ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: หลอกเก่งอย่างนี้ นี่ผีหรือคน สำรวจเบื้องหลังสุดสยองเมื่อคนเรา ‘หลอกตัวเอง’  (อ่าน 824 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29339
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
.

ภาพประกอบ :  กิตติกา วงศ์สุภา


หลอกเก่งอย่างนี้ นี่ผีหรือคน สำรวจเบื้องหลังสุดสยองเมื่อคนเรา ‘หลอกตัวเอง’ กันอยู่ทุกวัน

Summary

    - ฮาโลวีนนี้ ไม่มีผีไหนหลอกเราได้น่ากลัว เท่ากับการที่เราหลอกตัวเอง ไทยรัฐพลัสชวนมาสำรวจการโกหกตัวเองและเหตุผลที่คนเราเลือกทำอย่างนั้น

    - การหลอกตัวเองเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปกติกว่าที่เราคิด โดยสาเหตุสำคัญๆ ที่ทำให้คนมักโกหกตัวเองคือ เพื่อรักษาคุณค่าหรือภาพลักษณ์บางอย่าง เพื่อโน้มน้าวผู้อื่น และเพื่อหลีกเลี่ยงความจริงที่เจ็บปวด




 :49: :49: :49:

การโกหกและการปล่อยให้ตัวเองเชื่อคำโกหกดูเหมือนเป็น ‘เรื่องสยอง’ ไกลตัว หลายคนอาจจินตนาการถึงอาชญากรสักคน คนแบบที่โกหกฉ้อโกงไปทั่ว แถมยังเชื่อในคำลวงที่ตัวเองพูด และบางคนก็กล้ายืนยันว่าฉันทำถูก ทั้งที่มันก็ผิดอยู่เห็นๆ

หากมองแบบนี้การหลอกตัวเองดูจะเป็นปรากฏการณ์หายากและร้ายแรง คนแบบไหนล่ะจะ ‘หลอก’ ได้แม้กระทั่งตัวเอง -- แต่เชื่อหรือเปล่าว่า จริงๆ แล้วการหลอกตัวเอง (Self Deception) เป็นเรื่องของเราทุกคน และเกิดขึ้นบ่อยจนแทบจะเป็น ‘ปกติ’

ถ้ายังนึกไม่ออก ลองปล่อยให้ประโยคเหล่านี้กระตุ้นความจำ

“พรุ่งนี้ฉันจะตั้งใจลดน้ำหนัก!”

“ฉันว่า...เขาดีพอสำหรับฉัน”

“ไม่เป็นไรๆ ปกติเธอคงไม่พูดจาใจร้ายแบบนี้หรอกมั้ง”

“เหอะ คนอย่างฉันไม่ต้องการคำชมจากหัวหน้าอยู่แล้ว”

“ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย ฉันเข้มแข็งดี”

พอเห็นภาพแล้วใช่ไหม ว่าเรื่องที่เราใช้หลอกตัวเองนั้นกระจายตัวอยู่แทบทุกทิศในชีวิตประจำวัน เหมือนที่การสำรวจหนึ่งพบว่าคนอเมริกันถึง 93% คิดว่าตนเองมีทักษะการขับรถสูงกว่าค่าเฉลี่ย

เหมือนที่บางคนเลือกบอกว่าเป้าหมายชีวิตคือการเป็นเลิศในหน้าที่การงาน หรือการสร้างครอบครัว มากกว่าจะบอกว่าเป้าหมายชีวิตคือการนอนโง่ๆ ดูอนิเมะช่วงวันหยุด

เหมือนที่บางคนเคยชินกับการบอกตัวเองว่า ‘ฉันเข้มแข็ง’ ‘ฉันทำได้’ ‘ฉันมันเริ่ด’ ตามปรัชญา ‘Fake it till you make it’ ซึ่งเป็นการแสร้งแกล้งทำไป จนกว่าจะรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ

นอกเหนือไปจากสิ่งเหล่านี้ คนเราหลอกตัวเองในอีกหลายแง่มุมชีวิต ไล่ตั้งแต่การงาน นิสัย การกระทำ ความตั้งใจที่แท้จริง ไปจนถึงความสุขและความทุกข์ในจิตใจ และเราทำไปโดยที่ทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว

