ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: รู้จัก "กฎแรงดึงดูด" แค่คิดชีวิตก็เปลี่ยน พลังบวกที่ปรับใช้ได้ในชีวิตจริง  (อ่าน 2564 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29286
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
.



รู้จัก "กฎแรงดึงดูด" แค่คิดชีวิตก็เปลี่ยน พลังบวกที่ปรับใช้ได้ในชีวิตจริง

"กฎแรงดึงดูด" (Law of Attraction) เป็นแนวคิดที่ถูกพูดถึงมาอย่างยาวนาน บ้างก็เรียกกฎนี้ว่า "กฎจักรวาล" ซึ่งหากนำมาปรับใช้อย่างสร้างสรรค์ เพื่อสร้างพลังความคิดเชิงบวก ก็จะช่วยดึงดูดความสำเร็จในด้านต่างๆ มาสู่ชีวิตได้ ไม่ว่าจะเป็นการงาน การเงิน ความรัก และสุขภาพ ไทยรัฐออนไลน์จะพาไปทำความรู้จักกฎแห่งแรงดึงดูดผ่านบทความนี้

@@@@@@@

กฎแรงดึงดูด กฎจักรวาล คืออะไร?

กฎแรงดึงดูด คือ แนวคิดที่เชื่อว่าจิตของมนุษย์มีพลังอำนาจมากพอ ที่จะดึงดูดทั้งสิ่งดีและไม่ดีเข้ากับในชีวิตผ่านเหตุการณ์และสถานการณ์ต่างๆ หากเรามีความคิดบวกก็จะดึงดูดแต่เรื่องดีๆ แต่หากมีความคิดลบก็สามารถดึงดูดเรื่องแย่ๆ ได้เช่นกัน พูดง่ายๆ ก็คือ "เราจะดึงดูดสิ่งที่เราคิด เข้ามาในชีวิตเสมอ"

เมื่อเราคิดบวก จิตของเราจะคัดสรรว่าต้องการให้อะไรเข้ามาในชีวิตบ้าง สมองจะถูกกระตุ้นโดยความคิด โน้มน้าวจิตสำนึกสร้างแรงผลักดันให้เราบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ กฎนี้จึงถูกเรียกว่า "กฎแรงดึงดูด" เปรียบเสมือนแม่เหล็กที่คอยดึงดูดสิ่งดีๆ ที่เราคิด และต้องการให้เข้ามาในชีวิตนั่นเอง

ขณะที่คำว่า Universe (จักรวาล) ก็เป็นคำที่มักถูกนำมาใช้ควบคู่กับกฎแห่งแรงดึงดูด โดยทฤษฎีนี้เชื่อว่าจักรวาลมีพลังงาน เชื่อมโยงกับพลังจิตและความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์ ทำให้สิ่งที่เราหมกมุ่นอยู่ในความคิดตลอดเวลาเกิดขึ้นจริงๆ เช่น สมมติเราจอดรถทิ้งไว้ แล้วในใจกลัวว่าจะมีโจรมาทุบกระจกรถแตก จักรวาลจะจดจำความคิดนี้ไว้ และเมื่อเรากลับมา กระจกรถก็อาจโดนทุบแตกจริงๆ หรืออีกนัยหนึ่งคล้ายๆ กับความคิดเวลาที่เรารู้สึกสังหรณ์ใจนั่นเอง

ทฤษฎีนี้จึงมีเรื่องราวความเชื่อเหนือธรรมชาติและพลังจิตเข้ามาเกี่ยวข้อง แม้จะไม่มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ แต่การนำเรื่องจักรวาลมาใช้ควบคู่กัน ทำให้บางครั้งกฎนี้ถูกเรียกว่า "กฎจักรวาล" หรือ "กฎแรงดึงดูดของจักรวาล" นั่นคือ จักรวาลจะมีพลังและแรงดึงดูดสิ่งที่คิดให้เกิดขึ้นจริงกับเรา คราวนี้จะเริ่มเห็นชัดขึ้นแล้วว่า จริงๆ แล้วเรื่องของกฎจักรวาลอาจจะเป็นเพียงกุศโลบายหนึ่งที่ช่วยให้คนเรามีเป้าหมายที่แน่วแน่ เกิดกระบวนการคิดที่ตอกย้ำจิตสำนึกให้ทำในสิ่งที่มุ่งหวังไว้ให้สำเร็จ

