ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: 4 ข้อเสนอปกป้องผู้บริโภค สู้เน็ตอืด-ไม่มีโปรฯ ถูก หลัง TRUE-DTAC ควบรวมกิจการ  (อ่าน 968 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29339
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
.



4 ข้อเสนอปกป้องผู้บริโภค สู้เน็ตอืด-ไม่มีโปรฯ ถูก หลัง TRUE-DTAC ควบรวมกิจการ

Summary

    • ปัญหาที่เกิดขึ้นหลังการควบรวม TRUE-DTAC มาปีกว่า ผู้บริโภคพบปัญหาในการใช้บริการ เช่น สัญญาณอินเทอร์เน็ตช้า สัญญาณหลุดบ่อย โปรโมชันเดิมหมด ต้องใช้โปรโมชันที่แพงขึ้น ค่าบริการในแต่ละระดับแพ็กเกจมีราคาเท่ากัน ทำให้ไม่มีทางเลือก และคอลเซ็นเตอร์โทร. ติดยาก

    • หลัง TRUE-DTAC ถูกร้องเรียนเรื่องคุณภาพและบริการ กสทช. ก็ได้ออกมาชี้แจงถึงมาตรการเยียวยาผู้บริโภค แต่ก็ถูกสังคมวิจารณ์ว่า มีลักษณะคล้ายการตอบโต้และแก้ต่างแทนผู้ให้บริการ มากกว่าการแก้ไขปัญหาให้ผู้บริโภค

    • การร้องเรียนจากประชาชนเรื่องบริการของ TRUE-DTAC ไม่ใช่เป็นการเรียกร้องเฉพาะประเด็นปัญหาที่ประสบเท่านั้น แต่ยังเป็นภาพสะท้อนการต่อสู้ของภาคประชาชนภายใต้โครงสร้างเศรษฐกิจประเทศไทยที่อยู่ในเงื้อมือทุนผูกขาดยักษ์ใหญ่ในทุกสาขาได้เป็นอย่างดี




คงมีแต่คนมองโลกในแง่ดีราวกับอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์เท่านั้น ที่จะเชื่อว่า เมื่อนายทุนควบรวมกิจการแล้ว คุณภาพการให้บริการจะดีขึ้น และราคาสินค้าจะถูกลง

แต่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้มีประสบการณ์ มีความรู้ความเชี่ยวชาญ และที่สำคัญคือมีหน้าที่ตามกฎหมายในการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน มิให้ถูกเอาเปรียบจากผู้ประกอบกิจการฯ ดูเหมือนจะรู้ไม่เท่าทัน หรือไม่ยอมรับรู้ถึงเหตุการณ์ที่คาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้น หากปล่อยให้มีการทำธุรกิจกึ่งผูกขาด จนผู้บริโภคต้องออกมาส่งเสียงอย่างทุกวันนี้

    "จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการมากขึ้น ทั้งจะช่วยให้ผู้ใช้บริการได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G ที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นพร้อมด้วยคุณภาพ ความเสถียร และความเร็วโครงข่ายที่ดีกว่าเดิม อีกทั้งการรวมโครงสร้างพื้นฐานของสองบริษัทเข้าด้วยกัน จะลดต้นทุนการดำเนินกิจการของบริษัทลง แล้วจะทำให้ผู้ใช้บริการได้รับค่าบริการที่ถูกลง"

คือเหตุผลที่ TRUE และ DTAC บริษัทผู้ครองตลาดโครงข่ายมือถือลำดับที่สองและลำดับที่สามของประเทศ อ้างถึงเพื่อขอควบรวมกิจการ ซึ่งขณะนี้ผ่านมาแล้ว 10 เดือน นับจากมีการตั้งบริษัทใหม่อย่างเป็นทางการ ผู้ใช้บริการโครงข่ายมือถือสองค่ายนี้คงให้คำตอบได้ว่า ข้ออ้างดังกล่าวเป็นความจริงหรือไม่จริง

@@@@@@@

ผู้บริโภคร้อยละ 81 พบปัญหา สัญญาณอินเทอร์เน็ตช้า และหลุดบ่อย

ความเห็นที่ปรากฏตอนนี้ พบว่ามีผู้ไม่เห็นด้วยพอสมควร ว่าการควบรวมทำให้พวกเขาได้ประโยชน์มากขึ้น

