ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: "พระธาตุศรีสองรัก" อ.ด่านซ้าย อิทธิฤทธิ์รักที่ยาวนานเป็นนิรันดร์  (อ่าน 866 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29339
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
.



"พระธาตุศรีสองรัก" อ.ด่านซ้าย อิทธิฤทธิ์รักที่ยาวนานเป็นนิรันดร์

นับแต่ปี 2542 ยูเอ็นมีมติรับรองวันวิสาขบูชาเป็น “วันสำคัญสากลโลก” หรือวันที่พระพุทธองค์ประสูติ ตรัสรู้ ดับขันธ์ และทรงสอนสั่งให้มนุษย์มีเมตตาธรรมต่อสิ่งมีชีวิตทั้งมวล

วิสาขบูชาปีนี้ สมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการ ททท.ด้านในประเทศ แจ้งไว้ว่า ททท.สำนักงานเลย ได้ชวนเชิญผู้มีจิตรักศีลธรรมเดินทางไปนมัสการพระธาตุศรีสองรัก บ้านหัวนายูง หมู่ 14 อ.ด่านซ้าย จ.เลย

ระหว่างวันที่ 19-22 พฤษภาคม โดยวันที่ 22 ตรงกับวิสาขบูชาคืนเพ็ญ 15 ค่ำ เดือน 6 และเป็นวาระครบ 464 ปีแห่งเทศกาลงานบุญนี้ มีกิจกรรมมากมาย อาทิ นอกจากคารวะองค์พระธาตุ ยังได้แสดงมุทิตาจิตตามประเพณีโบราณล้างพระธาตุ ส่วนวันสำคัญวิสาขบูชาภาคกลางวันร่วมชมขบวนแห่พานบายศรีเจ้าพ่อกวนเจ้าแม่นางเทียม และขบวนแห่นาค ซึ่งกระทำกันปีละครั้ง ก่อนพระจะย้ายไปจำวัดยังพระอารามโพธิ์ชัย

ใครที่ไปมาแล้วคงได้มีโอกาสชมขบวนแห่ต้นผึ้งเพื่อถวายบูชาพระธาตุ พิธีสรงน้ำสู่ขวัญธาตุ พอตะวันพลบค่ำร่วมเวียนเทียนรอบองค์พระธาตุศรีสองรัก เพื่อความเป็นสิริมงคลที่เดินทางมาถึงจังหวัดเลยในปีนี้




ก่อนอื่นควรรู้ว่าเมืองทะเลภูเขาแห่งนี้คือ “จังหวัดเลย” นั้น นักโบราณคดีชี้ว่า ที่นี่เคยเป็นแหล่งชุมชนโบราณจากการค้นพบเครื่องมือหินขัดแถบเชียงคาน บ่งบอกถึงสังคมเกษตรกรรมเมื่อราว 9 พันปีก่อน และพบใบเสมาอายุ 1 ถึง 1.2 พันปี “ยุคทวารวดี” ที่วังสะพุง สะท้อนว่าถิ่นนี้น่าจะเคยเฟื่องฟูระดับเมือง เช่น เชียงคาน ท่าลี่ และ ด่านซ้าย ส่วนเมืองเลยเดิมทีเป็นเพียงชุมชนบ้านแฮ่ริมน้ำหมานจากภูผาหมาน

ต่อมาเปลี่ยนเป็น “เมืองเลย” ตามชื่อน้ำสายใหญ่...สมัยร้อยกว่าปีก่อนที่คึกคักมากสุดเห็นจะไม่พ้นเมืองเชียงคาน มีการสัญจรทางลำน้ำโขงกับเมืองหลวงพระบาง ส่งผลให้วิถีวัฒนธรรมไหลลื่นสู่กันจนวันนี้

ย้อนไปเมื่อครั้งอดีตพม่ารังแต่จะขยายอำนาจ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิแห่งกรุงศรีอยุธยา ทรงผนึกพลังเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าไชย เชษฐาธิราช แห่งอาณา จักรล้านช้างป้องกัน พม่าจะคิดล้ำเส้น

ไมตรีสองแผ่นดินจึงเกิดขึ้นคราวนั้น...ด้วยการร่วมกันสร้างพระธาตุศิลปะล้านช้างเมื่อปี 2103 เพื่อสื่อความรักสู่กัน ณ ริมฝั่งลำน้ำหมันกึ่งกลางแม่น้ำน่านกับแม่น้ำโขงเรียก “พระธาตุศรีสองรัก”

ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางนาคปรกทองสำริดและหัวนาคศิลา






เรื่องเล่าขานตำนานบทหนึ่งสืบต่อๆกันมา มีว่า “นายมั่นและนายคง” คือ ผู้ยอมอุทิศชีวิตรับใช้พระธาตุแม้ชีวิตจะหาไม่ ขณะตำนานอีกฉบับกล่าวถึงที่มา “เจ้าพ่อกวนกับเจ้าแม่นางเทียม” ผูกคู่กับกำเนิดจากชายหญิงซึ่งผิดหวังในรัก พลัดหลงเข้าไปในอุโมงค์องค์ธาตุขณะกำลังก่อสร้าง

นายช่างที่ทำงานหารู้ไม่ ว่าคนทั้งสองติดอยู่ภายใน จึงลงมือโบกปูนปิดปากอุโมงค์ทันที ทำให้ทั้งคู่ต้องจบชีวิตกลายเป็นวิญญาณสิงสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนั้นเป็นนิรันดร์ แล้วกลายเป็นเจ้าพ่อกวนเจ้าแม่เทียม... ประหนึ่งผู้ดูแลรักษาองค์ธาตุในที่สุด