ขณะที่ในทางจิตวิทยามองว่ากฎแรงดึงดูด เป็นเรื่องของ Selective Attention (การเลือกสิ่งที่ตนสนใจ) ที่จับคู่กับการอธิบายปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นด้วยอคติของเราเอง หรือการที่เราเลือกที่จะสนใจ ใส่ใจ รับรู้ และตอบสนองเฉพาะในสิ่งที่เราต้องการเท่านั้น





ทำไม "กฎแรงดึงดูด" ถูกพูดถึง และได้รับความนิยม

แนวคิดเรื่องกฎแรงดึงดูด ปรากฏครั้งแรกในหนังสือของ Helena Blavatsky นักปรัชญาและนักเขียนชาวรัสเซีย เมื่อปี 1877 ซึ่งได้อธิบายถึงพลังจิตของมนุษย์ที่สามารถดึงดูดสิ่งต่างๆ ได้ หลังจากนั้นถูกนำไปพัฒนาเป็นแนวคิดและงานเขียนต่างๆ อีกมากมาย

จนกระทั่งปี 2006 มีการตีพิมพ์หนังสือที่ชื่อว่า "The Secret" ของ Rhonda Byrne นักเขียนชาวออสเตรเลีย มีเนื้อหาเกี่ยวกับกฎแรงดึงดูด ที่สร้างความมหัศจรรย์ให้ชีวิตในด้านต่างๆ เมื่อนำมาปรับใช้กับวิธีคิดอย่างสม่ำเสมอ

กลายเป็นหนังสือขายดีที่จำหน่ายได้ถึง 19 ล้านเล่ม และได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ ถึง 40 ภาษา รวมทั้งภาษาไทย จึงกล่าวได้ว่าหนังสือ The Secret มีอิทธิพลอย่างมากที่ทำให้แนวคิดนี้แพร่หลายมาจนถึงปัจจุบัน



ขอบคุณภาพจาก https://edugentutor.com/content/?ctid=MjEwNjAwMDk=


วิธีนำ "กฎแรงดึงดูด" มาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน

หนังสือ The Secret ได้อธิบายว่า กระบวนการสร้างสรรค์ (Creative Process) เพื่อให้สอดคล้องกับกฎแรงดึงดูดของจักรวาล ประกอบด้วย 3 ขั้นตอนต่อไปนี้

     1. ขอ (Ask) : การตั้งจิตให้แน่วแน่เพื่อให้พลังจักรวาลรับรู้สิ่งที่ต้องการ หากคิดดีจักรวาลจะดึงดูดสิ่งดีๆ มายังตัวคุณ
     2. เชื่อ (Believe) : เชื่อในสิ่งดีๆ เรื่องราวเชิงบวก เชื่อด้วยใจจริงว่าวันหนึ่งสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นกับคุณอย่างแน่นอน
     3. รับ (Receive) : ยอมรับผลลัพธ์ ชื่นชมกับสิ่งที่ได้รับ หากยังไม่สมหวังให้ไตร่ตรอง เพื่อปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น

อิทธิพลของทั้ง 3 ขั้นตอน ขอ-เชื่อ-รับ มาจากพื้นฐานที่เชื่อในพลังจิตของมนุษย์ว่า มีพลังในการดึงดูดสิ่งต่างๆ ที่คิดไว้ให้เกิดขึ้นจริงได้ แม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องของการตั้งใจจำ และทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างแน่วแน่

ทว่าในชีวิตจริงนั้นเป็นเรื่องยากที่เราจะคิดแต่เรื่องดีๆ ตลอดเวลา เพราะมนุษย์มักมีความคิดแง่บวกและลบ โดยเฉพาะ Automatic Thought ที่เราไม่สามารถควบคุมได้ ไม่ว่าจะเป็นการเผลอโทษตัวเอง ด่าคนอื่น หรือตัดสินผู้อื่นตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น