หลังจากควบรวมกิจการสองบริษัทเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2566 เกิดเหตุการณ์ผู้ใช้บริการไม่พอใจการให้บริการของค่ายมือถือ ทำให้วันที่ 7 พฤศจิกายน มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และสภาองค์กรของผู้บริโภค ได้หารือร่วมกับสำนักงาน กสทช. เพื่อขอคำชี้แจงกรณีค่าบริการแพงและแนวทางแก้ปัญหาให้กับผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบ ซึ่ง กสทช. ต้องการได้หลักฐานเชิงประจักษ์

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค หน่วยงานประจำจังหวัดกรุงเทพฯ และสภาองค์กรของผู้บริโภค ได้ร่วมกันทำแบบสำรวจผลกระทบของผู้บริโภคผ่านช่องทางออนไลน์ ระหว่างวันที่ 9-23 พฤศจิกายน 2566 หลังจากผู้บริโภคจำนวนมากประสบปัญหาอินเทอร์เน็ตคุณภาพต่ำลง และค่าบริการของ TRUE DTAC และ AIS ผู้ให้บริการรายใหญ่ที่กินส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 97 ปรับขึ้นราคาเท่ากัน หลังการควบรวมของ TRUE และ DTAC อย่างเด็ดขาด

ผลสำรวจพบว่า ร้อยละ 81 ของผู้ตอบแบบสำรวจทั้งสิ้น 2,924 ราย ระบุถึงปัญหา 5 ข้อที่พบ คือ

    • สัญญาณอินเทอร์เน็ตช้า
    • สัญญาณหลุดบ่อย
    • โปรโมชันเดิมหมด ต้องใช้โปรโมชันที่แพงขึ้น
    • ค่าบริการในแต่ละระดับแพ็กเกจมีราคาเท่ากัน ทำให้ไม่มีทางเลือก
    • คอลเซ็นเตอร์โทร. ติดยาก

ผู้บริโภคที่ตอบแบบสำรวจมีข้อเสนอแนะว่า ค่ายมือถือจะต้องปรับปรุงคุณภาพสัญญาณอินเทอร์เน็ตให้ดีกว่าเดิม หรือดีเท่ากับช่วงก่อนควบรวมกิจการ และเมื่อ TRUE-DTAC ควบรวมกันแล้ว อุปกรณ์เสาสัญญาณควรนำไปติดตั้งในพื้นที่ห่างไกล เพื่อขยายให้ครอบคลุมจุดรับสัญญาณ พร้อมปรับปรุงโครงข่ายให้มีความเสถียรเพียงพอต่อความต้องการ และสัมพันธ์กับความหนาแน่นของผู้ใช้งาน

@@@@@@@

อนุกรรมการ กสทช. พบการร้องเรียน ‘สัญญาณไม่ดี’ เพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว

วันที่ 14 ธันวาคม 2566 ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ประธานอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการโทรคมนาคม สำนักงาน กสทช. กล่าวถึงปัญหาร้องเรียนจากผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากการควบรวบค่ายมือถือ TRUE-DTAC ว่า

ในช่วง 4 เดือนหลังการควบรวม ระหว่างเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน มีเรื่องร้องเรียนบริษัทใหม่ที่เกิดหลังควบรวม 659 เรื่อง เพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนหน้าประมาณ 2 เท่า

ประวิทย์กล่าวอีกว่า ปัญหาร้องเรียนส่วนใหญ่ จะเป็นเรื่องคุณภาพสัญญาณโทรศัพท์มือถือไม่ดี กับเรื่องค่าบริการ เช่น บางรายร้องเรียนว่าซื้อโปรโมชันประมาณ 200 บาท หรือ 290 บาท ได้สัญญาณอินเทอร์เน็ตประมาณ 10 กิกะไบต์ แต่ต่อมาได้รับแจ้งว่าโปรโมชันหมดแล้ว ต้องจ่ายเพิ่มเป็นราคา 300 หรือ 400 บาท และขยับเรตให้เป็น 20 กิกะไบต์ ทั้งที่ต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตเพียงแค่ 10 กิกะไบต์ แต่บริษัทชี้แจงว่า โปรโมชันเดิมไม่มีแล้ว ทำให้ผู้บริโภคไม่มีทางเลือก จึงจำเป็นต้องจ่ายในราคาแพงขึ้น

