ไม่มีใครใหญ่เกินกรรม
ผู้สร้างกรรมเอาไว้ แต่ยังไม่ได้รับผลของกรรม ชื่อว่า เป็นผู้มีหนี้กรรมจะต้องชดใช้
หนี้กรรม เป็นหนี้ศักดิ์สิทธิ์ที่ใครๆ ไม่อาจหลบเลี่ยงได้ ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นพรหม เทวดา มนุษย์ สัตว์เดรัจฉาน
เปรต อสุรกาย สัตว์นรก
แม้แต่พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ ถ้าหากเคยทํากรรมไม่ดีเอาไว้ ก็ต้องชดใช้กรรมเช่นเดียวกัน ไม่มีข้อยกเว้น
ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวได้ว่า ไม่มีใครใหญ่เกินกรรม
ขอขอบคุณ :-
ภาพจาก : pinterest
ที่มา : หนังสือ ไม่มีใครใหญ่เกิดกรรม จัดทำโดย บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด พิมพ์เผยแผ่เป็นธรรมทาน
website :
https://www.dhamma2u.com/product/ไม่มีใครใหญ่เกินกรรม/
นิพเพธิกสูตร ว่าด้วยธรรมบรรยายชำแรกกิเลส
เรากล่าวไว้เช่นนี้แลว่า
‘เธอทั้งหลายพึงทราบ กรรม เหตุเกิดแห่งกรรม ความต่างกันแห่งกรรม วิบากแห่งกรรม ความดับแห่งกรรม ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับแห่งกรรม’
เพราะอาศัยเหตุอะไร.? เราจึงกล่าวไว้เช่นนั้น
ภิกษุทั้งหลาย เพราะอาศัยเหตุนี้ว่า เรากล่าวเจตนาว่าเป็นตัวกรรม บุคคลคิดแล้ว จึงกระทำกรรมด้วยกาย วาจา ใจ
@@@@@@@
เหตุเกิดแห่งกรรม เป็นอย่างไร.? คือ ผัสสะเป็นเหตุเกิดแห่งกรรม
ความต่างกันแห่งกรรม เป็นอย่างไร.? คือ กรรมที่พึงเสวยในนรกก็มี กรรมที่พึงเสวยในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานก็มี กรรมที่พึงเสวยในแดนเปรตก็มี กรรมที่พึงเสวยในมนุษยโลกก็มี กรรมที่พึงเสวยในเทวโลกก็มี นี้เรียกว่า ความต่างกันแห่งกรรม
วิบากแห่งกรรม เป็นอย่างไร.? คือ เรากล่าววิบากแห่งกรรมว่ามี ๓ ประการ คือ
๑. กรรมที่พึงเสวยในปัจจุบัน
๒. กรรมที่พึงเสวยในอัตภาพถัดไป
๓. กรรมที่พึงเสวยในอัตภาพต่อๆ ไป(๑-)
นี้เรียกว่า วิบากแห่งกรรม
ความดับแห่งกรรม เป็นอย่างไร.? คือ เพราะผัสสะดับ กรรมจึงดับ
ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับแห่งกรรม ได้แก่ อริยมรรคมีองค์ ๘______________________________
(๑-) กรรมที่พึงเสวยในปัจจุบัน เรียกว่า ทิฏฐเวทนียกรรม กรรมที่พึงเสวยในอัตภาพถัดไป เรียกว่า "อุปปัชชเวทนียกรรม" กรรมที่พึงเสวยในอัตภาพต่อๆ ไป เรียกว่า "อปราปริยเวทนียกรรม"
ที่มา : พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๒ , พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๔ [ฉบับมหาจุฬาฯ] อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต , นิพเพธิกสูตร ว่าด้วยธรรมบรรยายชำแรกกิเลส ,
https://84000.org/tipitaka/attha/m_siri.php?B=22&siri=314