.
ช่อดอกของต้นตีนเป็ด (ภาพโดย Tris T7 ใน Wikimedia Commons สิทธิการใช้งาน CC BY-SA 4.0) - ปรับกราฟิกเพิ่มเติมโดยกองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม)“ตีนเป็ด” มาจากไหน.? ความย้อนแย้งของต้นไม้ที่ส่งกลิ่นหอม (ฉุน) ว้าวุ่นไปทั่วเมืองเมื่อฤดูหนาวมาถึง นอกจากสายลมจะพัดพาอากาศเย็นมาแล้ว กลิ่นของดอก “ตีนเป็ด” ก็อบอวลไปทั่วเช่นกัน โดยเฉพาะช่วงพลบค่ำ จนบางคนบอกว่ากลิ่นตีนเป็ดนี่แหละคือกลิ่นของช่วงปลายฝนต้นหนาว
ตีนเป็ด มีชื่อทางการว่า พญาสัตบรรณ เป็นต้นไม้ที่พบทั่วไป ทั้งในพื้นที่สาธารณะ ส่วนราชการต่าง ๆ ก็นิยมปลูกไว้เป็นร่มเงา ออกดอกปีละหนช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน และคงเป็นกลิ่นเฉพาะตัวของดอกตีนเป็ดนี่เอง ที่ทำให้หลายคนจำต้นไม้นี้ได้แม่น จนถูกคนจำนวนไม่น้อยตามจงเกลียดจงชัง ถึงขั้นอยากตัดโค่นทิ้งเสียให้รู้แล้วรู้รอด เพราะกลิ่นเหม็นฉุนเกินจะทนไหว บางคนได้กลิ่นอ่อน ๆ ลอยมาตามสายลมก็เวียนหัวขึ้นมาทันที
@@@@@@@
ตีนเป็ดมาจากไหน.? ทำไมกลายเป็นต้นไม้ที่สร้างเรื่องได้ขนาดนี้
ตีนเป็ดจัดเป็นไม้ยืนต้นสูงขนาดใหญ่ สูงได้ถึง 12-20 เมตร ใบเป็นช่อสีเขียวเข้ม ปลายใบมน โคนใบแหลม แตกใบรอบข้อเป็นวง เป็นที่มาของชื่อ เพราะดูไปคล้ายตีนเป็ด ลำต้นมีเปลือกหนาหุ้มแต่เปราะ ผิวขรุขระ มียาง ส่วนดอกตัวสร้างเรื่องเป็นช่อสีขาวปนเหลือง-เขียว
ว่ากันตรง ๆ ตีนเป็ดเป็นต้นไม้ประจำถิ่นนี่แหละ ไม่ใช่ไม้นำเข้าหรือพืชต่างถิ่นแต่อย่างใด พบได้ทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ หรือในประเทศที่มีภูมิอากาศแบบร้อนชื้น ตั้งแต่อินเดีย บังกลาเทศ พม่า ฯลฯ และทั่วทุกภาคในประเทศไทย โดยเฉพาะป่าดิบแล้งและป่าดิบชื้น เพียงแต่ถูกขยายพันธุ์จากป่ามาปลูกในเมืองอย่างเป็นล่ำเป็นสัน จากสาเหตุหลักคือโตเร็ว ตายยาก เรียกว่าเป็น “ไม้เบิกร่อง” ปลูกไว้ไม่นานก็แผ่ร่มเงาไปทั่ว ลำต้นตรง ลักษณะดี แตกกิ่งก้านสาขาเป็นชั้น ๆ คล้ายฉัตร จึงถูกมองสื่อไปในทางมงคล
ชื่อ “พญาสัตบรรณ” ของต้นตีนเป็ด มีรากศัพท์มาจากภาษาสันสกฤตว่า “Saptaparni” หรือ “Saptaparna” หมายถึง 7 ใบ (‘sapta’ สัปตะหรือสัตตะ แปลว่า เจ็ด – ‘parni’ ‘parna’ ปรฺณหรือบรรณ แปลว่า ใบไม้) จากจำนวนใบโดยเฉลี่ยในแต่ละช่อใบ