ส่วนประเด็นเรื่องสัญญาณอินเทอร์เน็ตนั้น ประวิทย์ระบุว่า ได้รับร้องเรียนมาโดยตลอด เช่น ผู้บริโภคที่จังหวัดสุพรรณบุรีไม่สามารถใช้บริการสัญญาณ 5G ได้ ตามที่ศูนย์บริการกล่าวอ้าง

การตรวจสอบคุณภาพและความครอบคลุมของสัญญาณ ซึ่ง กสทช. กำหนดเงื่อนไขก่อนควบรวมกิจการ 20 ข้อ รวมถึงห้ามลดจำนวนเสาสัญญาณลงภายใน 3 ปีนั้น ประธานอุนกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคฯ ระบุว่า ที่ผ่านมา กสทช. ได้กำหนดให้ค่ายมือรายงานการดำเนินการเข้ามาให้ กสทช. พิจารณา แต่พบว่าบริษัทค่ายมือถือรายงานข้อมูลเพียง 5 ข้อ ส่วนอีก 15 ข้อยังไม่มีรายงานการดำเนินการ

“เงื่อนไขหนึ่งของการควบรวมธุรกิจ คือ ควบรวมแล้วราคาเฉลี่ยต้องลดลงร้อยละ 12 แต่ในความเป็นจริงผู้บริโภคส่วนใหญ่กลับรู้สึกว่าค่าบริการแพงขึ้น” ประวิทย์ กล่าว และย้ำว่า สิ่งที่บริษัทต้องทำ คือรายงานเปรียบเทียบราคาก่อนควบรวม และหลังการควบรวม 6 เดือน ซึ่งปัจจุบันบริษัทส่งรายงานเข้ามาแล้วแต่ขอแก้ไขข้อมูลเรื่องโปรโมชันเพิ่มเติม รวมถึงการมีโปรโมชันลับ จน กสทช. ไม่สามารถคำนวณได้

@@@@@@@

ย้อนมติ กสทช. รับทราบ TRUE ควบรวม DTAC เพราะเห็นว่าไม่ใช่การผูกขาด

กลับไปที่ต้นเหตุการให้บริการของค่ายมือถือที่มีปัญหาจนทำให้ผู้บริโภคร้องเรียน คือ มติของ กสทช. ซึ่งขณะนั้นมีกรรมการอยู่ 5 คน จากทั้งหมด 7 คน

เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2565 กสทช. รับทราบการควบรวมธุรกิจระหว่าง บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE กับ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC

ที่ประชุมเสียงข้างมากโดย สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. และ ต่อพงศ์ เสลานนท์ กสทช. ด้านการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน มีมติว่า การรวมธุรกิจในกรณีนี้ ไม่เป็นการผูกขาด หรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันในกิจการโทรคมนาคม โดยรับทราบการรวมธุรกิจดังกล่าว

ที่ประชุมเสียงข้างน้อยโดย พิรงรอง รามสูต กสทช. ด้านกิจการโทรทัศน์ และ ศุภัช ศุภชลาศัย กสทช. ด้านเศรษฐศาสตร์ มีมติว่ากรณีนี้เป็นการผูกขาดหรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันในกิจการโทรคมนาคม โดย กสทช. อาจสั่งห้ามการถือครองกิจการ หรือกําหนดมาตรการเฉพาะ

พลอากาศโท ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กสทช. ด้านกิจการกระจายเสียง งดออกเสียง เนื่องจากยังมีประเด็นปัญหา การตีความในแง่กฎหมาย

เนื่องจากการลงมติมีคะแนนเสียงเท่ากัน 2 ต่อ 2 เสียงประธานที่ประชุมจึงออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด ด้วยการลงมติรับทราบการควบรวมกิจการของ TRUE กับ DTAC

มติรับทราบการควบรวมกิจการ กสทช. ได้กำหนดเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะที่จะต้องมีการดำเนินการตามเพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากการควบรวมธุรกิจต่อตลาดโทรคมนาคมไทยด้วย