วิธีการ คือ ต้องปรับเปลี่ยนไปใช้วิธีคิดเชิงบวก เมื่อทำเช่นนี้บ่อยๆ สมองเราจะเริ่มสร้างกลไกการคิดแบบ Positive Thinking ต่อไปเมื่อเจอปัญหาอะไร เราจะมีมุมมองบวกและแก้ปัญหาด้วยวิธีที่มีอิทธิพลด้านบวกมากขึ้น


@@@@@@@

ตัวอย่าง : หากคุณอยากมีรถสปอร์ตสักคัน แต่ในใจลึกๆ กลับรู้สึกว่า เราคงไม่มีทางซื้อรถราคาแพงแบบนั้นได้หรอก จะไปเทียบกับคนฐานะร่ำรวยอยู่แล้วได้อย่างไร การคิดเช่นนี้จักรวาลก็จะดึงดูดแต่สิ่งที่เสมอตัวมาให้คุณอยู่เสมอ แต่หากคุณคิดว่า อยากจะมีรถสปอร์ตสักคัน เชื่ออย่างแน่วแน่ว่าสักวันจะต้องซื้อรถสปอร์ตได้ กลไกทางจิตของคุณจะทำให้คุณมองหาแนวทางที่จะทำให้สิ่งนั้นเป็นจริง พลังจักรวาลจะดึงดูดผู้คน โอกาส งาน และเงิน ที่จะทำให้คุณได้สิ่งที่ต้องการ

สิ่งที่ยากที่สุดที่ทำให้หลายคนไม่ประสบความสำเร็จกับการนำกฎแรงดึงดูดมาใช้ ก็คือ ลึกๆ แล้ว พวกเขาไม่ได้เชื่อในสิ่งที่คิดจริงๆ เช่น คิดว่าต้องประสบความสำเร็จ แต่ลึกๆ ในจิตใจแล้วกลับแย้งว่าตัวเองไม่มีทางประสบความสำเร็จได้หรอก เป็นต้น ทั้งนี้ เหตุผลหนึ่งที่ทำให้เราไม่ได้สิ่งที่ต้องการ ก็เพราะเรามัวแต่ใช้เวลาส่วนใหญ่คิดถึงแต่สิ่งที่เราไม่ต้องการ มากกว่าสิ่งที่ต้องการจริงๆ

ซึ่งหากต้องการนำกฎแห่งแรงดึงดูดมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ก็สามารถเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการปรับเปลี่ยนแนวคิด-ปรับเปลี่ยนความรู้สึก-คิดบวกเข้าไว้-พยายามทำสิ่งที่คิดให้สำเร็จ เมื่อนั้นชีวิตคุณจะดึงดูดแต่สิ่งดีๆ เข้ามาแน่นอน





กฎแรงดึงดูดการงาน และการเงิน

เชื่อว่ามีหลายคนที่มักประเมินความสามารถของตัวเองต่ำเกินจริง และไม่เชื่อในประสิทธิภาพที่มี เมื่อคิดเช่นนี้เป็นประจำ คุณก็จะมีความคิดที่จำกัดความสามารถของตัวเอง คิดว่าตัวเองไม่เก่ง ไม่กล้าทำงานใหม่ๆ ไม่กล้าลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ไม่กล้าเสี่ยงแสวงหาความร่ำรวย กลไกความคิดลักษณะนี้จะทำให้คุณปิดกั้นโอกาสดีๆ ในชีวิตโดยไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นต้องเริ่มตั้งเป้าหมาย ปรับเปลี่ยนวิธีคิด เมื่อนั้นพฤติกรรมของคุณก็จะเริ่มเปลี่ยนไป ชีวิตคุณจะดึงดูดสิ่งที่เป็นพลังงานบวก และเมื่อนั้นกฎแห่งแรงดึงดูดก็จะเริ่มทำงาน