แต่ในอินเดียซึ่งเป็นต้นทางของภาษาสันสกฤต กลับเรียกต้นตีนเป็ดว่า “Shaitan ka Jhad” หมายถึง ต้นไม้ปีศาจ จากเรื่องเล่าโบราณที่เชื่อว่าต้นไม้นี้เป็นที่สิงสู่ของภูติผี จึงส่งกลิ่นเหม็นเน่าไปทั่วในเวลากลางคืน เป็นเหตุให้คนโบราณไม่อยากเข้าใกล้หรือหักร้างถางพง ตีนเป็ดจึงแพร่พันธุ์ไปทั่วแบบไร้อุปสรรค
อย่างไรก็ตาม คนอินเดียเรียนรู้ที่จะใช้ประโยชน์จากต้นเป็ดเช่นกัน โดยเป็นส่วนหนึ่งในประเพณีของชาวฮินดูรัฐเกรละ ทางใต้ฝั่งตะวันตกของประเทศ ที่นั่นมี เทศกาลโอนัม (Onam) ที่ใช้ไม้ตีนเป็ดแกะสลักเป็นหน้ากากเทพเจ้าตามความเชื่อ นำมาสวมใส่แล้วร่ายรำประกอบการบวงสรวงทวยเทพ
@@@@@@@
ภาพลักษณ์ของตีนเป็ดในอินเดียสมัยหลังยังแปรเปลี่ยน จนถูกนิยามใหม่ว่าเป็นภาพแทนของ “การตื่นรู้” ภายใต้ความเชื่อว่ากลิ่นเหม็นฉุนของดอกตีนเป็ดทำให้ผู้คนมีสมาธิจดจ่อ ได้ตระหนักรู้ความคิดของตน ความเชื่อดังกล่าวจริงจังถึงขนาด รพินทรนาถ ฐากูร ปราชญ์อินเดียผู้ได้รับรางวัลโนเบล สาขาวรรณกรรมเมื่อ ค.ศ. 1913 ริเริ่มธรรมเนียมการมอบ “ใบตีนเป็ด” แก่บัณฑิตผู้สำเร็จการศึกษาด้วย
ต้นตีนเป็ดยังปรากฏอยู่ในคัมภีร์พุทธศาสนา ชินกาลมาลีปกรณ์ ที่เล่าถึง “ต้นสัตตบรรณ” หรือ สัตตปัณณะ เป็นต้นไม้ที่ “พระตัณหังกรพุทธเจ้า” (พระพุทธเจ้าองค์แรก ก่อนพระโคดมพุทธเจ้าหรือพระสิทธัตถะ) ใช้ประทับตรัสรู้ เป็นอีกหลักฐานการเชื่อมโยงต้นตีนเป็ดกับปัญญาหรือการตื่นรู้ของพระพุทธเจ้าในอดีต
ปัจจุบัน ต้นตีนเป็ดถือเป็นต้นไม้ประจำเขตพญาไท รวมถึงไม้มงคลประจำจังหวัดสมุทรสาคร สืบเนื่องจากในอดีต วันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2537 ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้รับพระราชทานต้นไม้นี้จากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในวโรกาสที่เสด็จฯ ไปทรงเป็นประธานเปิดวันรณรงค์โครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผู้ว่าฯ สมุทรสาครจึงนำพันธุ์ไม้พระราชทานนี้ มาปลูกที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราพบต้นตีนเป็ดได้ทั่วไป เพราะมันขยายพันธุ์ได้ง่ายมาก ทั้งจากการเพาะเมล็ดและปักชำ แต่หากมองข้ามเรื่องกลิ่นดอกที่รบกวนประสาทรับกลิ่นไป นี่คือ ต้นไม้ที่มีสรรพคุณทางยาเกือบทั้งต้น ตั้งแต่เปลือกต้นที่ช่วยแก้หวัด-ไข้ รักษาอาการไอ ใบช่วยเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ยางใช้อุดแก้อาการปวดฟัน รักษาแผลเปื่อย สารสกัดจากน้ำมันหอมระเหยของดอกตีนเป็ดยังสามารถใช่ไล่ยุงได้ด้วย และสรรพคุณอีกมากมาย