แต่เหตุผลอะไรบ้างล่ะที่ทำให้เราเลือกโกหกตัวเองแบบนั้น


@@@@@@@

หลอกหลอนที่ 1 : เพื่อรักษา ‘คุณค่า’ หรือภาพลักษณ์บางอย่าง

ลองนึกถึงตัวละครในหนังหรือซีรีส์สักเรื่อง ภรรยาในครอบครัวที่มีชื่อเสียง มีสามี มีลูกน้อยๆ เป็นภาพที่ใครต่างชื่นชม แม้เธอจะพบว่าสามีนอกใจหลายต่อหลายครั้ง และการทำหน้าที่เป็นแม่เต็มเวลาก็ทำให้เธอเหนื่อยแทบเสียสติ แต่เธอก็ไม่เผยมันให้ใครรู้ เธอไม่ต้องการให้ชีวิตในฝันของเธอพังลง เธอจึงอดทนและเลือกเชื่อว่าชีวิตของเธอนั้นสมบูรณ์แบบ เธออาจจะหาเหตุผลต่างๆ นานา เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่เธอเลือกนั้น ‘ถูกต้องแล้ว’

นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น เพราะในชีวิตจริงยังมีคุณค่าอีกหลายแบบที่คนเลือกจะกอดไว้ให้แน่น เช่น การเป็นคนเก่ง การเป็นคนประสบความสำเร็จ การเป็นที่รักของคนอื่น กระทั่งการเป็น ‘คนดี’ บรรดาสิ่งที่เรายกให้เป็นเรื่องสำคัญของชีวิต และมีผลนิยามความเป็นเรานี่แหละ ทำให้บางครั้งเราเลือกหลอกตัวเองเพื่อรักษามันไว้

มีการทดลองหนึ่งในต่างประเทศที่น่าสนใจมาก เนื่องจากนักจิตวิทยาหลายคนมองว่าการศึกษาเรื่องหลอกตัวเองอย่างเป็นวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องปวดหัว เราไม่สามารถถามคนอื่นได้ง่ายๆ ว่าพวกเขากำลังหลอกตัวเองอยู่หรือไม่ เพราะครั้งมันเกิดขึ้นแบบที่จิตใต้สำนึกไม่รับรู้ ดังนั้น พวกเขาจึงคิดค้นการทดลองที่ซับซ้อนเล็กน้อยขึ้นมา

Zoë Chance ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านการตลาดที่มหาวิทยาลัยเยล ได้สร้างการทดลองหนึ่งในปี 2011 เธอพยายามแสดงให้เห็นว่าผู้คนจำนวนมากใช้การหลอกตัวเองโดยไม่รู้ตัวเพื่อเพิ่ม ‘อัตตา’ หรืออีโก้ของตนเอง (เป็นชุดคำหนึ่งที่คนมักใช้ ให้คำอธิบายใกล้เคียงกับความหมาย ตัวตน หรือภาพลักษณ์ที่เราให้ความสำคัญในชีวิต)

ผู้ร่วมการทดลองหนึ่งถูกขอให้ทำแบบทดสอบ IQ โดยมีเฉลยคำตอบพิมพ์อยู่ด้านล่างกระดาษด้วย ผลปรากฏว่าคนกลุ่มนี้ได้คะแนนดีอย่างเห็นได้ชัด แต่พวกเขาดูจะไม่รู้ว่าตัวเองพึ่งพาเฉลยมากน้อยแค่ไหน เพราะพวกเขาคาดการณ์ว่าตัวเองจะทำได้ดีเท่าๆ กันในแบบทดสอบอีกชุดที่ไม่มีเฉลย ในกรณีนี้พวกเขาหลอกตัวเองว่าสามารถเอาชนะแบบทดสอบได้โดยไม่ต้องให้ใครช่วย แม้หลายคนเมื่อทำแบบทดสอบที่ไม่มีเฉลยจะได้คะแนนน้อยลงก็ตาม

เพื่อให้แน่ใจในข้อสรุปนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์จึงทำการทดลองซ้ำอีกครั้งกับผู้เข้าร่วมกลุ่มใหม่ คราวนี้ผู้เข้าร่วมจะได้รับรางวัลเป็นเงินสดหากทำนายคะแนนของตัวเองในการทดสอบครั้งที่สอง (ซึ่งไม่มีเฉลยให้) อย่างแม่นยำ แต่ถ้าทายคะแนนตัวเองสูงเกินไป พวกเขาจะถูกหักเงิน