กฎแรงดึงดูดความรัก

"Like Attracts Like" คนที่เหมือนๆ กันก็มักจะดึงดูดซึ่งกันและกัน ข้อความนี้น่าจะนำมาปรับใช้กับกฎแรงดึงดูดได้เห็นภาพมากที่สุด เพราะความคิดและทัศนคติที่คุณมี ถ่ายทอดออกมาผ่านคำพูด การกระทำ และวิธีการใช้ชีวิต มักจะดึงดูดคนที่มีลักษณะใกล้เคียงกับตัวคุณเข้ามาในชีวิต สำหรับกฎแรงดึงดูดในเรื่องของความรัก สิ่งสำคัญที่สุดคือ คุณต้องเรียนรู้ที่จะรักตัวเองและเห็นคุณค่าในตัวเองอย่างแท้จริงเสียก่อน แล้วจึงมอบสิ่งดีๆ เหล่านี้ไปยังผู้คนรอบข้าง เมื่อนั้นพลังของจักรวาลก็จะมอบความรักและผู้คนแบบเดียวกันนี้กลับมาให้คุณ

@@@@@@@

อย่างไรก็ตาม แม้ "กฎแรงดึงดูด" อาจจะฟังดูซับซ้อนในเรื่องของกระบวนการ มีเรื่องของพลังจักรวาลเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นความเชื่อส่วนบุคคล แต่พื้นฐานของทฤษฎีนี้หากจะสรุปง่ายๆ ก็คือ การคิดดี ทำดี แล้วชีวิตก็จะดึงดูดสิ่งดีๆ มาให้คุณ ไม่ว่าจะในรูปแบบการงาน ความร่ำรวย หรือความรัก ให้จำไว้ว่าทุกสิ่งที่คิด คือพื้นฐานของทุกๆ สิ่งที่จะเข้ามาในชีวิตนั่นเอง





Thank to : https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2008188
ไลฟ์สไตล์ > ไลฟ์ > ไทยรัฐออนไลน์ | 12 ม.ค. 2564 08:26 น.
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29286
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
.



กฎแรงดึงดูด คืออะไร.? Manifest คืออะไร.? เป็นศาสตร์จริง หรือจกตา.?!

เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน

    • ทฤษฎีกฎแรงดึงดูด คืออะไร.?
    • Manifest คืออะไร.?
    • ประวัติศาสตร์ของกฎแรงดึงดูด
    • หลักการพื้นฐานของกฎแรงดึงดูด (Law of Attraction)
    • วิธีการใช้งานกฎแรงดึงดูด
    • วิธีการง่าย ๆ พัฒนาชีวิตด้วยกฎแรงดึงดูด
    • หลุมพรางทางความคิดของกฎแรงดึงดูด




 :96: :96: :96:

“คิดดี ทำดี ได้ดี” อาจเป็นคำกล่าวแสนซ้ำซากจำเจ แต่ก็อาจจะตั้งอยู่บนความจริง จากทฤษฎีที่เรียกว่า กฎแรงดึงดูด หรือ Law of Attraction ไม่ว่าคุณจะเชื่อมั่นในหลักการพลังงานดึงดูด เคลือบแคลง หรือไม่เชื่อในศาสตร์นี้เลย แต่อย่างไรก็ตาม แนวคิด หรือปรัชญาเกี่ยวกับกฎแรงดึงดูดก็เป็นศาสตร์ที่มีความเป็นมายาวนาน เกี่ยวข้องกับหลักการของศาสนา และจิตวิญญาณ จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามเลย.!

ทฤษฎีกฎแรงดึงดูด คืออะไร.?

ทฤษฎีกฎแรงดึงดูด หรือ Law of Attraction เป็นหลักความคิดที่เชื่อว่าเราสามารถดึงดูดสิ่งต่าง ๆ ที่เราต้องการ ผ่านแรงปรารถนา หรือความคิดเชิงบวก เพื่อทำให้ชีวิตของเราดีขึ้น หรือที่เรียกอีกอย่างว่าการ Manifest เพื่อดึงดูดสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต

Manifest คืออะไร.?