สำนักงาน กสทช. ตอบโต้ข้อร้องเรียนผู้บริโภค เสมือนตอบคำถามแทนค่ายมือถือ

เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2566 สำนักงาน กสทช. แถลงข่าวชี้แจง มาตรการเยียวยาผู้บริโภค หลัง TRUE-DTAC ถูกร้องเรียนเรื่องคุณภาพและบริการ โดยคำชี้แจงถูกวิจารณ์ว่า มีลักษณะคล้ายการตอบโต้ปัญหาที่ผู้บริโภคพบเจอ และแก้ต่างแทนผู้ให้บริการ มากกว่าการแก้ไขปัญหาให้ผู้บริโภค

ไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการและรักษาการเลขาธิการ กสทช. กล่าวถึงเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคต่อการให้บริการของค่ายมือถือหลังควบรวมกิจการ ดังนี้

เรื่องแรก เรื่องอัตราค่าบริการ กสทช. กำหนดมาตรการและเงื่อนไขว่า หลังควบรวมกิจการ บริษัทต้องลดอัตราค่าบริการเฉลี่ยลดลงร้อยละ 12 ภายใน 90 วัน ซึ่ง TRUE ได้ส่งข้อมูลมาให้ กสทช. ตรวจ และ กสทช. สุ่มตรวจ ยืนยันว่าบริษัททำตามมาตรฐานเงื่อนไขที่กำหนด ที่ให้คงแพ็กเกจเดิมราคาต่ำสุดไว้

ส่วนโปรโมชันแพ็กเกจ 299 บาท ที่ผู้บริโภคร้องเรียนว่าหายไป ยืนยันว่าแพ็กเกจนี้ยังอยู่ เพียงแต่เมื่อลูกค้ารายเก่าครบกำหนดโปรโมชัน ก็จะมีข้อความส่งไปแจ้งเตือนว่า แพ็กเกจหมดอายุ ซึ่งจะให้ผู้บริโภคตัดสินใจเองว่า จะต่อแพ็กเกจเดิมหรือเลือกแพ็กเกจใหม่ และแพ็กเกจจะมีการเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามกลยุทธ์การตลาดของแต่ละบริษัท

"ดังนั้น การลูกค้าใหม่ที่ไม่เห็นแพ็กเกจราคา 299 บาทในท้องตลาด ถ้าถามเขาก็จะบอกให้ แต่ถ้าไม่ได้ถาม เขาจะโชว์หรือไม่โชว์ อันนี้ก็ไม่ทราบได้ แต่ยังมีแพ็กเกจนั้นอยู่แน่นอน”

เรื่องที่สอง คุณภาพสัญญาณ ตามเงื่อนไขที่ กสทช. ระบุไว้ว่า บริษัทจะต้องไม่ลดจำนวนระบบสื่อสัญญาณจากเดิม เพื่อรักษาคุณภาพการให้บริการไม่ต่ำกว่าเดิม ทั้งนี้ ที่พบว่าคุณภาพสัญญาณในบางพื้นที่ลดลงนั้น เนื่องจากหลังจากสองบริษัทควบรวมกันได้มีการเลือกใช้เสาสัญญาณที่ดีที่สุดในพื้นที่นั้นๆ โดยการรวมเป็นเสาเดียวกันและยุบบางเสาลง โดยไม่ได้แจ้งผู้ใช้บริการให้ทราบก่อน ทำให้อาจส่งผลกระทบให้สัญญาณอินเทอร์เน็ตในบางพื้นที่ลดลงจริง แต่โดยภาพรวมทั้งหมดไม่พบว่าสัญญาณลดลง โดย กสทช. ได้แจ้งไปยังบริษัทแล้วว่าควรแจ้งลูกค้าก่อนจะเคลื่อนย้ายเสา

เรื่องที่สาม การว่าจ้างที่ปรึกษา บริษัทได้ส่งเรื่องมาที่ กสทช. แล้ว และ กสทช. ได้นำเรื่องเข้าที่ประชุม กสทช. เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2566 อนุมัติในหลักการคร่าวๆ หลังจากนั้นมติ กสทช. ได้ให้ส่งเรื่องมาที่คณะอนุกรรมการ โดยคณะอนุกรรมการได้ส่งเรื่องกลับไปให้บริษัทแก้ไข ระหว่างนั้นอนุกรรมการหมดวาระลง เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ต่อมาวันที่ 16 พฤศจิกายน บริษัทได้ส่งเรื่องกลับมาให้ กสทช. ตรวจสอบตามที่คณะอนุกรรมการให้แก้ไขทำให้ยังไม่ได้มีการเรียกประชุมอีก เนื่องจากคณะอนุกรรมการหมดวาระลงแล้ว ทำให้เรื่องยังค้างอยู่ที่คณะอนุกรรมการ