หลายคนอาจคิดว่าเมื่อมีบทลงโทษมาขู่ พวกเขาจะประเมินตัวเองบนฐานความเป็นจริงยิ่งขึ้น แต่เปล่าเลย ผลปรากฏว่าพวกเขายังคงหลอกตัวเองว่าฉลาดกว่าที่เป็น แม้จะรู้ว่าต้องเสียเงินก็ตาม

ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่า ผลลัพธ์เช่นนี้เกิดในชีวิตจริงได้ไม่ยาก เราใช้การหลอกตัวเองอยู่เสมอเพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ของตน เช่น นักวิทยาศาสตร์บางคนอาจรู้สึกว่าผลการทดลองสติเฟื่องของพวกเขาเป็นของแท้ แม้ว่าจะใช้ข้อมูลปลอม นักเรียนอาจเชื่อว่าตัวเองควรได้รับคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยดัง แม้ว่าจะโกงข้อสอบก็ตาม

@@@@@@@

หลอกหลอนที่ 2 : เพื่อ ‘เลือกข้าง’ และโน้มน้าวผู้อื่น

การหลอกตัวเองเพื่อเลือกข้างเป็นอะไรที่ซับซ้อนสักหน่อย แต่ถ้าเล่าผ่านการทดลอง จะรู้สึก ‘อ๋อ’ ขึ้นมาทันที

Peter Schwardmann ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์พฤติกรรมที่มหาวิทยาลัย Carnegie Mellon สหรัฐอเมริกา อธิบายเรื่องนี้ผ่านการแข่งขันโต้วาที ในการแข่งขันแบบนี้ผู้เข้าร่วมจะได้รับหัวข้อจากการสุ่ม และประเด็นมุมมองที่จะต้องใช้ในการโต้วาที โดยพวกเขาจะถูกตัดสินว่านำเสนอข้อคิดเห็นนั้นๆ ได้ดีแค่ไหน

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ได้ทำการสำรวจความเชื่อส่วนตัวของผู้แข่งขันทั้งเวลาก่อนเข้าแข่งขันโต้วาที หลังจากได้รับหัวข้อ และหลังจากโต้วาทีเสร็จแล้ว เขาพบว่าความคิดเห็นส่วนตัวของแต่ละคนเปลี่ยนไปอย่างมากหลังจากได้รับหัวข้อโต้วาทีและอยู่ฝ่ายใด ทั้งหมดนี้ก็เพื่อทำให้ตัวเองสามารถโน้มน้าวผู้ฟังให้เชื่อด้วยเช่นกัน

และหลังจากการโต้วาทีเสร็จสิ้น ผู้ช่วยศาสตราจารย์ก็พบว่าพวกเขาเอาเงินรางวัลบริจาคให้องค์กรที่มีจุดยืนใกล้เคียงกับประเด็นโต้วาทีของตัวเอง แม้ก่อนหน้าการแข่งขันนี้พวกเขาจะคิดอีกแบบเลยก็ตาม

ผู้เชี่ยวชาญจึงวิเคราะห์ว่าความคิดเห็นของเราหลายอย่างอาจถูกสร้างขึ้นด้วยวิธีนี้ ในทางการเมือง เป็นไปได้ที่ผู้รณรงค์หาเสียงที่รับมอบหมายให้กล่าวปราศรัย จะโน้มน้าวใจตัวเองว่าเนื้อหาที่เขาต้องพูดเป็นมุมมองเดียวในการมองประเด็นต่างๆ  ไม่ใช่เพราะพวกเขาได้ประเมินข้อเท็จจริงอย่างรอบคอบ แต่เพียงเพราะพวกเขาถูกขอให้เสนอข้อโต้แย้ง เหมือนกับการแข่งขันโต้วาที

ถ้ามองเรื่องนี้ในชีวิตประจำวัน เราอาจโน้มน้าวให้ตัวเองเชื่อในเรื่องบางเรื่อง เพราะเราต้องการจะอยู่รอด อยู่ในฝั่งที่เป็นฝ่าย ‘ถูก’ กระทั่งเพราะเราอยากให้มีคนเชื่อเราก็เป็นได้เช่นกัน


