัคคีย์ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี
เมื่อออกพรรษาแล้ว จึงได้ส่งสาวก 60 องค์ ไปเผยแผ่พุทธศาสนา โดยย้ำไม่ให้เสด็จไปด้วยกันทางเดียว เพื่อพุทธศาสนาจะได้รับการเผยแผ่ไปในวงกว้าง เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่สรรพสัตว์ทั้งมวล ในบรรดาพระสาวกทั้ง 60 องค์นั้น พระอัสสชิเถระ(สันสกฤตว่า อัศวชิต) ชาวเมืองกบิลพัสดุ์ ออกบวชพร้อมคณะปัญจวัคคีย์ ได้เดินทางมุ่งหน้าไปยังกรุงราชคฤห์ เพื่อเผยแผ่พุทธศาสนาตามพุทธดำรัสของพระพุทธองค์
ในขณะที่ท่านบิณฑบาตบนถนนภายในเมืองราชคฤห์ อุปติสสะปริพพาชกซึ่งต่อมา คือ พระสารีบุตร เกิดความสนใจจึงติดตามแล้วขอฟังธรรมจากท่าน พระเถระจึงได้แสดงธรรมโปรดแบบย่อ ๆ ว่า "เย ธัมมา เหตุปัพพวา เตสัง เหตุง ตถาคโต เตสัญจ โย นิโรโธ จ เอวัง วาที มหาสมโณ" คาถาเย ธัมมานี้เองต่อมาได้กระจายไปทั่วอินเดีย มากกว่าคาถาอื่น ๆ จากนั้นได้กระจายไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สู่ดินแดนสุวรรณภูมิคำสำคัญ : พระคาถา เย ธัมมา ; พระอัสสชิ ; อุปติสสะปริพพาชาก ; ชมพูทวีป ; สุวรรณภูมิ ______________________________________________________________
ได้รับบทความ : 11 กุมภาพันธ์ 2564 ; แก้ไขบทความ : 27 มีนาคม 2564 ; ตอบรับตีพิมพ์ : 30 มีนาคม 2564
Received : February 11, 2021 ; Revised : March 27, 2021 ; Accepted : March 30, 2021
Abstract
Buddhism was founded by Shakyamuni Buddha in 2600 years ago, he came from Shakya clan, when he was 29 years old, he left the palace from Kapilvastu and decided to renounce the world and search for the way of enlightenment,
finally he got it under the Bodhi tree in the full moon day of Visakha month when he was 35 years old, and taught his sermon to 5 disciples at Isipatana deer park near Varanasi, finally he got 60 disciples for first retreat lent.
After the first Buddhist lent, the Buddha himself has sent 60 disciples for spreading Buddhism in all directions for the benefit of people and human peace,
among them, venerable Assaji (Asvajit in Sanskrit) came to Rajagaha (Rajagriha in San-skrit) and taught to Upatissa in a short stanza (Sloka) that
“Ye Dhamma Hetu Pabhava Tesam Tetum Tathagato Tesanca Yo Nirodho Ca Evam Vadi Mahasamano”.
After that, Buddhism spread throughout Jambudipa (Jambudvipa in Sanskrit) or India and Suvan-nabhumi (Suvarnabhumi in Sanskrit) or Southeast Asia and become the most popular stanza in Buddhism.Keywords : Ye Dhamma Stanza ; Assaji ; Upatissa ; Jambudipa ; Suvannabhumi
บทนำ
คาถาเย ธัมมา เป็นคาถาที่สำคัญคาถาหนึ่งในพุทธศาสนาเถรวาท จนมีนักวิชาการบางคนกล่าวว่าคาถานี้เป็นหัวใจของพุทธศาสนาเลยทีเดียว คาถานี้เกิดขึ้นที่เมืองราชคฤห์ ผู้กล่าวเป็นท่านแรก คือ พระอัสสชิ อันเป็นหนึ่งในคณะปัญจวัคคีย์ชาวเมืองกบิลพัสดุ์ ออกบวชตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จนได้ฟังธรรมครั้งแรกที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสีแล้วขออุปสมบท (วิ.ม. (ไทย) 4.10/15)
จากนั้นเดินทางมาเผยแผ่พระธรรมตามพุทธโอวาทของพระพุทธองค์ แล้วได้แสดงธรรมโปรดอุปติสสะปริพพาชกจนได้ดวงตาเห็นธรรม เพราะอุปติสสะเป็นคนมีปัญญามาก อาศัยฟังเพียงโศลกหรือคาถาแค่นี้ แต่สามารถบรรลุโสดาบันได้
เมื่อเข้ามาบวชเป็นพระสงฆ์ในทางพุทธศาสนาแล้ว อุปติสสะปริพพาชกรู้จักกันในนามของพระสารีบุตรระลึกถึงและให้ความเคารพอาจารย์ของท่านเป็นอย่างยิ่ง เมื่อทราบว่าอาจารย์ท่านอยู่ในทิศใด จะหันหัวไปทางทิศนั้น แล้วกราบลงด้วยความเคารพอย่างสูง
คาถาเย ธัมมานี้มี 2 ลักษณะ คือ
1. ลักษณะในภาษาบาลี เขียนเต็มว่า
“เย ธมฺมา เหตุปฺปพพวา เตสํ เหตํ ตถาคโต อาห
เตสญฺจ โย นิโรโธ จ เอวํ วาที มหาสมโณ”
2. ลักษณะในภาษาสันสกฤต เขียนเต็มว่า
“เย ธรฺมา เหตุปฺปรฺพวา เหตํ เตสามฺ ตถาคตห หยวททตฺ
เตสามฺ จ โย นิโรธห เอวามฺ วาที มหาศรฺมณ”
ส่วนคำแปลนั้นเหมือนกันทั้งภาษาบาลีและสันสกฤต โดยแปลว่า “ธรรมเหล่าใดมีเหตุเป็นแดนเกิด พระตถาคตตรัสแสดงเหตุ และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะมีปกติตรัสอย่างนี้” (วิ.ม. (ไทย) 4/60/73)
ความหมาย คือ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีเหตุเป็นแดนเกิด คือ มีสาเหตุของการเกิดทั้งนั้น ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นมาลอยๆ ดังนั้นจะต้องรู้ขั้นตอนการเกิดและการดับเหตุของธรรมเหล่านั้น การเข้าไปดับซึ่งเหตุของธรรมเหล่านั้นจึงเป็นเรื่องที่ถูกต้อง และควรรู้ พระพุทธองค์มีปกติตรัสอย่างนี้
พระคาถานี้มีปรากฏในพระวินัยปิฎกมหาวรรค มหาขันธกะ เป็นเหตุการณ์ที่พระอัสสชิแสดงธรรมโปรดแก่อุปติสสะปริพพาชก