แม้สำนักงาน กสทช. จะอธิบายในหลายข้อแต่สิ่งสำคัญที่หายไปคือข้อมูลดิบและตัวเลขประกอบการชี้แจง ซึ่งทำให้คำอธิบายมีน้ำหนักไม่มากนัก อีกเรื่องคำอธิบายก็เป็นการนำข้อมูลจากเอกชนมาขยายความโดยได้พิสูจน์ความถูกต้องแล้วหรือไม่

@@@@@@@

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคระบุ กสทช. แถลงสวนทางปัญหาผู้บริโภค

วันเดียวกัน 19 ธันวาคม มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคแถลงข่าวว่า การแถลงข่าวของ สำนักงาน กสทช. ไม่มีการพูดถึงหัวข้อเกี่ยวกับมาตรการเยียวยาผู้บริโภค หลัง TRUE-DTAC ถูกร้องเรียนเรื่องคุณภาพและบริการ แต่กลับเป็นการยืนยันเรื่องที่เอกชนได้ทำตามเงื่อนไขควบรวม ทั้งเรื่องลดอัตราค่าบริการเฉลี่ยลงร้อยละ 12 และมีเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคเพียง 17 เรื่องเท่านั้น ที่ร้องเรียนเรื่องคุณภาพสัญญาณสอดคล้องกับการตรวจสอบคุณภาพสัญญาณ

“คำแถลงของ กสทช. กลับสวนทางปัญหาของผู้บริโภคที่ร้องเรียนผ่านโพลสำรวจของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคฯ ระหว่างวันที่ 9-23 พฤศจิกายน 2566”

มีประเด็นที่น่าสนใจ คือ กรณีกรรมการ กสทช. 4 คนประกอบด้วย ศุภัช ศุภชลาศัย และ พิรงรอง รามสูต กสทช. ที่ไม่รับรองการควบรวมกิจการเมื่อปีที่แล้ว พลอากาศโท ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กสทช. ที่งดออกเสียง และ สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ กสทช. ที่ได้รับการแต่งตั้งเข้ามาใหม่ ได้ทำบันทึกข้อความด่วนที่สุด ถึงประธาน กสทช. เรื่อง ขอให้มอบหมายสำนักงาน กสทช. รวบรวมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์และผลกระทบต่อผู้บริโภคอันเนื่องมาจากคุณภาพสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ ปัญหาอัตราค่าบริการสูงขึ้น และการเปลี่ยนแปลงแพ็กเกจการให้บริการโดยอัตโนมัติ เข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุม กสทช. ในวันที่ 20 ธันวาคม 2566

@@@@@@@

กสทช. เลื่อนลงมติรับทราบผลการดำเนินการ เนื่องจากไม่สามารถยืนยันความถูกต้อง

หลังการประชุมคณะกรรมการ กสทช. เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2566 พิรงรอง รามสูต กรรมการ กสทช. เปิดเผยว่า ที่ประชุม กสทช. ได้พิจารณาเรื่องการดำเนินการตามเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะกรณีการรวมธุรกิจระหว่าง TRUE-DTAC ตามที่สำนักงาน กสทช. เสนอ โดยที่ประชุม กสทช. เพียงแต่รับทราบข้อมูล ที่ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น (มหาชน) จำกัด ส่งมาให้สำนักงาน กสทช. เท่านั้น ที่ประชุมไม่ได้มีมติรับทราบผลการดำเนินการตามมาตรการเนื่องจากข้อมูลที่ส่งมาเป็นข้อมูลจากบริษัทเพียงฝ่ายเดียว ไม่สามารถตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องได้