Manifest คือ การตั้งจิตอย่างแน่วแน่ และการสร้างภาพในใจเกี่ยวกับสิ่งที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรัก ครอบครัว การเรียน และอื่น ๆ อีกมากมาย บางคนอาจใช้การนั่งสมาธิ ใช้การจดบันทึก หรืออื่น ๆ ที่ทำให้คุณสามารถเพ่งจิตไปสู่สิ่งที่เราอยากให้เกิดขึ้น และเชื่อจริง ๆ ว่าสิ่งนั้น ๆ จะต้องเกิดขึ้น นับว่าเป็นส่วนสำคัญของกฎแรงดึงดูด





ประวัติศาสตร์ของกฎแรงดึงดูด

ทฤษฎีกฎแรงดึงดูดถูกทำให้เป็นที่ประจักษ์เป็นวงกว้าง ด้วยหนังสืออันโด่งดัง เรื่อง The Secret เขียนโดย Rhonda Byrne ในปี 2006 ถูกแปลไปแล้วกว่า 50 ภาษา และทำยอดขายได้หลายล้านเล่มทั่วโลก กฎแรงดึงดูด จึงถูกมองว่าเป็นศาสตร์ที่ค่อนข้างใหม่ แต่แท้จริงแล้วนี่คือศาสตร์ที่มีตีพิมพ์มาแล้วก่อนหน้านานมาก ๆ

Law of Attraction ถูกบัญญัติขึ้นครั้งแรกในปี 1877 จากหนังสือชื่อเดียวกัน เขียนโดย Helena Blavatsky ผู้เป็นนักพลังจิตชาวรัสเซีย โดยพูดถึงจิตวิญญาณของคนเรา ที่มีพลังงาน สามารถดึงดูดหลายสิ่งอย่างรอบข้าง ทั้งแง่ลบ และบวก

ต่อมาเรื่อย ๆ จนเข้าสู่ช่วงต้นปี 1900’s ที่หลักการกฎแรงดึงดูดถูกนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์มากขึ้น เช่น หนังสือเรื่อง Think and Grow Rich (1928) และยิ่งสร้างกระแสให้แนวคิดดังกล่าวมาเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในหมู่คนขายของ การโน้มน้าวจิตใจคน จนกระทั่งหนังสือ The Secret ทำให้กฎแรงดึงดูด ถูกสนใจโดยสื่อกระแสหลัก

แต่แน่นอนว่ามีคนชอบเยอะ ก็ต้องมีคนต่อต้านเยอะเช่นกัน เมื่อโลกเข้าสู่ในยุคของวิทยาศาสตร์ กฎแรงโน้มถ่วงถูกมองว่าเป็นวิทยาศาสตร์เทียม (Pseudoscience) ทำให้คนโลภ และปลูกฝังนิสัยอยากได้อะไรก็ต้องได้ จนปัจจุบันกฎแรงดึงดูดถูกปรับดีกรีความเข้มข้นลง ให้กลายเป็นเรื่องการฝึกฝนจิตที่เป็นบวกมากขึ้น





หลักการพื้นฐานของกฎแรงดึงดูด (Law of Attraction)

หลักการของกฎแรงดึงดูด ไม่ใช่เรื่องที่ซับซ้อน ให้เข้าใจเสียก่อนว่าแนวคิดนี้มีความเชื่อเรื่องความคิด และจิตวิญญาณอันแรงกล้าของมนุษย์ ที่สอดคล้องกับพลังงานธรรมชาติรอบตัวที่สอดคล้องกับทุกคน menifest สิ่งที่ดี ก็จะได้มาซึ่งสิ่งที่ดีนั่นเอง

ซึ่งคล้ายกัน ดึงดูดซึ่งกันและกัน (Like attracts like)

หนึ่งในกฎสำคัญของ Law of attraction อธิบายว่าสิ่งที่คล้ายกันจะดึงดูดซึ่งกันและกัน ฉะนั้นหากเรามีความคิดที่เป็นแง่ลบ เราจะดึงดูดสิ่งที่ไม่ดีเข้ามา และตรงข้าม หากเราคิดสิ่งที่ดี เราจะดึงดูดสิ่งที่ดี นั่นเป็นเหตุผลที่ชีวิตเรามีลักษณะคล้าย ๆ คลื่น ขึ้นลง หากเรารู้สึกแย่ เรามักจะรู้สึกว่าสิ่งต่าง ๆ รอบข้างแย่ลงตามไปด้วย ในขณะที่หากช่วงไหนดี ไม่ว่ามองไปทางไหนก็จะมีแต่เรื่องดี ๆ เข้ามา

