ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: “เจ้าคุณหรรษา” ฝากแก้ ก.ม. พระถูกกล่าวหาผิดอาญา “ยังไม่ต้องสละสมณเพศ”  (อ่าน 948 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29339
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
.



“เจ้าคุณหรรษา” ฝากแก้ ก.ม. พระถูกกล่าวหาผิดอาญา “ยังไม่ต้องสละสมณเพศ”

ชี้การแก้ไข พ.ร.บ.คณะสงฆ์ มาตรา 29 เพื่อไม่ให้พระสงฆ์ที่ถูกกล่าวหาต้องสละสมณเพศ และมีสถานที่ควบคุมเป็นการเฉพาะจนกว่าคดีถึงที่สุด

พระเมธีวัชรบัณฑิต (หรรษา ธมฺมหาโส) เจ้าอาวาสวัดใหม่ (ยายแป้น) ผอ.วิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ (IBSC) มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัวว่า ในโอกาส 120 ปี ชาตกาล สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสโภ) วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ อยากฝากพรรคเพื่อไทยแก้ไข พ.ร.บ.คณะสงฆ์ มาตรา 29 หลังจากเห็นข่าวนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เตือนว่าขออย่าแชร์ภาพพระ AI เที่ยวคาราโอเกะ ก็อนุโมทนาสาธุที่รัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย รวมถึงทีมงานที่ปรึกษาได้พากันเอาใจใส่และเป็นธุระในการทำหน้าที่ปกป้อง และคุ้มครองพระพุทธศาสนา อย่างไรก็ดี สิ่งที่อยากจะฝากท่านรัฐมนตรี และทีมงาน ที่สังกัดพรรคเพื่อไทยในฐานะที่เป็นรัฐบาล ก็คือ อยากให้หันมาสนใจทำงานในเชิงโครงสร้าง จะเป็นการเข้ามาช่วยรักษาพระศาสนาในระยะยาว และยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

@@@@@@@

นโยบายแห่งรัฐของรัฐบาลได้กล่าวถึงกฏหมายรัฐธรรมนูญ ปี 2560 มาตรา 67 โดยได้ย้ำเตือนว่ารัฐจะเข้าไปสร้างระบบและกลไกส่งเสริมคุณธรรม รวมถึงการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา และการมีมาตรการและกลไกในการป้องกันด้วย จากมาตรานี้ จึงเห็นสมควรให้มีการแก้ไข พ.ร.บ.คณะสงฆ์ มาตรา 29 ที่ระบุว่า พระภิกษุรูปใดถูกจับโดยต้องหาว่ากระทำความผิดอาญา ถ้าพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการไม่เห็นสมควรให้ปล่อยตัวชั่วคราว และเจ้าอาวาสวัดที่พระภิกษุรูปนั้น สังกัดไม่รับมอบตัวไว้ควบคุม หรือพนักงานสอบสวนไม่เห็นสมควรให้เจ้าอาวาสรับตัวไปควบคุม หรือพระภิกษุรูปนั้นมิได้สังกัดในวัดใดวัดหนึ่ง พนักงานสอบสวนมีอำนาจจัดดำเนินการให้พระภิกษุรูปนั้นสละสมณเพศเสียได้ ซึ่งมาตรานี้ถูกตราขึ้นในยุคจอมพลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ในปี 2505 ซึ่งเป็นปีที่ “หลวงพ่ออาจ” ถูกกล่าวหาว่า เป็นคอมมิวนิสต์ และเป็นเหตุแห่งการจับกุม คุมขัง และเป็นเหตุแห่งการบังคับให้หลวงพ่อลาสิกขา และจำพรรษาอยู่ในสันติปาลาราม จนในที่สุดศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องในปี 2509 โดยในคำพิพากษาตอนท้าย ศาลยังได้ย้ำกับหลวงพ่อว่า ให้นับว่าเป็นกรรมของท่านเอง

กรรมที่หลวงพ่อได้รับในวันนั้น นับเป็นทั้งอดีตกรรม และปัจจุบันกรรมที่ท่านต้องกลายเป็นนักโทษถูกคุมขังระหว่างปี 2505-2509 ยังไม่รวมถึงข้อหาอื่นตั้งแต่ปี 2503 จนกาลผ่านมา 120 ปีแห่งชาตกาลของหลวงพ่อ ประวัติศาสตร์ดังกล่าวก็ตามมาหลอกหลอนพระเถระผู้ใหญ่หลายท่านดังที่เกิดขึ้นในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา ประเด็นคือ พรรคเพื่อไทยในขณะที่เป็นฝ่ายค้านก็เคยออกมาอภิปรายประเด็นนี้อยู่หลายรอบ ถึงประเด็นความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับสิ่งที่พระผู้ใหญ่ต้องมาเผชิญกับชะตากรรมดังที่ปรากฏ แต่ถึงวันนี้ ยังไม่ได้ยินว่า พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และทีมที่ปรึกษาจะมีแนวทางต่อประเด็นนี้อย่างไร


@@@@@@@

ในส่วนของหลักสูตรสันติศึกษา มจร ได้กระตุ้นให้นิสิตท่านหนึ่งซึ่งเป็นผู้อำนวยการในกระทรวงยุติธรรมที่มีฐานะเทียบเท่าอธิบดี ได้ทำดุษฎีนิพนธ์เกี่ยวกับประเด็นนี้ในหัวข้อว่า บทบัญญัติและกฎหมายเกี่ยวกับสถานที่พักสงฆ์สำหรับพระภิกษุที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญาที่เอื้อต่อวิถีพระธรรมวินัย คำตอบที่ได้คือ การจะแก้ประเด็นนี้ในระยะยาวได้ จะต้องแก้ไขมาตรา 29 ดังที่ได้กล่าวไว้ เพื่อเปิดทางให้กระทรวงยุติธรรม อาจจะโดยกรมราชทัณฑ์ เสนอให้มีการออกกฏกระทรวงให้สามารถกำหนดสถานที่ควบคุมพระสงฆ์เพิ่มเติม ซึ่งมิใช่ทัณฑสถาน อันจะทำให้ท่านสามารถประกอบศาสนกิจได้ จนกว่าคดีจะถึงที่สุด โดยไม่ต้องบังคับให้สละสมณเพศ หรือลาสิกขา ดังที่ปรากฏในมาตรา 29

โอกาส 120 ปี ชาตกาลของ “หลวงพ่ออาจ อาสภมหาเถระ” จึงอยากจะฝากประเด็นนี้ ไปถึงพรรคเพื่อไทย ที่กำกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้หันมาพิจารณา และยกระดับสู่การแสวงหาแนวทางในการพูดคุย ปรึกษาหารือระหว่างกระทรวงยุติธรรม มหาเถรสมาคม และภาคประชาสังคม รวมถึงคณะนิติศาสตร์ มจร เพื่อจะได้กำหนดแนวทางร่วมกัน มิให้ประวัติศาสตร์หวนกลับมาหลอกหลอนพระผู้ใหญ่ หรือพระสงฆ์ในสังคมไทย และประวัติศาสตร์จักได้จารึกไว้ให้โลกได้จดจำว่ารัฐบาลเพือไทย รวมถึงนักการเมืองที่เป็นชาวพุทธ ได้ตระหนักรู้ในประเด็นนี้ จึงได้ช่วยกันคุ้มครอง และออกแบบกลไกที่เหมาะสมต่อการรักษาพระศาสนาให้รุ่งเรืองต่อไป





ขอบคุณ : https://www.dailynews.co.th/news/2884554/
10 พฤศจิกายน 2566 ,9:20 น. | การศึกษา-ไอที   
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