“ข้อมูลที่ส่งเข้ามา verify (ยืนยันความถูกต้อง) ไม่ได้ เพราะเป็นข้อมูลที่ส่งมาจากบริษัททางเดียว และในเมื่อยัง verify ไม่ได้ กสทช.ก็ยังรับทราบไม่ได้ จึงยังเป็นเรื่องที่ค้างการพิจารณา และจะนำเรื่องนี้ไปรวมไว้ในการพิจารณาในครั้งหน้า” พิรงรองกล่าว

สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. กล่าวว่า เรื่องการลดอัตราค่าบริการลงร้อยละ 12 นั้น สำนักงาน กสทช. ได้ส่งข้อมูลมาให้บอร์ด กสทช. พิจารณา แต่เนื่องจากเป็นข้อมูลที่ยังไม่ได้ยืนยันความถูกต้อง จึงต้องมีการยืนยันว่าเป็นข้อมูลที่ถูกต้องอีกครั้ง





4 มาตรการทางออกสำหรับผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากการควบรวมของ TRUE-DTAC

เมื่อพิจารณาจากเจตจำนงของ สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. ที่ปราศจากข้อสงสัยว่าการควบรวมกิจการของ TRUE และ DTAC ที่เข้าข่ายผูกขาดจะส่งกระทบต่อผู้บริโภค และการทำหน้าที่ของ สำนักงาน กสทช. ที่อยู่ภายใต้การดูแลของประธาน กสทช. ซึ่งออกมาแถลงข่าวสวนทางข้อร้องเรียนของผู้บริโภคเหมือนเป็นการชี้แจงแทนบริษัท

ทำให้เชื่อได้ว่า การแก้ไขปัญหาให้ผู้บริโภคด้วยช่องทางที่มีอยู่ยากจะประสบความสำเร็จ ถ้าเอกชนและเจ้าหน้าที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หรือมีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง โดยมีข้อเสนอ ดังนี้

@@@@@@@

มาตรการเฉพาะหน้า 3 ข้อ

มาตรการแรก เอกชนทบทวนตัวเอง แล้วทำตามเงื่อนไขการควบรวมกิจการของ กสทช.

ถ้าการให้ กสทช. ลงมากำกับดูแลผู้ให้บริการโครงข่ายมือถือทำตามมาตรการยากและยังไม่เกิดผลสำเร็จ เป็นไปได้หรือไม่ที่ผู้บริหารเครือข่ายจะลงมาตรวจสอบตัวเองอีกครั้ง และยอมปรับปรุงการให้บริการ ทั้งในเรื่องราคาและคุณภาพให้ไม่ด้อยลงกว่าเดิม ถ้าทำได้ปัญหาจะคลี่คลายทันที

TRUE และ DTAC ต้องไม่ลืมคำมั่นว่า การขอควบรวมกิจการเป็นไปเพื่อ “ให้ผู้ใช้บริการได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้น”

มาตรการที่สอง ประธาน กสทช. ลาออกแสดงความรับผิดชอบ

การกระทำที่ผ่านมา และการลงมติซ้ำเพื่อรับทราบการควบรวมธุรกิจ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ปีที่แล้ว ชัดเจนว่า สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ สนับสนุนการทำให้ประเทศไทยมีผู้ให้บริการธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมลดจำนวนลงจนเป็นแบบกึ่งผูกขาด ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคในวงกว้าง โดยแม้จะเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่แต่ความเสียหายเกิดขึ้นแล้วในวงกว้าง

อีกทั้งปัจจุบัน กสทช. มีกรรมการ 7 คน แต่ประธาน กสทช. อยู่ในฝั่ง กรรมการ กสทช. เสียงข้างน้อย 3 คน ในขณะ กสทช. เสียงข้างมาก 4 คน คือกลุ่ม กสทช. ผู้ที่ทำบันทึกเพื่อขอให้รวบรวมข้อเท็จจริงและตรวจสอบผลกระทบต่อผู้บริโภค

