.
๗. สาเกตชาดก : เหตุให้เกิดความรัก
[๓๒๓] ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เหตุไรหนอ เมื่อบุคคลบางคนในโลกนี้ พอเห็นกันเข้าก็เฉยๆ หัวใจก็เฉย บางคนพอเห็นกันเข้า จิตก็เลื่อมใส.
[๓๒๔] ความรักนั้น ย่อมเกิดขึ้นด้วยเหตุ ๒ ประการ คือ
ด้วยการอยู่ร่วมกันในกาลก่อน ๑
ด้วยความเกื้อกูลต่อกันในปัจจุบัน ๑
เหมือนดอกอุบลและชลชาติ เมื่อเกิดในน้ำย่อมเกิดเพราะอาศัยเหตุ ๒ ประการ คือ น้ำและเปือกตม ฉะนั้น.
จบ สาเกตชาดกที่ ๗.ขอบคุณที่มา : พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=27&A=1839&Z=1847
๗. สาเกตชาดก (๒๓๗) : ว่าด้วยทรงปรารภพราหมณ์ชื่อสาเกต
(ภิกษุทั้งหลายทูลถามพระศาสดาว่า)
[๑๗๓] ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เหตุใดหนอ เมื่อบุคคลบางคนในโลกนี้ พอพบกันเข้า จิตใจก็เมินเฉย แต่บางคนพอพบกันเข้าเท่านั้น จิตก็เลื่อมใส
(พระศาสดาทรงแสดงเหตุแห่งความรักแก่ภิกษุเหล่านั้นว่า)
[๑๗๔] ความรักนั้นเกิดด้วยสาเหตุ ๒ ประการ คือ
(๑) ด้วยการอยู่ร่วมกันในชาติปางก่อน
(๒) ด้วยการเกื้อกูลกันและกันในปัจจุบัน
เหมือนดอกอุบลเกิดในน้ำ(๑-)
สาเกตชาดกที่ ๗ จบเชิงอรรถ :-
(๑-) เหมือนดอกอุบลเกิดในน้ำ หมายถึง ดอกอุบลและดอกไม้ชนิดอื่นๆ ที่เกิดในน้ำ ต้องอาศัยเหตุ ๒ ประการ
คือ น้ำและเปลือกตม (
ขุ.ชา.อ. ๓/๑๗๔/๓๑๔)
ขอบคุณที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๗ หน้า : ๑๑๑
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=27&siri=237
๗ สาเกตชาตกํ
[๓๒๓] โก นุ โข ภควา เหตุ เอกจฺเจ อิธ ปุคฺคเล
อตีว หทยํ นิพฺพาติ จิตฺตญฺจาปิ ปสีทติ ฯ
[๓๒๔] ปุพฺเพว สนฺนิวาเสน ปจฺจุปฺปนฺนหิเตน วา
เอวนฺตํ ชายเต เปมํ อุปฺปลํว ยโถทเกติ ฯ
สาเกตชาตกํ สตฺตมํ ฯขอบคุณที่มา : พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ ภาษาบาลี อักษรไทย
พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ สุตฺต. ขุ. ชาตกํ (๑): เอก-จตฺตาลีสนิปาตชาตกํ
https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item_s.php?book=27&item=323&items=2
อรรถกถา สาเกตชาดก : ว่าด้วยเหตุให้เกิดความรัก
พระศาสดา เมื่อประทับอาศัยเมืองสาเกต ทรงปรารภสาเกตพราหมณ์ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า โก นุ โข ภควา เหตุ ดังนี้.
ส่วนเรื่องราวในชาดกนี้ ทั้งที่เป็นอดีตและปัจจุบันกล่าวไว้ในเอกนิบาต ในหนหลังแล้ว.
ก็ในเวลาที่พระตถาคตเสด็จไปสู่วิหาร ภิกษุทั้งหลายทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ชื่อว่า ความรักนี้ตั้งอยู่ได้อย่างไร กล่าวคาถาแรกว่า :-
"ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า เหตุไรหนอ เมื่อบุคคลบางคนในโลกนี้ พอเห็นกันเข้าก็เฉยๆ หัวใจก็เฉย บางคนพอเห็นกันเข้าก็เลื่อมใส"
เนื้อความแห่งคาถานั้นว่า
อะไรหนอ แลเป็นเหตุให้บุคคลบางคนในโลกนี้ พอเห็นกันเข้าเท่านั้น หัวใจก็สงบนิ่งสนิท คือ เยือกเย็นดังเอาน้ำหอมพันหม้อมารด บางคนไม่สงบ บางคนพอเห็นกันเข้าเท่านั้น ก็มีจิตผ่องใส อ่อนละมุนละไม เยื่อใยต่อกัน ด้วยอำนาจความรัก บางคนก็ไม่เยื่อใยต่อกัน.
@@@@@@@
ลำดับนั้น พระศาสดา เมื่อจะทรงแสดงเหตุแห่งความรักแก่ภิกษุเหล่านั้น จึงตรัสคาถาที่ ๒ ว่า :-
ความรักนั้นย่อมเกิดขึ้นด้วยเหตุสองประการ คือ
ด้วยการอยู่ร่วมกันในกาลก่อน ๑
ด้วยความเกื้อกูลต่อกันในปัจจุบัน ๑
เหมือนดอกอุบลเมื่อเกิดในน้ำ ย่อมเกิดเพราะอาศัยเหตุสองประการ คือ น้ำและเปือกตม ฉะนั้น.
เนื้อความแห่งคาถานั้นว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมดาความรักนี้ย่อมเกิดด้วยเหตุสองประการ คือ ได้เป็นมารดาบิดา ธิดาบุตร พี่น้องชายพี่น้องหญิง สามีภรรยา หรือสหายมิตรกันในภพก่อน เคยอยู่ร่วมที่เคียงกันมา ความรักนั้นย่อมไม่ละ คงติดตามไปแม้ในภพอื่น เพราะการอยู่ร่วมกันในกาลก่อนอย่างหนึ่ง.
อีกอย่างหนึ่ง ความรักนั้นย่อมเกิดเพราะความเกื้อกูลกันในปัจจุบันอันได้ทำในอัตภาพนี้.
ความรักนั้นย่อมเกิดขึ้นด้วยเหตุสองประการฉะนี้ เปรียบเหมือนอุบลในน้ำ ฉะนั้น คือ เหมือนอุบลและบุปผชาติที่เกิดในน้ำต่างๆ เกิดในน้ำ ก็ได้อาศัยเหตุสองอย่าง คือ น้ำและเปือกตม ฉันใด ความรักก็ย่อมเกิดด้วยเหตุสองประการนี้ ฉะนั้น.
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดก. พราหมณ์และพราหมณีในครั้งนั้น ได้เป็นชนทั้งสองนี้ในครั้งนี้ ส่วนบุตร คือ เราตถาคต แล.
จบ อรรถกถาสาเกตชาดกที่ ๗ ขอบคุณที่มา :
https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=27&i=323ขอบคุณภาพจาก : pinterest