@@@@@@@

หลอกหลอนที่ 3 : เพื่อหลีกเลี่ยงความจริงที่เจ็บปวด

ต่อไปนี้คือสิ่งที่เราไม่ค่อยอยากจะยอมรับ แต่บางทีคนเราก็หลีกเลี่ยงความเจ็บปวดด้วยการหลอกตัวเอง

บางครั้งเราก็โกหกว่าชีวิตของเราแย่แค่ไหน เพราะเรารู้สึกว่าชีวิตของเราไม่ได้เป็นไปตามความคาดหวังหรือมาตรฐานที่ตั้งไว้ และรู้สึกว่าตัวเองคือผู้ล้มเหลว เราหลายคนจึงไม่สามารถยอมรับและเพลิดเพลินไปกับชีวิตตรงหน้าในแบบที่มันเป็นได้ หรือบางครั้งเราก็กลัวว่าช่วงเวลาดีๆ จะไม่อยู่กับเราตลอดไป เราเจ็บปวด เรากลัว เราจึงโกหกว่าชีวิตของเรามันแย่ มันไม่ได้ดีขนาดนั้น

บางครั้ง เราใช้การเสพติดและพฤติกรรมทำลายตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงจากสิ่งที่รบกวนเราจริงๆ และความเจ็บปวดที่แท้จริงข้างใน เราอาจออกไปดื่มและสังสรรค์เหมือนคนรื่นเริง แค่เพื่อวิ่งหนีสิ่งที่ตะโกนอยู่ข้างใน

หรือบางครั้ง เราก็หลอกตัวเองเพื่อปกปิดความไม่มั่นคงหรือข้อบกพร่องในตัวเราเอง เพราะการทำอย่างนั้นแง่หนึ่งก็ทำให้เรารู้สึกว่าสามารถควบคุมสิ่งต่างๆ ได้ หลายครั้งเราจึงโกหกออกไป และเราก็เชื่ออย่างนั้นจริงๆ

เราอาจเจ็บปวด กลัว หรือรู้สึกเศร้ากับผลลัพธ์หากเราเผชิญหน้าความจริง ดังนั้นเราจึงเลือกจะเคลือบความจริงไว้ด้วยเรื่องเล่า ‘อีกเวอร์ชัน’ นั่นเอง

@@@@@@@

หลอกหลอนสุดท้าย : การหลอกตัวเองมีทั้งข้อดีและข้อเสีย

การโกหกตัวเองบางครั้งก็มีประโยชน์ เหมือนกับการ Fake it till you make it นั่นแหละ เพราะบางครั้งเราใช้มันให้กำลังใจตัวเองและผู้อื่น และการทำแบบนั้นมันก็ไม่ได้ต้องการเหตุผลหรือหลักฐานอะไรนักหนา

การเชื่อมันในตัวเองเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ มันทำให้เราเอาตัวรอดได้ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนหรือยากลำบาก ขณะที่การเชื่อมั่นในผู้อื่น บางครั้งก็เป็นการรักษาเสถียรภาพทางจิตใจ เป็นการรักษาความสมดุลของใจตัวเองให้มั่นคง ก่อนที่จะค่อยๆ ไปเผชิญหน้าความจริง

สุดท้ายแล้ว การหลอกตัวเองช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นทั้งเรื่องที่เกี่ยวกับตัวตนหรือชีวิตของเรา และท่ามกลางความรู้สึกดีๆ เหล่านี้ บางทีเราก็มีศรัทธาจนก้าวต่อไปได้

ขณะเดียวกันการหลอกตัวเองก็เป็นพิษร้าย เพราะมันเป็นเพียงการปกปิดความจริงไว้ ยิ่งเราแกล้งทำเป็นว่าไม่มีปัญหาอะไรนานเท่าไร ปัญหาก็ยิ่งทวีคูณ เช่น การติดยา โรคเรื้อรัง ปัญหาทางการเงิน และคู่ครองที่นอกใจ

การหลอกตัวเอง ยิ่งเราปล่อยไว้นานเท่าไร ก็ยิ่งรับมือได้ยากขึ้นเท่านั้น







Thank to : https://plus.thairath.co.th/topic/everydaylife/104895
Thairath Plus › Everyday Life | Live & Learn › Lifestyle
Auther : ศุภาวรรณ คงสุวรรณ์ | 30 ต.ค. 67
อ้างอิง : BBC, Medium
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