ฉะนั้น การแสดงสปิริตด้วยการลุกจากหัวโต๊ะ แล้วให้ กรรมการ กสทช. เลือกประธาน กสทช. คนใหม่ เพื่อกำหนดวาระการทำงานแบบใหม่ และปฏิรูปสำนักงาน กสทช. ซึ่งเป็นฝ่ายปฏิบัติการ พร้อมแต่งตั้งเลขาธิการ กสทช. คนใหม่ที่ยังว่างอยู่ เพื่อมาทำงานแทน ไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธิการ กสทช. จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเพื่อให้การขับเคลื่อนงานของ สำนักงาน กสทช. ซึ่งมีคณะกรรมการ กสทช. เป็นผู้กำหนดทิศทางเดินหน้าได้อย่างราบรื่นมากกว่าปัจจุบันที่มีความไม่ลงรอยกัน และเกิดเรื่องร้องเรียนกันหลายกรณี

การเป็นผู้เสียสละจึงเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาถ้าหากคำนึงถึงว่า วัตถุประสงค์ใหญ่ที่ประเทศไทยต้องมี กสทช. ก็เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค

มาตรการที่สาม ลุ้นคำตัดสินของศาลปกครอง

ถ้าหากเรียกร้องจากนายทุนและเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งทำตัวราวกับเป็นเครื่องมือของนายทุนไม่ได้แล้ว ผู้บริโภคก็คงต้องพึ่งพากระบวนการยุติธรรม

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2566 ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งกลับคำวินิจฉัยของศาลปกครองชั้นต้น ให้ศาลปกครองชั้นต้นรับคำฟ้องในคดีมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคยื่นฟ้องขอเพิกถอนมติของคณะกรรมการ กสทช. กับพวก รวม 2 คน กรณีรับทราบรายงานการควบรวมธุรกิจระหว่าง TRUE และ DTAC โดยมติเสียงข้างมากเห็นว่า การรวมธุรกิจดังกล่าวไม่เป็นการถือครองธุรกิจในบริการประเภทเดียวกัน (ผูกขาด)

มาตรการนี้ต้องใช้เวลาและพลังงานมากกว่าสองมาตรการแรก แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีช่องทางให้ผู้บริโภคให้ต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิของตนเอง ซึ่งผู้บริโภคสามารถช่วยกันส่งเสียงถึงผลกระทบที่ได้รับออกมาได้ เพื่อให้ข้อเท็จจริงปรากฏต่อสังคมในวงกว้างและไปถึงผู้รับผิดชอบตัดสินใจ

@@@@@@@

มาตรการระยะยาวมี 1 ข้อ

มาตรการที่สี่ แก้ไขปรับปรุงกฎหมายการค้าให้การควบรวมต้องขออนุญาต

ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล มีข้อเสนอตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม ว่า ควรมีการสังคายนากฎหมายแข่งขันทางการค้าครั้งใหญ่ เพื่อให้ทุกกฎหมายอยู่บนมาตรฐานเดียวกัน เพราะอย่างน้อย ในกรณีการควบรวม TRUE กับ DTAC ถ้าใช้มาตรฐานเดียวกับกฎหมายแข่งขันทางการค้า ยังจำเป็นต้องขออนุญาตเพื่อควบรวมกิจการก่อน

ดังนั้น ประกาศการรวมธุรกิจของ กสทช. ต้องมีการแก้ไขเอาระบบขออนุญาตกลับมา ปรับปรุงเงื่อนไขการขออนุญาตให้รัดกุมยิ่งขึ้น และต้องยกระดับให้คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.) มีอำนาจในการกำหนดนโยบายแข่งขันทางการค้าของประเทศ คุ้มครองผลประโยชน์ของผู้บริโภค รวมไปถึงอำนาจที่ระงับยับยั้งการดำเนินนโยบายที่ขัดต่อหลักการแข่งขันที่เป็นธรรม

อีกเรื่องคือ จำเป็นต้องยกเครื่องใหม่ทั้งระบบ ด้วยการปรับปรุงตั้งแต่กระบวนการสรรหา กขค. ไปจนถึงกระบวนการบังคับใช้กฎหมาย และทำให้มีความยึดโยงกับประชาชนมากขึ้น

ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลได้ยื่นร่าง พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า มีสาระสำคัญ คือ

    - ให้บรรดาองค์กรที่มีหน้าที่กำกับดูแลการแข่งขันการค้า ซึ่งมีกฎหมายของตัวเอง ต้องมาใช้กฎหมายฉบับนี้ในกรณีที่มีการใช้อำนาจเหนือตลาด การควบรวม และการกระทำใดๆ ที่เป็นการผูกขาด เพื่อให้กฎหมายฉบับนี้เป็นมาตรฐานขั้นต่ำในการกำกับการแข่งขันทางการค้า