ธรรมชาติไม่ชอบสุญญากาศ (Nature Abhors a Vacuum)

Law of attraction ไม่เชื่อในสภาวะสุญญากาศ หรือสภาวะว่างเปล่า เพราะยิ่งเราว่างเปล่าเท่าไหร่ ก็จะเป็นโอกาสที่ง่ายมาก ๆ ที่ความคิดแง่ลบจะเข้ามาอยู่ในตัวเราแทน ซึ่งทำให้เรายิ่งดึงดูดสิ่งที่ไม่ดีเข้ามาในชีวิต ฉะนั้นเราจะต้องเปลี่ยนสภาวะสุญญากาศนั้นให้มีแต่ความดี พร้อมจะดึงดูดพลังงานบวกเข้าสู่ตัวเสมอ

ปัจจุบันดีเสมอ (The present is always perfect)

เข้าใจว่าปัจจุบัน เราสามารถทำให้อะไรต่าง ๆ ดีขึ้นได้ แต่สิ่งนั้นจะทำให้เรารู้สึกมีความสุขหรือไม่ ? หากไม่เราจะต้องรู้จักปล่อยวาง และมีความสุขกับปัจจุบัน คล้ายแนวความคิดที่มองว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วย่อมดีเสมอ





วิธีการใช้งานกฎแรงดึงดูด

กฎแรงดึงดูด (law of attraction) สามารถนำมาใช้หลากหลายด้านของชีวิต แต่สิ่งแรกที่คุณจะต้องมีคือความศรัทธา และความเชื่อในศาสตร์นี้

 • ด้านความรัก ความสัมพันธ์

พื้นฐานของกฎแรงดึงดูด (law of attraction) คือเราจะต้องเริ่มจากตนเอง หากเราต้องการดึงดูดความรัก เราจะต้องเริ่มจากการรักตนเอง พร้อมกับกำจัดความไม่มั่นใจในตัวเองออกไปเสียหน่อย และครั้นเราสามารถรักตนเอง และมีความมั่นใจมากขึ้น เราจะดึงดูดคนที่มีความรักในตัวเราเช่นกัน และเราจะสามารถเปิดเผยตัวตนที่น่ารักให้แก่เขา หรือเธอได้รู้จัก

 • ด้านการงาน

กฎแรงดึงดูด (law of attraction) ยังสามารถใช้ในบริบทมืออาชีพและการทำงาน โดยบางครั้งคนที่ทำงานแล้วไม่ประสบความสำเร็จ เรื่อย ๆ เกินไป เพราะไม่มีการวางแผน หากเป็นกฎแรงดึงดูด เราจะต้องกำหนดเป้าหมายที่เป็นรูปธรรม เพื่อที่เราจะได้เพ่งพลังงานไปสู่เป้าหมายนั้น ไม่ได้หว่านความสนใจไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีโฟกัส เป้าหมายเช่น ได้ขึ้นเป็น Manager อัปสกิลตนเองในด้านการตลาด และอื่น ๆ อีกมากมาย

 • ด้านการเงิน

คล้าย ๆ กับเรื่องงาน การจะใช้กฎแรงดึงดูดมาช่วยด้านการเงิน เราจะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อที่จะ Manifest ได้อย่างถูกต้อง โดยจะต้องโฟกัสไปที่สิ่งที่เรามีอยู่แล้วด้วย ไม่ได้โฟกัสสิ่งที่เราไม่มี และต้องการที่จะรวยทางลัดอย่างเดียว เช่น หากเรามีธุรกิจส่วนตัว โฟกัสไปที่การหาลูกค้าใหม่ พร้อม ๆ กับการ Manifest ให้ยอดขายเพิ่มขึ้น ให้มีฐานลูกค้าใหม่เพิ่มเข้ามาเรื่อย ๆ





