ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สัจธรรมเรื่อง "บุญ-บาป" เปรียบดั่งเกลือกับความเค็ม  (อ่าน 832 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29339
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
.



สัจธรรมเรื่อง "บุญ-บาป" เปรียบดั่งเกลือกับความเค็ม

“ความเข้าใจผิดเรื่องบาปกรรม”...คนที่ทำบาปทำชั่วมากๆ บางคนคิดว่า...ถ้าเขาไม่เคยรู้สึกผิด บาปกรรมก็คงทำอะไรเขาไม่ได้ ญาติมิตรคิดอย่างไรกับความคิดนี้?

ที่ว่า “ถ้าเขาไม่เคยรู้สึกผิด บาปกรรมก็คงทำอะไรเขาไม่ได้” นี้ ชวนให้เข้าใจคลาดเคลื่อนได้มาก...บาปกรรมหรือเรื่องผลบุญผลบาปนั้นเป็น “สัจธรรม” หมายความว่า เป็นจริงตามที่มันเป็น




ไม่ใช่เป็นจริงตามความเชื่อ ความเห็น หรือความสำนึกของใคร

ข้อนี้เทียบให้เห็นง่ายๆ เช่น “คนเราเกิดมาแล้วต้องตาย” นี่เป็นสัจธรรม...ไม่ว่าใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ มันก็เป็นจริงอยู่เช่นนี้ คนที่เชื่อว่าเกิดมาแล้วต้องตายก็ตาย คนที่ไม่เชื่อว่าเกิดมาแล้วต้องตายก็ตายเช่นกัน

ไม่ใช่ว่า...ตายเฉพาะคนที่เชื่อว่าเกิดมาแล้วต้องตาย ส่วนคนที่ไม่เชื่อไม่ตาย

เรื่องนรกสวรรค์ที่มนุษย์สงสัยก็เป็นสัจธรรมเช่นกัน เพียงแต่ว่าบทพิสูจน์ซับซ้อนกว่าความตายที่มองเห็นได้ง่ายๆตื้นๆ พระพุทธศาสนาจึงมีคำแนะนำว่า

“จงทำความเชื่อให้ตรงกับความจริง อย่าเกณฑ์ความจริงให้ตรงกับความเชื่อ”

คนที่ทำความดี (บุญ) ไม่ว่าตัวผู้ทำจะรู้หรือไม่รู้ว่าเป็นความดี ผลของความดีก็ย่อมเกิด...คนที่ทำความชั่ว (บาป) ไม่ว่าเขาจะยอมรับหรือไม่ยอมรับ ผลของความชั่วก็ย่อมเกิดเช่นกัน ความต่างอยู่ตรงที่...เร็วช้า หนักเบา ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยประกอบอื่นๆด้วย...ตรงจุดนี้แหละที่มักทำให้เราสับสน




เช่น เห็นคนทำดี แต่เดือดร้อน...คนทำชั่ว แต่อยู่สุขสบาย นั่นเพราะเรายังไม่ได้เห็นปัจจัยประกอบที่มักจะสลับซับซ้อนเสมอ แต่ไม่ว่าปัจจัยประกอบจะเป็นเช่นไร ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลของความดีความชั่วได้เลย เรื่องผลของบุญ...บาปนี้ ท่านอุปมาไว้อย่างหนึ่งว่า...เหมือนเกลือกับน้ำ เกลือล้วนๆจะเค็มเต็มร้อย แต่ถ้าเอาน้ำผสมลงไป เราจะรู้สึกว่าความเค็มลดลง ยิ่งถ้าเติมน้ำลงไปมากๆ อาจไม่รู้สึกถึงรสเค็มเลย เหมือนกับว่าไม่มีเกลือ แต่ความจริงความเค็มยังคงมีอยู่เท่าเดิม ไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่มีน้ำมาเป็น “ปัจจัยประกอบ”

“อานิสงส์แห่งบุญ” (kalyana mitra.org : คำสอนคุณครูไม่ใหญ่ 2) ระบุว่า ทำบุญสงเคราะห์โลก อานิสงส์น้อยกว่าทำบุญในแหล่งเนื้อนาบุญ แต่เราก็ต้องทำควบคู่กันทั้งสองอย่าง แต่ถ้าถามว่า... อย่างไหนได้มากกว่า? ก็ต้องในแหล่งเนื้อนาบุญ แต่ถามว่า...ควรทำสิ่งใด? ก็ต้องทำทั้งสองอย่าง