ตีนเป็ด หรือ พญาสัตบรรณ ออกดอกสะพรั่งช่วงปลายฝนต้นหนาว (ภาพจาก มติชนออนไลน์, 9 พฤศจิกายน 2565)ถึงอย่างนั้น ประโยชน์ของตีนเป็ดไม่อาจเปลี่ยนมุมมองที่หลายคนมีต่อต้นไม้นี้ไปได้ แน่ล่ะ…ก็กลิ่นสุดจะทนของมันยังลอยอบอวลไปทั่วเหมือนเดิม เพราะการอยู่ผิดที่ผิดทาง แทนที่จะอยู่ในป่าห่างไกลชุมชน
มีงานวิจัยว่า ดอกตีนเป็ดนั้นอุดมไปด้วยน้ำมันหอมระเหยที่มีฤทธิ์กระตุ้นประสาทรับกลิ่น ทำให้คนแพ้น้ำมันหอมระเหยได้กลิ่นเพียงนิดเดียวก็อาเจียนได้จริง ๆ แต่ “คุณ” ที่กล่าวไปข้างต้น ทำให้คนเลือกที่จะมองข้าม “โทษ” นั้นไป เราจึงได้เห็นตีนเป็ดยืนต้นสูงตระหง่านเรียงรายอยู่ทั่วทุกหัวระแหง
ความสัมพันธ์แบบ จะว่ารักก็รัก จะว่าชังก็ชัง ระหว่างคนกับ “ตีนเป็ด” จึงต้องดำเนินต่อไป ด้วยประการฉะนี้…
@@@@@@@
อ่านเพิ่มเติม :-
• ทาเบบูย่า ต้นไม้นำเข้า ที่ชอบเอาชื่อ”หม่อมราชวงศ์” มาตั้งเป็นชื่อ
• นารีผล ต้นไม้สาวงามในวรรณกรรม สื่อความต้องการ “สตรี” ทั้งเทพและมนุษย์อ้างอิง :-
- Archive.today. ต้นไม้ประจำเขต (พญาไท). 11 สิงหาคม 2554. จาก
https://archive.li/cmutL- กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช. พญาสัตบรรณ (Alstonia scholaris (L.) R. Br.) สืบค้นเมื่อ 20 พฤศจิกายน 2566. (ออนไลน์)
- คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. พญาสัตบรรณ (Alstonia scholaris). สืบค้นเมื่อ 20 พฤศจิกายน 2566. (ออนไลน์)
- มติชนออนไลน์. ป่าไม้วอน อย่าตัดต้นตีนเป็ด ชี้มีประโยชน์มากกว่าโทษ ใครไม่ต้องการให้แจ้ง จะส่งคนไปล้อมให้. 6 พฤศจิกายน 2564. (ออนไลน์)
- The Navhind Times. The scholar’s tree. September 06, 2022. (Online)
- We Grow Forest Foundation, Medium. WHITE CHEESEWOOD. February 11, 2022. (Online)
- Wisdom Library. Saptaparṇa, Saptaparna, Saptan-parna, Saptaparṇā: 20 definitions. Retrieved November 20, 2023. (Online)
ขอขอบคุณ :-
ผู้เขียน : ธนกฤต ก้องเวหา
เผยแพร่ : วันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ.2566
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก : เมื่อ 20 พฤศจิกายน 2566
website :
https://www.silpa-mag.com/culture/article_122239