วิธีการง่าย ๆ พัฒนาชีวิตด้วยกฎแรงดึงดูด

ทำบันทึกประจำวัน : ให้จดทุกอย่างโดยที่สะท้อนสภาวะจิตใจของตนเองขณะที่นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในวันนั้น ๆ เพื่อทำให้เห็นรูปแบบการใช้ชีวิตของเราในแต่ละวัน เรามีแนวโน้มที่จะคิดบวก หรือคิดลบมากกว่ากัน จนสุดท้ายก็ค่อย ๆ พยายามคิดไปในแง่บวกให้ได้มากที่สุด เป็นการฝึก manifest ชีวิตแบบบวก ๆ ได้อย่างเป็นรูปธรรมมากที่สุด อันเป็นพื้นฐานของกฎแรงดึงดูด

สร้าง Mood Board ของตนเอง : รวบรวมสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข หรือเป้าหมายของเราไว้ในบอร์ดเดียว ช่วยให้เรามีความสุข มองชีวิตในแง่ดี และโฟกัสไปกับการก้าวไปข้างหน้าอย่างมีเป้าหมาย

ยอมรับในปัจจุบัน : มีความรู้สึกขอบคุณในทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเราในปัจจุบัน และยอมรับกับปัจจุบันของเรา ซึ่งไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องหยุดพัฒนา เพียงแค่คุณจะต้องรู้สึกยินดีกับการมีอยู่ของตนเอง และรู้ว่าคุณสมควรได้รับอะไรบ้าง

พูดให้กำลังใจตนเอง : หลายคนมักชอบดูถูกตนเอง แต่แทนที่จะบอกตนเองถึงจุดด้อย จุดพลาด ลองคุยกับตนเองดี ๆ ให้กำลังใจตนเอง อาจเป็นการพูดกับตนเองตอนที่ไม่มีใครได้ยิน หรือการพูดในใจ ซึ่งทุกครั้งที่เราพูดกับตนเอง จะต้องเชื่อตามนั้น ไม่ใช่การทำให้หลงตนเอง หากแต่เป็นการทำให้ตนเองมีกำลังใจที่จะก้าวต่อไป และดึงดูดพลังบวกใส่ตัว


@@@@@@@

หลุมพรางทางความคิดของกฎแรงดึงดูด

ปัญหาที่พบเจอในหนังสือ The Secret หรือผู้ที่มีความรู้ผิวเผินเกี่ยวกับกฎแรงดึงดูด คือการ Menufest ที่ตั้งอยู่บนความคิดเท่านั้น แต่ไม่ได้ตั้งอยู่ในการกระทำ และความเป็นไปได้ ทำให้แนวความคิดบวก แลดูกลายเป็นความฝันลม ๆ แล้ง ๆ หรือกลายเป็นความหวังที่ไม่ได้ตามมาด้วยกำลัง หรือแรงในการทำให้ความคิดบวกนั้นเป็นจริง

นอกจากนั้นกฎแรงดึงดูด หากใช้ไม่ถูกต้อง จะทำให้ผู้นั้นมีความรู้สึกว่า ตนเองสมควรได้รับทุกสิ่งอย่างตามที่ขอ ตามที่ manifest สร้างอีโก้ ทับถมตัวตนบุคคลให้ใหญ่โตตามความจริง พอไม่ได้ตามหวังก็จะรับมือไม่ได้ และอาจตอบสนองด้วยความรุนแรง

ฉะนั้นต้องบอกว่าศาสตร์แห่งกฎแรงดึงดูด มีอยู่จริง แล้วก็สามารถนำมาปรับใช้ พัฒนาแง่มุมในการใช้ชีวิต ทำงาน และสร้างความสัมพันธ์ได้ แต่ก็ไม่ควรจะไปยืดมั่นจนเกินไป เพราะทุกเหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ แต่สำหรับใครที่ใช้กฎแรงดึงดูด และ manifest จะสร้างธุรกิจ หรืออาชีพในฝัน แล้วกำลังอยากหาทุนเสริม แรบบิท แคร์ แนะนำ สินเชื่อส่วนบุคคล ของ่าย ไม่ต้องค้ำประกัน สนใจ คลิกเลย.!


 


Thank to : https://rabbitcare.com/blog/lifestyle/what-is-law-of-attraction-history-and-how-to-use
Published: July 21,2023
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