“บุญ” จะช่วยให้เรามีรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติเป็นอุปกรณ์สร้างบารมีต่อไป ในภพเบื้องหน้าเรายังต้องเวียนว่ายตายเกิดกันอีก โดยเฉพาะเรามีมโนปณิธานที่จะไปสู่ที่สุดแห่งธรรม ซึ่งการที่จะไปอยู่ตรงนั้นได้ต้องมีบุญบารมีมาก ...บารมี 10 ทัศ หรือ 30 ทัศ จะได้มาก็ต้องสร้างเอง ทำแทนกันไม่ได้

“บุญหล่นทับไม่มีและต้องทำตอนมีกายมนุษย์ เพราะกายมนุษย์เท่านั้นที่สร้างบารมีได้เต็มที่ ตอนนี้เรามาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว แต่อุปกรณ์การสร้างบารมีของเรายังไม่พร้อม...ให้เราสังเกตว่าปัจจุบันครอบครัวของเราเป็นอย่างไร สิ่งแวดล้อมเป็นอย่างไร สมัครพรรคพวกพี่น้องเพื่อนฝูงเป็นอย่างไร เราขาดตกบกพร่องอะไร”

รูปสมบัติ ของเราในชาตินี้ ไม่เฉพาะแต่ความงาม แต่หมายถึงความแข็งแรงด้วย ยังพร่องกันอยู่ เราจะต้องเติมเต็มสิ่งเหล่านี้ให้สมบูรณ์...ทรัพย์สมบัติ ก็เช่นเดียวกัน มีเนื้อนาบุญ มีศรัทธา แต่ขาดโภคทรัพย์สมบัติ ความตั้งใจของเราก็จะไม่สมหวัง เพราะฉะนั้นการมีโภคทรัพย์สมบัติ จึงมีความจำเป็นกับเรามาก

...ที่จะทำให้เราสร้างบารมีอย่างสะดวกสบาย อย่างง่ายดาย

คุณสมบัติ คือ ดวงปัญญาที่จะเข้าใจชีวิตทั้งทางโลกและทางธรรม เข้าใจในศาสตร์ทุกศาสตร์ ดังนั้น บุญทุกบุญจึงต้องสั่งสมให้มากๆ เราจะได้ถึงพร้อมด้วยรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุขและวิชชาธรรมกาย เป็นต้น

ว่าด้วยเรื่องอานิสงส์...“บุญ” รักษาใจคุ้มตัวอย่างง่าย กล่าวกันว่า...หากรักษาศีล 5 หรือศีล 8 จักมีอานิสงส์...ใหญ่ ไม่ต้องไปเกิดเป็นเปรต สัตว์นรก อีกทั้งยังจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐ สมบูรณ์พร้อม ชีวิตเจริญรุ่งเรือง หากมีกรรมเวรก็จะไม่ถาโถมโจมตี ดั่งมีเทวดานางฟ้ามาคอยปกป้องรักษาให้แคล้วคลาดได้ตลอด




ถัดมา...นั่งสมาธิหรือเดินจงกรมวันละ 15 นาทีเป็นอย่างน้อย อานิสงส์ที่จักได้จะมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดทั้งภพนี้...ภพหน้า จิตใจจะสว่างผ่องใส ปล่อยวางได้โดยปราศจากกิเลส ชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองไม่มีวันอับจน สาม...สวดมนต์พระคาถาต่างๆวันละครั้งก่อนนอน อาทิ พระคาถาชินบัญชร พระคาถาพาหุงมหากา อานิสงส์ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองชีวิตการงานก้าวหน้า เงินทองไหลมาเทมา แคล้วคลาดจากอุปสรรคปัญหาทั้งปวง

สุดท้าย...ทำบุญตักบาตรเป็นประจำทุกๆเช้าอยู่เสมอ อานิสงส์ได้ช่วยสืบต่อพระศาสนาทั้งภพนี้...ภพหน้า ไม่ขาดแคลนอาหาร ตายไปไม่หิวโหย อยู่ในภพภูมิที่ดี ข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์

“ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.

                                          รัก-ยม






Thank to : https://www.thairath.co.th/lifestyle/culture/2791567
9 มิ.ย. 2567 06:56 น. | ไลฟ์สไตล์ > วัฒนธรรม | รัก-ยม
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