    - เพิ่มมาตรการป้องกันการฮั้ว ด้วยการออกโครงการ ‘คนฮั้ววงแตก’ ที่ลดหย่อนหรือยกเว้นโทษให้กับบริษัทที่ร่วมมือกันผูกขาดหรือลดการแข่งขัน และออกมามอบตัวเป็นรายแรก

    - ขยายสิทธิผู้เสียหายในการฟ้องคดี ด้วยการขยายกรอบเวลาในการฟ้องคดีของผู้เสียหาย จาก 1 ปี เป็น 4 ปี

ร่างกฎหมายการแข่งขันทางการค้าฉบับก้าวไกล ผ่านขั้นตอนรับฟังความเห็นของประชาชนตามรัฐธรรมนูญแล้ว รอบรรจุเป็นวาระเพื่อพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร





สำหรับมาตรการสุดท้าย ถ้าเกิดขึ้นจริง จะเป็นการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง ครอบคลุมและยั่งยืนกว่าสามมาตรการแรก แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากที่สุด เนื่องด้วยเหตุผลสองข้อ

ข้อแรกคือ พรรคก้าวไกลเป็นพรรคฝ่ายค้านที่มุ่งแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลมักไม่ได้รับความร่วมมือจากพรรครัฐบาลในการทำงานในสภาฯ ที่เน้นแก้ปัญหารายประเด็น

ข้อที่สองคือ ประเทศไทยเต็มไปด้วยนายทุนรายใหญ่ที่ทำธุรกิจแบบผูกขาดในแทบทุกสาขา ฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับประโยชน์ย่อมกระทบต่อผลประโยชน์ของนายทุนเหล่านั้นที่เป็นคนร้อยละ 1 ของประเทศ และกินรวบประเทศไทยมานาน

นายทุนผูกขาดมีวาระของตนเองร่วมกับกลุ่มจารีตนิยม กองทัพ และข้าราชการ ในการปกครองประเทศนี้ต่อไปตราบนานเท่านาน ซึ่งแน่นอนว่าเป็นวาระที่ไม่มีประชาชน ร้อยละ 99 อยู่ในนั้น

ฉะนั้น กรณีที่ผู้บริโภคออกมาเรียกร้องให้มีบริการโครงข่ายโทรคมนาคมที่ดีหลังควบรวมกิจการของผู้ประกอบการลำดับที่สองและที่สาม จนกลายเป็นผู้ประกอบการด้านสื่อสารโทรคมนาคมขนาดใหญ่ที่สุด จึงไม่ได้เป็นการเรียกร้องเฉพาะประเด็นปัญหาที่ประสบเท่านั้น แต่ยังเป็นภาพสะท้อนการต่อสู้ของภาคประชาชนภายใต้โครงสร้างเศรษฐกิจประเทศไทยที่อยู่ในเงื้อมือทุนผูกขาดยักษ์ใหญ่ในทุกสาขาได้เป็นอย่างดี

ความยากก็คือ การต่อสู้ของผู้บริโภคคือการสู้กับระบบผูกขาด แต่ถ้าประชาชนสามัคคีกันเอาชนะในกรณีควบรวมกิจการสื่อสารโทรคมนาคมได้ ก็มีโอกาสล้มทุนผูกขาดได้ทั้งกระดาน






Thank to : https://plus.thairath.co.th/topic/politics&society/104058
Thairath Plus › Politics & Society | 23 ธ.ค. 66 | creator : บูรพา เล็กล้วนงาม



creator : บูรพา เล็กล้วนงาม


Author : บูรพา เล็กล้วนงาม

นักข่าวอิสระและพ่อลูกหนึ่ง คิดเสมอว่าสื่อมวลชนต้องรับใช้ประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย เชื่อในการเปลี่ยนแปลง ตั้งใจเขียนงานเพื่อส่งเสริมเสรีภาพของผู้คน และความเสมอภาคของสังคม ปัจจุบันยังเป็นพ่อค้าขายอาหาร ผู้สนับสนุนพรรคการเมือง และแฟนฟุตบอลตัวยง
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