ดร.ถาวร เชื้อบุญมี ชาวอำเภอด่านซ้าย วัย 75 ปี ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ภาควิชามนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย หรือเจ้าพ่อกวนคนปัจจุบัน เล่าว่า...“ผู้จะมาเป็นเจ้าพ่อกวนต้องผ่านร่างทรงซึ่งเป็นผู้กำหนด โดยพิจารณาจากคุณสมบัติที่เหมาะสม ต้องเป็นหัวหน้าครอบครัว ชาวบ้านต่างยอมรับนับถือในความซื่อสัตย์ เอื้อเฟื้อขยันอดทนอยู่ในศีลในธรรม พร้อมเป็นผู้นำในการปกครองและประกอบพิธีกรรมต่างๆ”




ธรรมเนียมปฏิบัติเจ้าพ่อกวนจะมาจากบรรพบุรุษ แล้วส่งต่อทายาทรุ่นลูกหลานเป็นผู้สืบทอดโดยผ่านร่างทรงเห็นชอบ..คนเป็นเจ้าพ่อกวนจะปฏิบัติภารกิจเกี่ยวกับพระธาตุ เช่น การจัดพิธีบวชปีละครั้งในเขตพระธาตุ รวมถึงผู้นำในการประกอบพิธีกรรม การอำนวยความสะดวกผู้มากราบไหว้ขอพร

“ส่วนใหญ่มุ่งมาขอเรื่องความรัก” เจ้าพ่อกวน ว่า “ที่พึงมีกับชายหญิงอย่างมั่นคงถาวรเทียบได้กับความรักของอาณาจักรไทยที่มีต่อล้านช้างเป็นต้นแบบรักอย่างจีรังยั่งยืน”

...คำขอนอกเหนือจากนี้เจ้าพ่อกวนชี้ว่าเป็นเรื่องหน้าที่การงาน เช่น ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ เพื่อเลื่อนขั้นยศตำแหน่ง ส่วนพ่อค้านักธุรกิจมักขอพรให้ประสบผลสำเร็จในการประกอบธุรกิจ ประชาชนทั่วไปขอโชคลาภกับคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สิน

เมื่อได้สิ่งต้องการแล้วคนเหล่านี้จะกลับมาทำพิธีแก้บน ด้วยการสร้าง “ต้นผึ้ง” ตามต้นแบบอีสานถวายเป็นการตอบแทน บ้างก็ใช้...ไก่ ข้าวต้ม ข้าวหวานหรือข้าวเหนียวแดง บุหรี่ หมากพลู และเหล้าเป็นเครื่องเซ่นบูชา...แต่ถ้าเป็นคนแถบนี้จะยึดธรรมเนียมปฏิบัติตามโบราณประเพณี

“ด้วยการนำควายที่เลี้ยงไว้เพื่อใช้งานนามาประกอบพิธีคราวแก้บนด้วย โดยเจ้าพ่อกวนนี่แหละจะเป็นผู้กล่าวนำถวาย เพื่อความสงบร่มเย็นแก่ทุกคนตลอดจนเป็นสรรพสัตว์ในครัวเรือน”

เจ้าพ่อกวนยังกล่าวถึงบารมีจากองค์พระธาตุ จะคอยคุ้มครองผู้เลื่อมใสศรัทธาที่ห้อยเหรียญบูชาให้รอดพ้นจากอุบัติภัย และบ่อยครั้งเคยปรากฏรัศมีส่องประกายท้องฟ้าเหนือยอดองค์ธาตุ กับบางครั้งดวงตานาคศิลาตรงบันไดเปล่งแสงสุกสกาวช่วงกลางวันน่าอัศจรรย์

เหมือน...กำลังประทานพรให้ทุกคนจงพบแต่ความสุข



น้ำเสียงเจ้าพ่อกวนหนักแน่นขึ้น “พระธาตุศรีสองรักคือแดนสงบบริสุทธิ์ จึงต้องห้ามบุคคลนำวัตถุใดๆสีแดง ที่หมายถึงเลือดเข้าไปเขตขัณฑสีมา ซึ่งผิดเจตนาของสองกษัตริย์ที่สู้อุตส่าห์สร้างพยานรักสู่สันติสุขกับคนสองแผ่นดิน”

สุ้มเสียงนั้นค่อยเบาลง “ห้ามกระทั่งสตรีเพราะทุกคนต้องมีเลือดเสียประจำเดือน ยกเว้นผู้มีเพศสภาพชายกลายเป็นหญิง จะอนุโลมให้ภายใต้เงื่อนไขแต่งกายละม้ายชายเท่านั้น”

“เคยมีคนอยากลองดี!” เจ้าพ่อกำชับ

“ฝืนเข้าไปแรกๆก็ไม่มีอะไร แต่พอกลับออกไปเกิดอาการวิปริตคล้ายคนบ้า ได้แต่ฟูมฟายร้องไห้ไม่มีสาเหตุ หรือไม่ก็ป่วยเป็นลมต้องหามส่งโรงหมอ รุนแรงถึงชีวิตก็เคยมี เจ้าพ่อกวนต้องช่วยแก้ปัญหานำต้นผึ้งอีสานมาขอขมาจึงจะหาย”




เหล่านี้คือ อิทธิฤทธิ์รักมากกว่าปาฏิหาริย์ ที่ไม่ควรมีมิจฉาทิฐิอุตริลบหลู่ดูแคลนเป็นที่ตั้ง

“ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.

                                           รัก-ยม






Thank : https://www.thairath.co.th/lifestyle/culture/2788348
26 พ.ค. 2567 05:32 น. | ไลฟ์สไตล์ > วัฒนธรรม |รัก-ยม
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